อิชิตัน ‘ทุบสถิติ’ โชว์กำไร Q2 ปี 68 โต 66% เดินหน้าส่งชาเขียว-น้ำด่างไซส์ใหญ่บุกตลาด
บมจ.อิชิตัน กรุ๊ป หรือ ICHI ประกาศผลการดำเนินงานไตรมาส 2 ปี 2568 ทำยอดขาย 2,263.6 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 29.7% จากไตรมาส 1 ปี 2568 รักษายอดขายใกล้เคียงกับปีก่อน ด้านกำไรสุทธิ 407.2 ล้านบาท โต 66% เทียบกับไตรมาส 1 ของปี ทุบสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ (All Time High) โดยส่วนหนึ่งมีกำไรพิเศษ 120 ล้านบาท จากการขายที่ดิน
อีกทั้งที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ มีมติอนุมัติการจ่ายปันผลระหว่างกาล (มกราคม-มิถุนายน 2568) ในอัตรา 0.55 บาทต่อหุ้น โดยกำหนดวันปิดสมุดพักการโอนหุ้นเพื่อกำหนดสิทธิรับเงินปันผล (Record Date) ในวันที่ 28 สิงหาคม 2568 และจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นในวันที่ 11 กันยายน 2568
ตัน ภาสกรนที กรรมการผู้อำนวยการ บมจ.อิชิตัน กรุ๊ป หรือ ICHI กล่าวว่า ปัจจัยในการเติบโตเป็นผลจากการปรับกลยุทธ์ทางการตลาดสอดคล้องกับสถานการณ์อย่างรวดเร็ว ทำให้สินค้ากลุ่ม Non-Tea เติบโตต่อเนื่อง โดยเฉพาะ อิชิตัน น้ำด่าง ที่เติบโตทุกไตรมาส
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
- ความยั่งยืนไม่ใช่แค่เทรนด์อีกต่อไป! อิชิตันย้ำ พร้อมปั้นโมเดลรีไซเคิลขวดพลาสติกครบวงจร…
- อิชิตันเปิดเกมรุก ดึง หลิงหลิง-ออม ปลุกกระแสชาพร้อมดื่มจับคนรุ่นใหม่ พร้อมดันยอดขาย…
- ตันยิ้มกว้าง! ‘อิชิตัน’ All Time High รอบ 13 ปี ปิดปี 2566 กวาดรายได้ 8,050 ล้านบาท…
ล่าสุดส่ง อิชิตัน น้ำด่าง ขนาด 1 ลิตร รองรับดีมานด์กลุ่มครอบครัวที่เพิ่มมากขึ้น ขณะที่สินค้ากลุ่มชาเขียว อิชิตัน ได้ส่งไซส์ใหญ่ขนาด 840 มล. ตอบโจทย์กลุ่มผู้บริโภคที่เน้นความคุ้มค่า และชาพรีเมียมภายใต้แบรนด์ ‘ชิซึโอกะ’ ยังคงได้รับการตอบรับอย่างดี ปัจจุบันครองหัวแถวส่วนแบ่งตลาดอันดับ 1 ของกลุ่มชาพรีเมียม
สำหรับในครึ่งปีหลัง บริษัทมองโอกาสธุรกิจกลุ่มรับจ้างผลิต OEM ยังเติบโตสูง หลังได้อานิสงส์น้ำมะพร้าว IF ออร์เดอร์ในจีนทะลัก ลูกค้ารายเดิมมียอดขายเติบโตอย่างก้าวกระโดด ขณะเดียวกันก็อยู่ระหว่างการเจรจาลูกค้ารายใหม่อีกหลายราย
รวมถึงตลาดในประเทศอินโดนีเซีย มีแผนนำสินค้ากลุ่มชาเขียวบุกตลาดเพิ่ม ด้วยการเพิ่มจุดกระจายสินค้าในเกาะสุมาตรา และจายาปูรา โดยจะมีสินค้าขายดีเข้าไปเสริมทัพ ไทยมิลค์ที และบราวน์ชูการ์มิลค์ ด้านตลาดอื่นๆ อาทิ CLMV ปัจจุบันสามารถทำการตลาดได้ดีอย่างต่อเนื่อง
อีกหนึ่งสิ่งสำคัญคือ อิชิตัน กรุ๊ป ยังคงให้ความสำคัญเรื่องการบริหารจัดการต้นทุนและเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต ซึ่งส่งผลให้อัตรากำไรขั้นต้นอยู่ที่ 24%