จับตา สศช.ปรับคาดการณ์จีดีพี ทีดีอาร์ไอคาดโต 1.5-2% หนุนเก็บภาษีเงินได้ติดลบ
จับตา สศช.ปรับคาดการณ์จีดีพี ทีดีอาร์ไอคาดโต 1.5-2% หนุนเก็บภาษีเงินได้ติดลบ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันที่ 18 สิงหาคม 2568 สภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) จะแถลงตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (จีดีพี) ไตรมาส 2 และแนวโน้มเศรษฐกิจไทยปี 2568 ซึ่งเป็นที่จับตาว่าจะมีการปรับประมาณการตัวเลขจีดีพีปี 2568 หรือไม่ หลังจากที่อัตราการเก็บภาษีทรัมป์มีความชัดเจน 19% โดยไตรมาสที่ผ่านมา สศช.ได้มีการปรับคาดการณ์จีดีพีไทยปี 2568 ลดลงจากกรอบ 2.3-3.3% ค่ากลางของการประมาณการอยู่ที่ 2.8% เหลือขยายตัว 1.3-2.3% ค่ากลางการประมาณการอยู่ที่ 1.8%
นายนณริฏ พิศลยบุตร นักวิชาการอาวุโสสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (ทีดีอาร์ไอ) กล่าวว่า แม้ภาษีทรัมป์ชัดเจนแล้วว่าเก็บ 19% แต่คาดว่าจะไปสะท้อนตัวเลขจีดีพีในไตรมาส 3 – 4 ที่จะเหนื่อย เนื่องจากไตรมาส 2 ซึ่งเป็นการประมาณการณ์เศรษฐกิจในช่วงเดือนเมษายน-มิถุนายน และตัวเลขการส่งออกยังดูดีหลังผู้ส่งออกเร่งส่งออกไปจำนวนมาก ก่อนที่ภาษีทรัปม์จะประกาศออกมา จึงมองว่าจีดีพีใน 2 ไตรมาสแรกของปีนี้ยังดูดี แต่หากคาดการณ์ทั้งปี 2568 คาดว่าจีดีพีจะโตที่ 1.5-2% เนื่องจากครึ่งปีหลังยังมีความไม่แน่นอนสูงคือ ภาษีทรัมป์ 19% ที่กระทบกำไรของผู้ส่งออกปรับตัวลดลงอย่างแน่นอน แม้ว่าประเทศไทยจะถูกเก็บในอัตรา 19% ใกล้เคียงกับประเทศคู่แข่ง แต่ทำให้ต้นทุนของผู้ส่งออกจากเดิมเป็นศูนย์เพิ่มขึ้น 19% เมื่อกำไรธุรกิจลดลง ผลที่ตามมาคือเศรษฐกิจในประเทศแย่ กระทบซัพพลายเชนและธุรกิจเกี่ยวกับการส่งออก
นายนณริฎ กล่าวว่า แม้ภาครัฐจะมีมาตรการมาบรรเทาผลกระทบ แต่หากปัจจัยการเมืองยังไม่นิ่ง มีการเปลี่ยนแปลงผู้นำรัฐบาล อาจส่งผลกระทบนโยบายต่างๆ ไม่มีความต่อเนื่องและมีความไม่แน่นอนสูง ทั้งนโยบายรับมือหรือการเจรจาภาษีทรัมป์ที่ยังไม่สะเด็ดน้ำ รวมถึงการเบิกจ่ายงบประมาณปี 2569 อาจมีความล่าช้าออกไป อย่างไรก็ดี ยังมีปัจจัยเชิงบวกหลังคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง 0.25% ต่อปี จาก 1.75% เป็น 1.50% ต่อปี จากเดิมที่ กนง.ส่งสัญญาณมาตลอดว่าจะไม่มีการปรับลดลง ทั้งนี้ การลดดอกเบี้ยถือเป็นหนึ่งในนโยบายที่อัดฉีดเงินเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจ เพราะเมื่อคนภาระหนี้ลดลง จะทำให้มีความมั่นใจในการใช้จ่ายและลงทุนมากขึ้น นำไปสู่การลดปัญหาหนี้ครัวเรือนในอนาคต
นายนณริฎ กล่าวว่า สำหรับกรณีที่กระทรวงการคลังมีนโยบายจะเก็บ Negative Income Tax หรือภาษีเงินได้ติดลบในปี 2570 ว่า เป็นโนบายที่ดี หากมีการวางระบบอย่างรัดกุม ไม่ให้เกิดภาระด้านการคลังเพิ่มมากขึ้น เนื่องจากเป็นเครื่องมือใหม่ เป็นการจูงใจให้คนทำงานมากขึ้น ไม่ต้องรอรับนโยบายจากรัฐอย่างเดียว อีกทั้งยังทำให้รู้ข้อมูลการทำงานของคนทั้งประเทศ เพื่อให้ภาครัฐสามารถวางนโยบายช่วยเหลือได้อย่างเหมาะสม เป็นการวางระบบสวัสดิการบนฐานการทำงาน ทำให้เกิดความเป็นธรรม เพราะทุกคนที่มีรายได้จะต้องเข้าสู่ระบบภาษีนี้ แต่รัฐก็ต้องมีการวางระบบฐานข้อมูลให้ดี ไม่ให้เกิดการรับสิทธิซ้ำซ้อน อาทิ อาจกำหนดว่า ใน 1 คน ได้ไม่เกิน 3,000 บาทต่อเดือน เป็นต้น เนื่องจากปัจจุบันภาครับมีสวัสดิการต่างๆ ออกมาถึง 43 โครงการและทุกรูปแบบ แต่ไม่เคยได้ติดตามผล
นายพรนริศ ชวนไชยสิทธิ์ นายกสมาคมอสังหาริมทรัพย์ไทย กล่าวว่า การเก็บ Negative Income Tax หรือภาษีเงินได้ติดลบ จะทำให้คนเข้าสู่ระบบภาษีมากขึ้น จากปัจจุบันที่รัฐจัดเก็บได้ไม่เต็มเม็ดเต็มหน่วย โดยคนที่ยังไม่มีรายได้ถึงเกณฑ์เสียภาษี รัฐจะเข้าไปช่วยซัพพอร์ตให้ในช่วงแรกๆ แต่เมื่อมีงานทำและมีรายได้แข็งแรงแล้ว ก็ต้องเสียภาษีให้กับรัฐ ถือว่าเป็นเรื่องที่ดีที่กระทรวงการคลังจะนำมาใช้ เนื่องจากจะทำให้เกิดความเท่าเทียม
อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่ : จับตา สศช.ปรับคาดการณ์จีดีพี ทีดีอาร์ไอคาดโต 1.5-2% หนุนเก็บภาษีเงินได้ติดลบ
ติดตามข่าวล่าสุดได้ทุกวัน ที่นี่
– Website : https://www.matichon.co.th