ท่องเที่ยวเกาหลี ชู TravelTech ดึง ‘คนไทย’ กลับไปเที่ยวเพิ่ม
จากเคยเป็นแหล่งท่องเที่ยวติดอันดับท็อปในใจคนไทย แต่ตอนนี้ ‘เกาหลี’ มีนักท่องเที่ยวไทยไปเยือนในแต่ละปีลดลงชัดเจนจากหลายปัจจัยทั้งสภาพเศรษฐกิจ การแข่งขันด้านการท่องเที่ยว และ ‘ปัญหาการเข้าประเทศ’ ซึ่งประเด็นหลังเป็นเรื่องที่ถูกพูดถึงกันมากที่สุด
องค์การส่งเสริมการท่องเที่ยวเกาหลี หรือ KTO ได้เผยถึงภาพรวมคนไทยไปท่องเที่ยวเกาหลีเริ่มลดลงตั้งแต่ช่วงเกิดการระบาดของโควิด โดยปี 2562 ช่วงก่อนเกิดโควิดมีนักท่องเที่ยวไทยไปเยือนเกาหลี 527,000 คน, ปี 2567 อยู่ที่ 322,000 คน ส่วนในปี 2568 ช่วงครึ่งปีแรกมีนักท่องเที่ยวไทยไปเกาหลีกว่า 180,000 คน และเมื่อจบทั้งปีตั้งเป้าไว้ที่ 360,000 คน
จากช่วงก่อนเกิดโควิด-19 ไทยติดใน Top 5 นักท่องเที่ยวที่ไปเยือนเกาหลีมากที่สุด แต่ปัจจุบันตกมาอยู่อันดับ 11
สำหรับสาเหตุของการลดลงทาง KTO บอกว่า มาจากหลายปัจจัย ไม่ว่าจะเป็น‘สภาพเศรษฐกิจ’ ที่มีผลให้กำลังซื้อของคนไทยลดลง, ‘การแข่งขันด้านท่องเที่ยว’ ส่วน ‘ปัญหาการเข้าประเทศ’ ก็ถือเป็นปัจจัยหนึ่ง แต่มีเปอร์เซ็นต์ไม่สูง เมื่อเทียบกับสัดส่วนนักท่องเที่ยวไทยทั้งหมด
นอกจากจำนวนแล้ว หลังจากการระบาดของโควิด-19 ยังเห็นเทรนด์พฤติกรรมของคนไทยที่ไปเที่ยวเกาหลีเปลี่ยนไป นั่นคือ จากเคยนิยมเดินทางกับ ‘กรุ๊ปทัวร์’ มาเป็น ‘เดินทางด้วยตัวเอง’ (individual traveler / FIT) โดยจะวางแผนล่วงหน้าและใช้แพลตฟอร์มจองออนไลน์-เปรียบเทียบราคา
รวมถึงเน้นไปท่องเที่ยวเฉพาะด้าน เช่น Medical Wellness, K-beauty, คลินิกศัลยกรรม ฯลฯ ,เน้นเที่ยวเชิงลึกในย่านใหม่เพิ่มขึ้น ไม่ใช่เฉพาะแหล่งท่องเที่ยวกระแสหลัก, สื่อสารผ่านแอปแปลภาษาและ ใช้ eSIM สำหรับเพิ่มความสะดวก
ชู TravelTech ดึงคนไทยกลับไปเที่ยวเพิ่มขึ้น
สิ่งที่เกิดขึ้นสะท้อนให้เห็นว่า พฤติกรรมของนักท่องเที่ยวไทยให้ความสำคัญกับการใช้ดิจิทัลเข้ามาใช้วางแผน และเพิ่มความสะดวกสบายเมื่อต้องเดินทางมากขึ้น จึงเป็นเหตุผลให้การท่องเที่ยวเกาหลีจะชูเรื่อง TravelTech เข้ามาผลักดันให้คนไทยกลับไปเที่ยวเกาหลีให้มากขึ้น ขณะเดียวกันยังเป็นการส่งเสริมธุรกิจท่องเที่ยวเกาหลีในไทยไปพร้อมกันด้วย
