เปิดนิทรรศการ“13ไดโนเสาร์ไทย” ลุ้นตัวที่ 14พันธุ์ใหม่ของโลก
ชิ้นส่วนไดโนเสาร์ชิ้นแรกในประเทศไทยถูกขุดค้นพบตั้งแต่ปีพ.ศ. 2519 ถือเป็นจุดเริ่มต้น ของการศึกษาวิจัยและการขุดค้นซากไดโนเสาร์นับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ประเทศไทยขุดค้นพบซากไดโนเสาร์ได้อย่างน้อย 25 สายพันธุ์ และเป็นสายพันธุ์ใหม่ของโลกถึง 13 สายพันธุ์ พื้นที่ที่พบซากไดโนเสาร์มากสุดอยู่ที่ "หุบเขาภูเวียง" เป็นหุบเขาที่ตั้งอยู่ในพื้นที่อุทยานธรณี อ.ภูเวียง จ.ขอนแก่น ที่นี่มีการค้นพบไดโนเสาร์ 5 สายพันธุ์ใหม่ของโลก พบทั้งพันธุ์กินเนื้อและกินพืช
ในช่วงที่กระแสโลกตื่นตัวกับภาพยนตร์เรื่อง “จูราสสิค เวิลด์: กำเนิดชีวิตใหม่” กรมทรัพยากรธรณี ได้จัดนิทรรศการ “13 Dinos of Siam : มหัศจรรย์แห่งกาลเวลา”จำลองการฟื้นคืนชีพของเหล่าไดโนเสาร์นักล่าดึกดำบรรพ์ 13 สายพันธุ์ จัดแสดงระหว่างวันที่ 14-30 ส.ค. 68 (เวลา09.00-16.15 น ชมฟรี.) ที่กรมทรัพยากรธรณี
“ขณะนี้กรมฯอยู่ระหว่างขุดค้นซากไดโนเสาร์ตัวล่าสุด อยู่ที่อ.ภูเวียง คาดว่าอาจจะเป็นไดโนเสาร์สายพันธุ์ไทยตัวที่ 14 ของโลก เชื่อว่าประเทศไทยจะเป็นศูนย์กลางองค์ความรู้เรื่องไดโนเสาร์ในเอเชียได้” พิชิต สมบัติมาก อธิบดีกรมทรัพยากรธรณี กล่าวในวันเปิดนิทรรศการ
ภูเวียงโกซอรัส สิรินธรเน เป็น 1 ใน 13ไดโนเสาร์ที่ค้นพบ เป็น กลุ่มซอโรพอด (sauropod) ค้นพบบริเวณหลุมขุดค้นที่ 1 ภูประตูตีหมา อุทยานแห่งชาติภูเวียง จังหวัดขอนแก่น เมื่อปี พ.ศ. 2524 โดยคณะสำรวจโบราณชีววิทยาไทย - ฝรั่งเศส นำโดย ดร.วราวุธ สุธีธร และ Dr.Eric Buffetaut ภายหลังจากการค้นพบกระดูกไดโนเสาร์ชิ้นแรกในประเทศไทย เมื่อปี พ.ศ. 2519 ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นในการสำรวจซากดึกดำบรรพ์ไดโนเสาร์ในประเทศไทย ชื่อสกุลตั้งชื่อตามแหล่งที่ค้นพบ คือ ภูเวียง จังหวัดขอนแก่น รวมกับ คำว่า sauros ภาษากรีก แปลว่า สัตว์เลื้อยคลานหรือกิ้งก่า และชื่อชนิดตั้งชื่อเพื่อถวายพระเกียรติแด่สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ผู้ทรงสนพระทัยงานด้านบรรพชีวินวิทยา
ซากดึกดำบรรพ์ต้นแบบ ที่นำมาใช้ตั้งชื่อไดโนเสาร์ ภูเวียงโกซอรัส สิรินธรเน ใช้ระยะเวลาอนุรักษ์และศึกษาวิจัยในรายละเอียดกว่า 10 ปี จึงเสร็จสมบูรณ์ ศึกษาวิจัยโดย Dr.Valérie Martin และคณะ พบว่าเป็นไดโนเสาร์ซอโรพอดสกุลใหม่และชนิดใหม่ของโลก และตีพิมพ์ในวารสารวิชาการเมื่อปี พ.ศ. 2537 ในช่วงการสำรวจขุดค้นซากดึกดำบรรพ์ไดโนเสาร์ในประเทศไทยนับตั้งแต่ค้นพบครั้งแรกนั้นได้รับความสนใจจากประชาชนเป็นอย่างมาก
ดร.วราวุธ สุธีธร นักบรรพชีวินวิทยา กล่าวย้ำว่า ปัจจุบันประเทศไทยค้นพบไดโนเสาร์ถึง 13 ชนิดพันธุ์ ซึ่งอาจมีข่าวดีเร็วๆ นี้อาจพบพันธุ์ไทยตัวที่ 14 ของโลก ขณะนี้อยู่ระหว่างการขุด ในเบื้องต้นพบว่าเป็นไดโนเสาร์กินพืชที่มีความต่างกว่า"ภูเวียงโกซอรัส สิรินธรเน" สิ่งที่เห็นชัดคือแล้วกระดูกตรงซี่โครงซึ่งขุดได้ถึง 30 ชิ้น
