“ทรัมป์” เล็งให้รัฐบาลสหรัฐ เข้าซื้อ “หุ้น Intel” หนุนผลิตชิปในประเทศ-สร้างงานเพิ่ม
สหรัฐ กำลังเจรจาเข้าถือ "หุ้น Intel" หลังบลูมเบิร์กรายงานรัฐบาลทรัมป์ต้องการเสริมความมั่นคงด้านเทคโนโลยีและการผลิต
วันที่ 15 สิงหาคม 2568 เวลา 06.39 น. สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานอ้างอิงบลูมเบิร์กว่า แหล่งข่าวใกล้ชิดว่า รัฐบาลสหรัฐ ภายใต้การนำของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ กำลังเจรจากับบริษัทอินเทล (Intel) เพื่อให้รัฐบาลอาจเข้าซื้อหุ้นในผู้ผลิตชิปที่กำลังเผชิญปัญหานี้
ความเคลื่อนไหวดังกล่าวจะเป็นอีกหนึ่งการแทรกแซงของประธานาธิบดีทรัมป์ในอุตสาหกรรมที่ถูกมองว่ามีความสำคัญต่อความมั่นคงแห่งชาติ โดยที่ผ่านมาทรัมป์ผลักดันให้เกิดความร่วมมือกับรัฐบาลมูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์ในภาคเซมิคอนดักเตอร์และแร่หายาก เช่น ข้อตกลงจ่ายเพื่อเล่นกับ Nvidia และการร่วมมือกับผู้ผลิตแร่หายาก MP Materials เพื่อรักษาแหล่งแร่สำคัญ
Intel ปฏิเสธที่จะแสดงความคิดเห็นต่อรายงานนี้ แต่ระบุว่ายังคงมุ่งมั่นสนับสนุนความพยายามของทรัมป์ในการเสริมสร้างความเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยีและการผลิตของสหรัฐ ขณะที่ โฆษกทำเนียบขาว คุช เดไซ กล่าวว่า “การหารือเกี่ยวกับข้อตกลงสมมุติควรถูกมองว่าเป็นเพียงการคาดเดา เว้นแต่จะมีการประกาศอย่างเป็นทางการโดยรัฐบาล”
หุ้น Intel พุ่งขึ้นกว่า 7% ในการซื้อขายปกติ และเพิ่มอีก 2.6% ในการซื้อขายหลังปิดตลาด การเจรจานี้เกิดขึ้นหลังจากการพบกันในสัปดาห์นี้ระหว่างทรัมป์และซีอีโอของ Intel ลิป-บู ทัน ซึ่งเกิดขึ้นเพียงไม่กี่วันหลังจากที่ทรัมป์ออกมากล่าวเรียกร้องให้ทันลาออกจากตำแหน่ง เนื่องจากการลงทุนในบริษัทเทคโนโลยีจีนบางแห่งที่เชื่อมโยงกับกองทัพจีน
บลูมเบิร์ก ระบุว่า รายละเอียดเกี่ยวกับสัดส่วนและราคาหุ้นที่รัฐบาลจะซื้อยังอยู่ระหว่างการหารือ ริวตะ มากิโนะ นักวิเคราะห์จาก Gabelli Funds ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นของอินเทล กล่าวว่า มีความเป็นไปได้สูงที่รัฐบาลสหรัฐจะเข้าถือหุ้นใน Intel เพราะทรัมป์ต้องการให้อินเทลขยายการผลิตในประเทศและสร้างงานเพิ่ม
เมื่อเดือนที่แล้ว อินเทลเตือนว่าอาจต้องถอนตัวจากธุรกิจการผลิตชิป หากไม่ได้ลูกค้าภายนอกเข้ามาใช้บริการผลิตชิปในโรงงานของตน และยังมีแผนชะลอการก่อสร้างโรงงานใหม่ในรัฐโอไฮโอ ทันซึ่งเพิ่งรับตำแหน่งซีอีโอได้เพียงกว่า 6 เดือน ต้องรับมือกับภารกิจแก้ไขความผิดพลาดสะสมหลายปีที่ทำให้อินเทลล้าหลังในตลาดชิป AI ซึ่งถูกครองโดย Nvidia ขณะเดียวกัน แผนการรุกตลาดการผลิตชิปแบบรับจ้างผลิต (Foundry) ที่ใช้เงินลงทุนสูงก็สร้างผลขาดทุนหนัก
เบน บาจาริน ซีอีโอบริษัทวิจัยตลาด Creative Strategies ให้ความเห็นว่า “ผมคิดว่าข้อตกลงใด ๆ ที่มีรัฐบาลสหรัฐและนักลงทุนเอกชน (Private Equity) เข้าร่วม น่าจะต้องมาพร้อมมาตรการภาษีที่จูงใจให้ลูกค้าอย่าง Nvidia, AMD, และ Apple หันมาใช้บริการ Intel Foundry”
ทั้งนี้แม้การที่รัฐบาลสหรัฐเข้าถือหุ้นในบริษัทเอกชนจะไม่ใช่เรื่องแปลก แต่โดยทั่วไปมักเกิดขึ้นกับบริษัทที่ต้องการความช่วยเหลือด้านการเงิน อย่างไรก็ตามแม้มูลค่าหลักทรัพย์ของอินเทลจะร่วงลงในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาและสูญเสียความเป็นผู้นำในอุตสาหกรรม แต่รายได้ยังคงมีเสถียรภาพที่มากกว่า 50,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐต่อปี ทำให้นักลงทุนบางรายยังไม่ชัดเจนว่าบริษัทจำเป็นต้องได้รับความช่วยเหลือโดยตรงจากรัฐบาลหรือไม่
อ้างอิง : www.reuters.com