‘ยัง คยองซู’ รองประธานบริหาร สายงานอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว องค์การส่งเสริมการท่องเที่ยวเกาหลี (KTO) กล่าวว่า ประเทศไทยไม่ใช่แค่ฐานตลาด แต่คือพาร์ทเนอร์ระดับภูมิภาคที่พร้อมเติบโตไปด้วยกัน เนื่องจากธุรกิจไทยมีความแข็งแกร่งในด้านการให้บริการ ขณะที่เกาหลีมีจุดแข็งด้านนวัตกรรม หากสามารถเชื่อมสองสิ่งนี้เข้าด้วยกันได้อย่างรวดเร็ว จะทำให้เราเป็นผู้เล่นกลุ่มแรก ๆ ที่ได้เปรียบในตลาดท่องเที่ยวยุคใหม่ ซึ่งรัฐบาลเกาหลีใต้ให้การสนับสนุนกลุ่มสตาร์ทอัพศักยภาพสูงเหล่านี้ผ่านทาง KTSC หรือ ‘ศูนย์ส่งเสริมสตาร์ทอัพการท่องเที่ยวเกาหลี’
สำหรับ KTSC ในไทย ได้เปิดดำเนินงานเมื่อปี 2567 เป็นแห่งที่ 3 ต่อจาก ‘สิงคโปร์’ และ ‘โตเกียว’ ทำหน้าที่เชื่อมสตาร์ทอัพเกาหลีกับธุรกิจไทย ตั้งแต่การวิจัยตลาด ทดลองใช้เทคโนโลยี (PoC) ปรับผลิตภัณฑ์ให้เหมาะสมกับผู้บริโภคไทย ไปจนถึงอำนวยความสะดวกด้านกฎหมายและการตั้งธุรกิจในไทย
ปัจจุบันมี 12 บริษัทเข้าร่วม โดย 2 ราย จดทะเบียนบริษัทในไทยเรียบร้อยแล้ว ได้แก่Lala Station ผู้ให้บริการแพลตฟอร์มไลฟ์คอมเมิร์ซบน OTA ที่รองรับการแปลภาษาแบบเรียลไทม์หลายภาษา ด้วยระบบ SaaS ได้ร่วมทุนกับเครือสหพัฒน์ ในไทย และ Seoul Unniedeul แพลตฟอร์มทัวร์คอมเมิร์ซที่ผสมผสานประสบการณ์ K-Beauty และสไตล์แฟชั่น
“หากการท่องเที่ยวต้องการอยู่รอดในเศรษฐกิจปัจจุบัน ต้องเปลี่ยนเกมด้วยการยกระดับระบบรองรับการเดินทาง ไม่ใช่เพียงเพิ่มงบโฆษณาหรือทำโปรโมชั่น ไทยจึงไม่ใช่ตลาดปลายทาง แต่เป็นพาร์ทเนอร์ที่พร้อมทดลอง ปรับตัว และเติบโตไปด้วยกันในสนามที่ยังเปิดกว้าง”
เปิดอินไซต์นักท่องเที่ยวไทยไปเกาหลี
สำหรับนักท่องเที่ยวไทยที่เดินทางไปเยือนเกาหลี ส่วนใหญ่จะเป็นกลุ่มครอบครัว วัยรุ่น และคู่รัก โดยค่าใช้จ่ายประมาณการจะอยู่ที่ 30,000 - 50,000 บาทต่อคน มีวันพักเฉลี่ยอย่างน้อย 5 วัน
ส่วนจุดหมายยอดนิยม ได้แก่
- โซล: ช็อปปิ้ง / คลินิกความงาม (กังนัม), คาเฟ่-สตรีทแฟชั่น, พิพิธภัณฑ์ K-culture
- ปูซาน: ริมทะเล / ทัวร์ศิลปะและวัฒนธรรม
- คยองกี–อินชอน: สวนสนุก / สกีรีสอร์ท / โรงเรียนสอนภาษา
- เชจู: Wellness retreat, farm stay, กิจกรรมกลางแจ้ง
- เมืองรอง เช่น แทกู คยองจู : โปรแกรมเรียนทำอาหาร หรือเรียนภาษา / เทศกาลกินไก่กับเบียร์ ในฤดูร้อน
- ซอลลานัมโด จังหวัดทางตอนใต้ ธรรมชาติอุดมสมบูรณ์ ทั้งทะเล ภูเขา และพื้นที่ชุ่มน้ำ หมาะกับการท่องเที่ยวเชิงธรรมชาติ–วัฒนธรรม–Wellness จึงเริ่มได้รับความนิยมในหมู่นักท่องเที่ยวไทยสาย Slow Travel และ FIT