Canon เปิดตัวเครื่องพิมพ์ใหม่ ดัน Made in Thailand สู่ตลาดโลก

Canon Marketing (Thailand) เดินหน้ารุกตลาดงานพิมพ์องค์กร เปิดตัวเครื่องพิมพ์มัลติฟังก์ชัน imageFORCE Series 4 รุ่นใหม่ แม้ธุรกรรมดิจิทัลโตอย่างมีนัยสำคัญ แต่ Canon ยังคงรักษาจุดยืนผู้นำในตลาดเครื่องพิมพ์เลเซอร์ A3 และ A4 ต่อเนื่อง 7 ปีซ้อน ในภูมิภาคเอเชีย

ท่ามกลางกระแสการทำธุรกรรมและการทำงานที่เปลี่ยนผ่านสู่ระบบดิจิทัล Canon ยังคงตอกย้ำว่า ความต้องการงานพิมพ์คุณภาพสูงยังไม่หายไปจากโลกธุรกิจ เพราะเอกสารสาระสำคัญ สามารถเกิดความสูญเสียได้ในโลกดิจิทัล

โดยในปี 2568 บริษัทคาดการณ์ว่า ตลาดเครื่องพิมพ์มัลติฟังก์ชันในประเทศไทยจะเติบโตต่อเนื่องอย่างมีนัยยะสำคัญ ความต้องการเครื่องพิมพ์ใหม่จะเพิ่มขึ้นกว่า 25,000 เครื่อง สะท้อนให้เห็นว่าธุรกิจและองค์กรต่าง ๆ ยังมองเห็นความสำคัญของงานพิมพ์ทั้งในด้านเอกสารภายในและการสื่อสารกับลูกค้าหรือองค์กร ที่เข้าถึงความน่าเชื่อถือมากกว่าธุรกรรมดิจิทัลที่แม้กำลังเติบโตก็ตาม

การพิมพ์ยังสำคัญ แม้ธุรกรรมดิจิทัลเริ่มเติบโต

แม้ธุรกรรมและการจัดการเอกสารจะเข้าสู่ยุคดิจิทัล แต่ตลาดเครื่องพิมพ์ยังพุ่งแรง โดย Canon คาดการณ์ว่า ปี 2568 ตลาดเครื่องพิมพ์มัลติฟังก์ชันในไทยจะขยายตัวต่อเนื่อง ความต้องการใหม่เพิ่มขึ้น และขยายตัวกว่า 28% สวนทางกับความเชื่อที่ว่า “งานพิมพ์กำลังตาย” ข้อมูลจาก IDC B2B survey 2024 ระบุว่า

• 66% เชื่อว่าสิ่งพิมพ์ยังจำเป็นต่อการสื่อสารทางธุรกิจ
• 57% มองว่าสื่อสิ่งพิมพ์คุณภาพสูงช่วยสร้างภาพลักษณ์องค์กรที่น่าเชื่อถือ

รายงานจาก Quocirca: Print Industry Trends 2025 ยังชี้ว่า

• 69% ขององค์กร มองว่าผู้ผลิตต้องแสดงความรับผิดชอบด้านสิ่งแวดล้อม
• 39% ขององค์กร เผชิญความท้าทายด้านความปลอดภัยในการพิมพ์
• 56% ขององค์กร เพิ่มการลงทุนด้าน AI และ Machine Learning
• 30% ของผู้บริหารด้าน IT คาดว่าโครงสร้างพื้นฐานจะย้ายสู่ปห Cloud เต็มรูปแบบภายในปี 2025 เส้นทางวิวัฒนาการ สู่เครื่องพิมพ์ยุคใหม่

เส้นทางวิวัฒนาการ สู่เครื่องพิมพ์ยุคใหม่

Canon แสดงให้เห็นเส้นทาง Continuous Evolution (การพัฒนาอย่างต่อเนื่อง) ตั้งแต่ยุค Analog (1970) → Digital (1984) → Network (2000) → Cloud Connectivity (2020) และกำลังเข้าสู่ยุคใหม่ Cloud Unified 2025 ที่ผสานงานพิมพ์เข้ากับโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลและ AI

การเปิดตัว imageFORCE Series 4 ถือเป็นหมุดหมายสำคัญ เพราะไม่เพียงเป็นอุปกรณ์สำนักงาน แต่กำลังกลายเป็น “โซลูชันเพื่อการทำงานแบบ Hybrid Work” ที่รูปแบบการทำงานมีความผสมผสานระหว่างสำนักงาน (Work from Office) กับการทำงานจากที่อื่น เช่น ที่บ้าน (Work from Home) หรือสถานที่อื่นๆ (Work from Anywhere) เข้าด้วยกัน โดยพนักงานสามารถเลือกสถานที่ทำงานได้ตามความเหมาะสมและความต้องการของแต่ละบุคคล

