สิงห์ เอสเตท แสดงจุดยืน ไม่ร่วมสงครามราคา มุ่งเจาะกลุ่มอสังหาฯ ‘Luxury’ ทุกเซกเมนต์
แม้ตลาดอสังหาฯ ปีนี้เผชิญความท้าทาย แต่ สิงห์ เอสเตท แสดงจุดยืน ไม่ร่วมสงครามราคา เน้นโฟกัส อสังหาฯ ‘Luxury’ ทุกเซกเมนต์ ย้ำลงทุนตามจังหวะเหมาะสม เผยรายได้หลักยังคงมาจากกลุ่มธุรกิจโรงแรมและอาคารสำนักงานให้เช่า พร้อมเปิดขายโครงการใหม่ ‘S’RIN พรานนก-กาญจนา’
ณัฐวุฒิ มัธยมจันทร์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารการพัฒนาธุรกิจพักอาศัย บริษัท สิงห์ เอสเตท จำกัด (มหาชน) หรือ S แสดงจุดยืนชัดเจน ไม่ร่วมวงสงครามราคา เพื่อชิงส่วนแบ่งการตลาด หรือเพิ่มยอดขาย แต่จะเน้นลงทุนตามจังหวะตลาดเป็นหลัก และเจาะกลุ่ม Luxury ทุกเซ็กเมนต์ มีราคาเริ่มต้นตั้งแต่ระดับ 20 ล้านขึ้นไป
พร้อมอธิบายอีกด้วยว่า สถานการณ์ในตลาดตอนนี้ไม่ดีเหมือนที่เคยเป็นในตลอดหลายปีที่ผ่านมา โดยช่วงครึ่งแรกของปี 2568 มีโครงการเปิดตัวใหม่เพียงครึ่งเดียวของยอดเปิดตัวในปีก่อน
แต่เมื่อเจาะรายละเอียดจะพบว่า กลุ่มบ้านเดี่ยวราคา 20 ล้านบาทขึ้นไป กลับมีมูลค่ามากถึง 1 ใน 3 ของตลาด แสดงให้เห็นว่า ผู้พัฒนาอสังหาฯ ส่วนใหญ่ หันมาเจาะตลาด Luxury กันมากขึ้น และสิงห์ เอสเตทจะต้องเผชิญการแข่งขันที่รุนแรงมากขึ้นด้วย
โดย สิงห์ เอสเตท แบ่งกลุ่มบ้าน ‘Luxury’ ตามระดับราคาดังนี้
- Luxury: บ้านตั้งแต่ระดับ 15-30 ล้านบาท, คอนโดยูนิตละ 150,000 บาทต่อตารางเมตร
- Premium Luxury: บ้านตั้งแต่ระดับ 30-60 ล้านบาท, คอนโดยูนิตละ 220,000 บาทต่อตารางเมตร
- Super Luxury: บ้านตั้งแต่ระดับ 60-100 ล้านบาท, คอนโดยูนิตละ 300,000 บาทต่อตารางเมตร
- Ultra Luxury: บ้านตั้งแต่ระดับ 100 ล้านบาทขึ้นไป
ท่ามกลางสงครามราคาที่จะยกระดับขึ้น แต่สิงห์ เอสเตท ยังคงยึดมั่นในจุดยืนของบริษัท “เราค่อนข้างชัดเจนครับว่า เราไม่เคยกระโดดลงไปใน Price War กับใคร และเราไม่ได้ขายของในราคาที่แพงเกินมูลค่า เราค่อนข้างตรงไปตรงมา ตามปรัชญาและหัวใจ ของ สิงห์ เอสเตท นะครับ ที่คุณบุญรอด เศรษฐบุตรตั้งไว้”
“ทุกอย่างเป็นไปตามต้นทุน เราจะไม่กดราคาขายให้ต่ำ เพื่อยอมเอา Top line แล้วยอมขาดทุน เราเชื่อมั่นในการทำธุรกิจอย่างตรงไปตรงมา หรือการบวกราคาเวอร์ ๆ เยอะๆ แล้วก็ เอามาลด ให้ลูกค้ารู้สึกได้ส่วนลดเยอะ อันนี้เราไม่ทำ และไม่จำเป็นต้องทำ” ณัฐวุฒิกล่าว
ทั้งนี้ การปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง 0.25% จากระดับ 1.75% เหลือ 1.50% ต่อปี ของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ไม่มีผลกระทบใดๆ ต่อการตัดสินใจซื้อของกลุ่มลูกค้าหลัก เพราะเป็นกลุ่มที่มีกำลังซื้อสูง
อย่างไรก็ตาม มาตรการภาษีแบบตอบโต้ (Reciprocal Tariffs) จากสหรัฐฯ กลับเป็นปัจจัยสำคัญที่จะกระทบต่อรายได้ของบริษัทโดยอ้อม ผ่านกำลังซื้อของลูกค้าที่ลดลง เนื่องจากลูกค้าส่วนใหญ่ของสิงห์ เอสเตท ต่างเป็นผู้ประกอบธุรกิจส่งออก รวมถึงประกอบธุรกิจในห่วงโซ่อุปทานยานยนต์ ผู้ซึ่งถูกสหรัฐฯ เรียกเก็บภาษีทั้งสิ้น
นอกจากนี้ เหตุผลสำคัญที่ทำให้สิงห์ เอสเตท ไม่จำเป็นต้องเร่งแข่งขันในตลาดที่อยู่อาศัยอย่างเดียว เป็นเพราะว่า บริษัทมีการดำเนินกิจการครอบคลุม 4 ธุรกิจหลัก ได้แก่
- ธุรกิจที่อยู่อาศัย
- ธุรกิจอาคารสำนักงาน
- ธุรกิจโรงแรม
- ธุรกิจนิคมอุตสาหกรรมและโครงสร้างพื้นฐาน
โดย 80% ของรายได้มาจากธุรกิจอาคารสำนักงาน และธุรกิจโรงแรม
เปิดตัวโครงการ ‘S’RIN พรานนก-กาญจนา’
ล่าสุด สิงห์ เอสเตท ประกาศเปิดตัวโครงการบ้านเดี่ยวระดับพรีเมียมลักชัวรี ‘S’RIN พรานนก-กาญจนา’ สไตล์ ‘Mediterranean Revival’ ภายใต้แนวคิด ‘Infinite Living’ ด้วยฟังก์ชันที่ออกแบบเพื่อตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของสมาชิกครอบครัวทุกเจเนอเรชัน
พื้นที่ใช้สอย 440-630 ตร.ม. จำนวน 81 ยูนิต ทุกยูนิตถูกออกแบบให้มีพื้นที่หลังบ้านลึก 3 เมตร มูลค่าโครงการรวมกว่า 4,300 ล้านบาท บนทำเลกรุงเทพฯ ฝั่งตะวันตก ถนนพรานนก – พุทธมณฑลสาย 4 ในราคาเริ่มต้น 45-80 ล้านบาท เปิดพรีเซลวันที่ 12-14 กันยายนนี้
นอกจากนี้ สิงห์ เอสเตท ยังจับมือพันธมิตรอย่าง SCG, Solar D และ Quattro Design เสริมคุณภาพโครงการ ด้วยหลังคาเซรามิก Excella จาก SCG และ Solar Rooftop 5kW จาก Solar D ตอบโจทย์การอยู่อาศัยที่ใส่ใจพลังงานสะอาด ขณะเดียวกัน Quattro Design ยังคัดสรรเฟอร์นิเจอร์พรีเมียมแบรนด์ Eichholtz จากเนเธอร์แลนด์อีกด้วย