สุดารัตน์” จี้ผ่าตัดประเทศครั้งใหญ่ ชี้ไทยป่วยหนักเพราะผู้นำขาดวิสัยทัศน์ เสนอ 3 ทางรอด สร้างการเมืองสุจริต-ล้างโครงสร้างเก่า-ธำรงไว้ซึ่งสถาบันหลักของชาติ
“สุดารัตน์” จี้ผ่าตัดประเทศครั้งใหญ่ ชี้ไทยป่วยหนักเพราะผู้นำขาดวิสัยทัศน์ เสนอ 3 ทางรอด สร้างการเมืองสุจริต-ล้างโครงสร้างเก่า-ธำรงไว้ซึ่งสถาบันหลักของชาติ
พรรคไทยสร้างไทย จัดสัมมนาโครงการจัดทำแผนยุทธศาสตร์พรรคไทยสร้างไทย ภายใต้หัวข้อเศรษฐกิจไทยจะรอดได้อย่างไร โดยภาคเช้า ได้รับเกียรติจากวิทยากร ด้านเศรษฐศาสตร์ ร่วมให้ความรู้ ขณะที่ช่วงบ่ายเป็นการอภิปรายถึงแนวทางการสร้างอุดมการณ์ ยุทธศาสตร์และนโยบายของพรรคไทยสร้างไทยสำหรับอนาคตประเทศไทย
คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ หัวหน้าพรรคไทยสร้างไทย ระบุประเทศไทยกำลังเผชิญวิกฤตเศรษฐกิจรุนแรงที่สุดครั้งหนึ่ง โดยจีดีพีเติบโตต่ำเพียง 1.5-2% ขณะที่กำลังซื้อของประชาชนลดลงอย่างต่อเนื่อง รายได้ไม่เพียงพอต่อค่าใช้จ่าย และประเทศกำลังสูญเสียความสามารถในการแข่งขันในระดับโลก พร้อมเปรียบว่า “ประเทศไทยวันนี้เหมือนคนแก่ที่ยากจนและกำลังป่วยหนัก”
หัวหน้าพรรคไทยสร้างไทย ชี้ว่ารากเหง้าของปัญหาเศรษฐกิจและสังคมที่รุมเร้าไทยในปัจจุบันมาจากการบริหารประเทศที่ล้มเหลว ทั้งด้านการศึกษา โครงสร้างเศรษฐกิจล้าหลัง ค่าแรงสูง ขาดนวัตกรรม และเข้าสู่สังคมสูงวัยโดยไม่มีการเตรียมความพร้อม ขณะเดียวกัน โครงสร้างงบประมาณที่ล้าสมัยกลับเปิดช่องให้มีการทุจริตสูงถึง 30% ในบางโครงการ และกฎหมายต่างๆ ยังคงเป็นอุปสรรคต่อการลงทุนและการประกอบอาชีพ
อีกประเด็นสำคัญคือการเมืองที่เสื่อมถอย โดยเฉพาะการใช้เงินจำนวนมหาศาลในการซื้อเสียงในการเลือกตั้งที่ผ่านมา ซึ่งสะท้อนถึงระบบการเมืองที่ขาดวิสัยทัศน์ มุ่งเน้นเพียงผลประโยชน์เฉพาะหน้า ส่งผลให้การใช้นโยบายประชานิยมระยะสั้นกลายเป็นทางเลือกหลักของนักการเมือง และเป็นช่องทางในการหาผลประโยชน์จากโครงการรัฐ
คุณหญิงสุดารัตน์เสนอ 3 แนวทางสำคัญเพื่อผ่าทางตันของประเทศดังนี้
1) สร้าง“การเมืองสุจริต”เพื่อต่อสู้กับการเมืองทุจริต
2) กล้าผ่าตัดโครงสร้างเดิมๆ ที่เป็นอุปสรรคต่อการพัฒนาประเทศ และเศรษฐกิจ
3)การธำรงไว้ซึ่งสถาบันหลักของชาติ ที่เป็นที่ยึดโยงคนในชาติไว้ด้วยกัน ทั้งสถาบันพระมหากษัตริย์ และศาสนา
ด้าน ดร.โภคิน พลกุล ประธานกรรมการยุทธศาสตร์พรรคไทยสร้างไทย เสริมว่า ประเทศไทยกำลังเสี่ยงเป็น “รัฐล้มเหลว” จากปัญหาคอร์รัปชัน การเมืองไร้จริยธรรม และระบบราชการที่ไร้ประสิทธิภาพ พร้อมชี้ว่าไทยไม่สามารถปรับตัวตามโลกที่เปลี่ยนแปลงได้ทัน ไม่ว่าจะเป็นสงครามการค้า สินค้าราคาถูกจากต่างชาติ ปัญหาสิ่งแวดล้อม หรือการใช้เทคโนโลยีและ AI ที่รัฐบาลยังไม่จริงจัง
นายสุรนันทน์ เวชชาชีวะ อดีตรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ระบุว่าประเทศไทยเคยมีโอกาสเติบโตทางเศรษฐกิจจากการส่งออกและดึงดูดการลงทุน แต่ในยุคปัจจุบันจำเป็นต้องคิดใหม่และลดการพึ่งพาภายนอก หันมาเน้นการผลิตในประเทศ การปฏิรูปกฎหมาย สนับสนุน SMEs อย่างแท้จริง และใช้วิทยาศาสตร์-สติปัญญาแทนความเชื่อแบบเดิม
วิทยากรที่ร่วมบรรยาย ต่างเห็นพ้องว่าประเทศจำเป็นต้องปฏิรูปโครงสร้างทั้งการเมือง การบริหาร และระบบเศรษฐกิจอย่างเร่งด่วน หากยังคงปล่อยให้น้ำเน่า – หมายถึงการเมืองที่ทุจริต – ไหลเวียนอยู่ ปลาแม้จะแข็งแรงแค่ไหนก็ไม่อาจอยู่รอดได้ พร้อมย้ำว่าประชาชนต้องมีส่วนร่วมในการขับเคลื่อนประเทศอย่างแท้จริงเพื่อฟื้นความหวังของชาติไทยในอนาคต