ชูโรง 4 เสาหลักดังนี้

1. Reliability คุณภาพงานพิมพ์ที่เสถียรและทนทาน พร้อมบริการ Smart Service และระบบตรวจสอบด้วย AI

2. Security ปกป้องข้อมูลรอบด้าน (360° Device Protection) รองรับ Multi-Factor Authentication, Data Encryption, Secure Print รวมถึง AI Assisted Security Environment Estimation ที่ช่วยแนะนำการตั้งค่าความปลอดภัยอัตโนมัติ

3. Connectivity เชื่อมต่อกับ Microsoft Teams, SharePoint, Google Drive, Dropbox, OneDrive และระบบคลาวด์องค์กร รองรับ Workflow อัตโนมัติและการทำงานแบบ Hybrid Work

4. Sustainability ใช้วัสดุรีไซเคิลมากขึ้น ลดการใช้พลังงานกว่า 30% และผลิตจากพลังงานหมุนเวียน

เปิดตัว 4 รุ่นใหม่ ครบทุกเซ็กเมนต์องค์กร

imageFORCE Series 4 เปิดตัวพร้อมกัน 4 รุ่นหลัก ได้แก่

• imageFORCE C5100 Series (40–70 ppm) – เครื่องพิมพ์ A3 สี รองรับงานพิมพ์ปริมาณสูง ผสาน AI ช่วยจัดการงานพิมพ์อัจฉริยะ
• imageFORCE 6100 Series (55–70 ppm) – เครื่องพิมพ์ A3 ขาวดำ เน้นความคุ้มค่าและความเร็วสูง ตอบโจทย์องค์กรที่ต้องการประสิทธิภาพ
• imageFORCE C7105 – รุ่นเรือธงประสิทธิภาพสูง ครบทุกฟังก์ชันความปลอดภัยและการจัดการเอกสาร
• imageFORCE C3150 – เครื่องพิมพ์ A4 กะทัดรัด ให้คุณภาพงานสีสูง เหมาะกับองค์กรที่ใช้ Hybrid Work และต้องการเครื่องที่คล่องตัว

“Made in Thailand” ฐานผลิตคุณภาพสู่ตลาดโลก

Canon ใช้ประเทศไทยเป็นฐานการผลิตหลัก ครอบคลุมตั้งแต่ การประกอบ การผลิตชิ้นส่วน In-house เช่น Injection Molding, Metal Pressing และแผงวงจรอิเล็กทรอนิกส์ (PCB) ไปจนถึงสายการผลิตแบบครบวงจร สิ่งนี้ไม่เพียงสร้าง ความมั่นใจด้านคุณภาพมาตรฐานระดับโลก แต่ยังช่วยเสริมความสามารถในการแข่งขัน ทำให้สินค้าที่ผลิตในไทยถูกส่งออกไปทั่วโลก

ทั้งยังพัฒนากระบวนการผลิตให้สอดคล้องกับมาตรฐานสิ่งแวดล้อม เช่น การใช้วัสดุรีไซเคิล การลดการใช้พลังงาน และบรรจุภัณฑ์ที่เบาขึ้น เพื่อสอดคล้องกับนโยบายด้านความยั่งยืนที่ทั่วโลกให้ความสำคัญ

เทคโนโลยีที่พัฒนาจากฐานการผลิตในไทย

เครื่องพิมพ์ใหม่มาพร้อม E² Analysis Technology ที่ใช้ Machine Learning วิเคราะห์สภาพเครื่องแบบเรียลไทม์ รองรับการซ่อมบำรุงเชิงคาดการณ์ (Predictive Maintenance) ช่วยลดปัญหา downtime และเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน

ความเห็นจากผู้บริหารนายฮิโรชิ โยโกตะ ประธานบริษัทและประธานกรรมการบริหาร บริษัท แคนนอน มาร์เก็ตติ้ง (ไทยแลนด์) จำกัด กล่าวว่า

“แคนนอนมุ่งมั่นที่จะเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยีการพิมพ์อย่างแท้จริง ซึ่งไม่เพียงแค่ฟีเจอร์ใช้งานที่ทันสมัยเท่านั้น แต่ยังรวมถึงโซลูชันการพิมพ์ที่ครบวงจรเพื่อตอบโจทย์ธุรกิจในยุค AI ได้อย่างครับครัน เพราะในสภาพแวดล้อมทางธุรกิจที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วนี้ ความน่าเชื่อถือ ความมั่นคงปลอดภัย และการเชื่อมต่อออนไลน์ ได้กลายเป็นองค์ประกอบสำคัญในธุรกิจทุกประเภท เราจึงได้พัฒนา imageFORCE Series เพื่อช่วยสนับสนุนงานพิมพ์ได้อย่างชาญฉลาด พร้อมกับผสานแนวคิดความยั่งยืนเข้ากับการออกแบบผลิตภัณฑ์ของเรา ทั้งในด้านวัสดุ การประหยัดพลังงาน และการใช้ทรัพยากรที่คุ้มค่าในระยะยาว เราจึงมั่นใจว่า imageFORCE Series จะเป็นอีกหนึ่งแรงขับเคลื่อนสำคัญที่ช่วยยกระดับศักยภาพให้กับผู้ประกอบการไทยได้อย่างแท้จริง และหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะได้รับการสนับสนุนจากทุกท่านในการเดินหน้าแคมเปญครั้งนี้ร่วมกัน”