หลังจากก่อนหน้านี้พื้นที่บริเวณนี้ปล่อยไว้ 30 ปี แต่มีการสร้างอาคารครอบไว้ ระหว่างปี 2566-2567 มีการเตรียมข้อมูลนำภูเวียงเข้าสู่การขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกโดยยูเนสโก คณะนักวิจัยได้กลับมาสำรวจหลุมขุดอีกครั้ง และพบว่ามีกระดูกไดโนเสาร์ขนาดใหญ่ความยาวลำตัวน่าจะเกิน 20 เมตร ซึ่งใหญ่กว่าภูเวียงโกซอรัสฯถึง 2 เท่า แม้จะยังไม่พบกระดูกขาหน้าและขาหลังที่สมบูรณ์ แต่จากลักษณะของกระดูกที่พบ ทำให้คาดการณ์ได้ว่าไดโนเสาร์ชนิดนี้มีขนาดใหญ่มาก
ทีมขุดค้นได้เริ่มทำงานอย่างจริงจังอีกครั้งเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2567 ถือว่าเป็นงานที่ยากพอสมควร เนื่องจากหินที่ห่อหุ้มกระดูกมีความแข็งมากต้องค่อยๆใช้เครื่องมือสกัดออก กว่าจะได้กระดูกแต่ละชิ้นมาบางชิ้นใช้เวลาเป็นเดือน นอกจากนี้ยังค้นพบชิ้นส่วนกระดูกคอที่สมบูรณ์ ซึ่งมีขนาดใหญ่กว่ากระดูกคอของภูเวียงโกซอรัส สิรินธรเน เกือบ 2 เท่า รวมถึงกระดูกสันหลังอีกหลายชิ้น
ดร.วราวุธ กล่าวว่าจากการเปรียบเทียบกับฟอสซิลในต่างประเทศ รวมถึงการเดินทางไปเยอรมนีเพื่อเปรียบเทียบกับไดโนเสาร์กลุ่มแบรคคิโอซอร์ (Brachiosaurus) หรือกลุ่มใกล้เคียงกัน พบว่าไดโนเสาร์ที่ค้นพบใหม่นี้มีลักษณะแตกต่างจากแบรคคิโอซอร์มากพอสมควร ทำให้เชื่อว่าเป็นสกุลและชนิดอื่น อาจเป็นกลุ่มไซตาโลซอรัส (Cetiosaurus) หรือกลุ่มใกล้เคียงกัน ซึ่งต้องใช้เวลาวิจัยและเปรียบเทียบรายละเอียดเพิ่มเติม แต่มีความมั่นใจสูงว่าเป็นสายพันธุ์และชนิดใหม่ของโลก ปัจจุบันการขุดค้นยังคงดำเนินต่อไปอย่างต่อเนื่องทุกวัน บางครั้งต้องใช้เวลาหลายเดือนกว่าจะขุดกระดูกได้เพียงชิ้นเดียว เนื่องจากความแข็งของชั้นหินเกือบเทียบเท่าคอนกรีต
"คาดว่าจะใช้เวลาอีกอย่างน้อย 1 ปี ในการขุดค้นเพื่อรวบรวมชิ้นส่วนให้ได้มากที่สุด และทำการวิจัยเพื่อยืนยันว่าเป็นสายพันธุ์ไทยชนิดใหม่" นักวิจัยเผย
นอกจากไดโนเสาร์ชนิดใหม่ที่กำลังขุดค้นอยู่แล้ว ประเทศไทยยังมีการค้นพบไดโนเสาร์อีกกว่า 20 ชนิดที่อยู่ในระหว่างการวิจัย นอกจากนี้ยังมีกระดูกไดโนเสาร์อีกหลายหมื่นชิ้นที่รอการศึกษาวิจัย
นิทรรศการแบ่งออกเป็นโซนดังนี้
โซน 1 “Dinosaur World สวนดึกดำบรรพ์” แหล่งรวมหุ่นจำลองไดโนเสาร์เคลื่อนไหวเสมือนจริง 13 สายพันธุ์ไทย และชมฟอสซิลชิ้นจริง ชิ้นสำคัญของประเทศได้ที่โซนนี้
โซน 2 “13 Dinos of SIAM” ห้องนิทรรศการที่นำเสนอวิดีโอองค์ความรู้เกี่ยวกับ
13 Dinos of Siam มหัศจรรย์แห่งกาลเวลา
โซน 3 “Dino Lab ปลุกชีพน้องไดโน” ห้องจำลองเสมือนห้องปฏิบัติการทางวิทยาศาสตร์ ประกอบด้วยห้องจำลอง 3 โซนย่อย ดังนี้
โซน 3-1 มหัศจรรย์น้องไดโน จุดจำลองไข่ไดโนเสาร์
โซน 3-2 สุ่มไข่ไดโน จุดจำหน่ายไข่ไดโนเสาร์ขนาดเล็ก
โซน 3-3 กำเนิดน้องไดโน จุดจำลองการกำเนิดไดโนเสาร์ตัวน้อย ที่จำลองการทดลอง
ดูดเลือดยุงจากอำพันมาผสมกับสารต่าง ๆ และนำน้ำจากการทดลองมาพร้อมกับไข่จากโซน 3-2 เพื่อกะเทาะเอาตัวไดโนเสาร์ออกจากตัวไข่
โซน 4 “Explore Dinosaur” มุมกิจกรรมที่จะได้ฝึกขุดค้นทางบรรพชีวินวิทยา และเรียนรู้ประวัติศาสตร์จากโลกล้านปี