ธุรกิจ Sanrio ฟื้นชีพ คาแรกเตอร์ Kuromi แรงแซง Hello Kitty
Sanrio บริษัทญี่ปุ่นที่ทำธุรกิจลิขสิทธิ์คาแรกเตอร์ และไลฟ์สไตล์แบรนด์ครบวงจร เจ้าของตัวการ์ตูนดังอย่าง Hello Kitty ที่เปิดตัวในปี 1974 และกลายเป็นสินทรัพย์หลักของบริษัท
โมเดลธุรกิจของ Sanrio ไม่ได้เป็นแค่ร้านของน่ารักๆ แต่คือธุรกิจบริหารตัวคาแรกเตอร์ที่ต่อยอดเป็นสินค้า ประสบการณ์ และคอนเทนต์ทั่วโลก
โดยเฉพาะ Hello Kitty เป็นคาแรกเตอร์การ์ตูนอันดับต้นๆ ที่หลายคนคุ้นเคย และเห็นอยู่รอบๆ ตัวเรามานาน แต่เวลาผ่านไปสิ่งหนึ่งที่ปฏิเสธไม่ได้ต้องยอมรับว่ากระแสความนิยมของ Kitty ซาลงถ้าเทียบกับเมื่อก่อน แต่ก็มีคาแรกเตอร์รุ่นน้องตัวอื่นที่ได้รับความสนใจมากขึ้น
ตัวอย่างที่เห็นชัดคือ ในซีรีส์ “Hello Kitty and Friends Supercute Adventures” ที่เริ่มฉายตั้งแต่ปี 2563 ตอนที่คนดูเยอะที่สุด กลับไม่ใช่ตอนของคิตตี้ แต่เป็น ‘Kuromi’s Bad Day’ ที่ตัวเด่นคือ Kuromi กระต่ายตัวสีขาวสวมหมวกสีดำ หูทั้งสองข้างแหลม มีหางปีศาจ ส่วนคิตตี้เพียงโผล่มาปลอบใจด้วยนมและโดนัท ฉากนี้ทำให้กระแสแฟนๆ เทไปหา Kuromi มากขึ้น กระแสความน่ารักของ Kuromi ก็มาแรงตามไปด้วย บางแบรนด์ก็เริ่มคอลแลปฯ สินค้ากับ Kuromi มากขึ้น เช่น Jelly Bunny, Honda Scoopy Kuromi
กระแสแบบนี้สะท้อนให้เห็นว่า Sanrio ไม่ได้พึ่งพาเพียง Hello Kitty อีกต่อไป สอดคล้องกับการปรับทิศทางธุรกิจครั้งใหญ่ ในอดีตจากที่ Sanrio เคยมีจุดเริ่มต้นยุคแรกเริ่ม เป็นร้านขายของเล่น
พัฒนาสู่การนำ ตัวการ์ตูนที่แทบจะเรียกว่าเป็น ‘สินทรัพย์ทางปัญญา’ มาสู่การขายลิขสิทธิ์ให้แบรนด์ และผู้ผลิตทั่วโลกใช้ตัวละครบนสินค้าและแคมเปญการตลาด การผลิตสินค้าขายปลีก อย่างเครื่องเขียน ของสะสม ตุ๊กตา เสื้อผ้า แอ็กเซสซอรี ทั้งในร้าน Sanrio และพาร์ทเนอร์
ไปจนถึงต่อยอดมีสถานที่ท่องเที่ยวที่สร้างประสบการณ์อย่างสวนสนุก อาทิ Sanrio Puroland และ Harmonyland รวมถึงคาเฟ่ และอีเวนต์พิเศษต่างๆ
และยังมีงานคอนเทนต์ที่เป็น อนิเมะ ภาพยนตร์ เกม ไปจนถึงการคอลแลบกับแบรนด์ต่างๆ ด้วย
ซึ่งปัจจุบันรายได้ Sanrio ครึ่งหนึ่งมาจากธุรกิจ Licensing แล้ว
โดยที่ทิศทางการดำเนินธุรกิจของ Sanrio ก็ปรับใหม่ ในปีเดียว ( ปี2563) กับที่เริ่มฉาย Hello Kitty and Friends Supercute Adventures หลัง ‘Shintaro Tsuji’ ผู้ก่อตั้งวัย 92 ปี ส่งไม้ต่อให้หลานชายวัย 31 ปี นั่นคือ ‘Tomokuni Tsuji’
เมื่อ ‘Tomokuni Tsuji’ เข้ามาบริหารทิศทางธุรกิจของ Sanrio ก็เปลี่ยนไปอย่างชัดเจน มีกำไรจากการดำเนินงานพุ่งจาก 2.1 พันล้านเยน (ราว 20 ล้านดอลลาร์) เป็น 51.8 พันล้านเยน ราคาหุ้นก็แรงไม่แพ้กัน พุ่งกว่า 123% ในรอบปี สู่มูลค่าตลาด 1.54 ล้านล้านเยน (ราว 354,200 ล้านบาท)
โดยที่กลยุทธ์ของ Sanrio คือการขยายจักรวาลตัวละคร ไม่จำกัดแค่ Hello Kitty โดยมุ่งบุกตลาดต่างประเทศอย่างอเมริกาเหนือและยุโรป
แม้รายได้ Hello Kitty ในต่างประเทศที่เคยสูงถึง 90% จะลดเหลือแค่ 45-50% แต่เพื่อนๆ ของ Kitty เช่น Gudetama และ Kuromi ก็กำลังสร้างกระแสไม่แพ้กัน
ถึงตัวละครในตำนานอย่าง Kitty จะกระแสลดลง แต่ก็ช่วยส่งให้เพื่อนๆ ในจักรวาล Sanrio กำลังเฉิดฉายมากขึ้นแทน
มีกิจกรรมแฟนเซอร์วิสก็มาเต็ม เช่น คาเฟ่ธีม Gudetama ไข่แดงขี้เกียจ ในแคลิฟอร์เนีย ที่เปิดให้แฟนๆ ได้พบกับตัวละครที่ตัวเองชอบ หรือคอลแลปฯ Kuromi ในหลายแบรนด์นั่นเอง
อย่างไรก็ตาม ก็ต้องยอมรับว่าในธุรกิจขาย Licensing คาแรกเตอร์ตัวละครการแข่งขันก็สูงมาก เพราะต้องเจอคู่แข่งยักษ์ใหญ่อย่าง Star Wars และ Pokémon ทำให้นักลงทุนหลายคนเริ่มตั้งคำถามว่าการที่หุ้น Sanrio พุ่งแรงขนาดนี้จะไปได้ต่ออีกนานแค่ไหน? แต่บางทีบริษัทที่ขายความน่ารัก อาจจะทำให้นักลงทุนหลงรักแบบไม่รู้ตัวก็เป็นได้
ที่มา
- https://www.economist.com/business/2025/07/31/hello-kittys-owner-is-purring-contentedly