ด้านนายมาโกโตะ นากามูระ ประธานบริษัท แคนนอน ปราจีนบุรี (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า

“การเปิดตัวเครื่องพิมพ์มัลติฟังก์ชัน imageFORCE Series นี้ ไม่ใช่แค่ก้าวสำคัญของแคนนอน แต่ยังสะท้อนถึงศักยภาพของประเทศไทยในฐานะศูนย์กลางการผลิตเทคโนโลยีระดับโลก แคนนอนให้ความสำคัญกับการส่งมอบนวัตกรรมคุณภาพสูงอย่างยั่งยืนตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ โรงงานแคนนอนปราจีนบุรีมีการผลิตด้วยระบบอัตโนมัติที่ทันสมัยและใช้วัสดุรีไซเคิลกว่า 30% นอกจากนี้เรายังคงยึดหลักความละเอียดและแม่นยำในการผลิตควบคู่กับการดูแลพนักงาน เพราะเราเชื่อว่าผลิตภัณฑ์ที่ดีที่สุดเริ่มต้นจากสภาพแวดล้อมการทำงานที่ดี ปัจจุบัน โรงงานแคนนอนปราจีนบุรี ในประเทศไทยผลิตเครื่องพิมพ์มัลติฟังก์ชัน รุ่น imageRUNNER และ imageRUNNER Advance DX ทั้งหมด 20 รุ่น และกำลังผลิตเครื่องพิมพ์มัลติฟังก์ชัน ในกลุ่ม imageFORCE Series ใหม่เพิ่มเติมอีก 9 รุ่นภายในปี 2568”

ผลิตที่ไทย ครองอันดับ 1 ต่อเนื่อง 7 ปีซ้อนในเอเชีย

การเติบโตที่สวนกระแสตลาดด้วยนวัตกรรมที่ตอบโจทย์ความต้องการขององค์กรยุคใหม่ ทำให้แคนนอนสามารถรักษาส่วนแบ่งตลาดกลุ่มเครื่องพิมพ์มัลติฟังก์ชัน ในกลุ่มเครื่องถ่ายเอกสารขาวดำ ได้ถึง 28% กลุ่มเครื่องถ่ายเอกสารสีกว่า 20% แม้ภาพรวมตลาดจะมีการเปลี่ยนแปลงตามพฤติกรรมการใช้งานของลูกค้า

นายพงศพร กรอบสนิท ผู้ช่วยผู้อำนวยการ ส่วนงานบิสซิเนส อิมเมจจิ้ง โซลูชั่น แคนนอนไทยแลนด์ กล่าวเสริม “ตลาดเครื่องถ่ายเอกสารสีมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยปี 2568 คาดว่าจะมียอดจำหน่ายสูงถึง 25,000 เครื่อง ซึ่งเพิ่มขึ้นจากปี 2562 ถึง 127% นอกจากนี้แนวโน้มตลาดในอนาคต ยังคงให้ความสำคัญกับความยั่งยืนและความปลอดภัยหลัก ดังนั้นโจทย์ของแคนนอนคือไม่เพียงแต่ผลิตสินค้าที่มีคุณภาพเท่านั้น แต่ยังต้องมองเรื่องของความยั่งยืนควบคู่กันด้วย อีกทั้งสถานการณ์ในปัจจุบันผู้ใช้งานส่วนใหญ่ยังไม่ลดการพิมพ์ลง มีผู้ใช้งานกว่า 60% มองว่าการพิมพ์เป็นสิ่งจำเป็นในการสื่อสารกับลูกค้า และ 57% เชื่อว่าข้อมูลสำคัญควรนำเสนอในรูปแบบสิ่งพิมพ์เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือ ปัจจัยเหล่านี้สะท้อนให้เห็นว่า ตลาดยังคงมีความต้องการอุปกรณ์ที่มี คุณภาพสูง ปลอดภัย และตอบโจทย์เรื่องสิ่งแวดล้อม ซึ่งแคนนอนสามารถตอบสนองได้อย่างครอบคลุม”

อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่ : Canon เปิดตัวเครื่องพิมพ์ใหม่ ดัน Made in Thailand สู่ตลาดโลก

ติดตามข่าวล่าสุดได้ทุกวัน ที่นี่
– Website : https://www.prachachat.net