ASL คาด SET แกว่งตัว sideway – ระวังปลายสัปดาห์?

หุ้นวิชั่น - บล.เอเอสแอล ระบุว่า ปัจจัยต่างประเทศ :
(0) การประชุมนโยบายการเงินที่ Jackson Hole
(-) ราคาน้ำมันดิบปรับตัวลง

หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีถูกกดดัน หลัง CEO ของ OpenAI ให้มุมมองว่าหุ้นในกลุ่มนี้กำลังอยู่ในภาวะฟองสบู่ส่งผลให้นักลงทุนเริ่มเทขายทำ กำไรหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีและย้ายเข้าไปลงทุนในหุ้นกลุ่มอื่น ๆ ซึ่งความเคลื่อนไหวนี้ส่งผลกระทบต่อตลาดในวงกว้าง เนื่องจากหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีมีน้ำหนักมากในดัชนีหลักทั้ง 3 ดัชนี

ด้านการให้สัมภาษณ์ของสก็อตต์ เบสเซนต์ (รมว.คลังสหรัฐฯ) ได้คาดว่ารายได้จากภาษีศุลกากรปี 2025 จะสูงกว่า 300,000 ล้านดอลลาร์ซึ่งมากกว่าที่เคยประเมินไว้และจะช่วยลด ขาดดุลต่อ GDP พร้อมกับเริ่มทยอย ชำระหนี้สาธารณะ โดยหลังจากภาระหนี้ลดลง อาจมีการนำ รายได้ส่วนหนึ่ง คืนให้ประชาชนในรูปแบบเงินปันผล แต่ยังไม่ได้หารือกับ ปธน.ทรัมป์โดยตรงในประเด็นนี้ซึ่งเขาเชื่อว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯ อาจกลับสู่ภาวะ “ขยายตัวดี และเงินเฟ้อต่ำ” คล้ายช่วงทศวรรษ 1990 อย่างไรก็ตาม ก็ยอมรับว่า ดอกเบี้ยสูง เป็นตัวถ่วงเศรษฐกิจ โดยเฉพาะใน ภาคที่อยู่อาศัย และ ครัวเรือนรายได้น้อยที่มีหนี้บัตรเครดิตสูง

ขณะที่ตลาดรอฟัง สุนทรพจน์ของประธานเฟด เจอโรม พาวเวล ในการประชุม Jackson Hole วันศุกร์นี้โดยคาดว่าอาจส่งสัญญาณด้านนโยบายการเงินที่ เข้มงวดกว่าที่คาด ขณะเดียวกัน ริชาร์ด แซเพอร์สไตน์ มองว่า สุนทรพจน์นี้สำคัญเพราะเป็นครั้งสุดท้ายก่อนครบวาระ พ.ค. 2026 และพาวเวลอาจเน้นย้ำเรื่องความเป็นอิสระของเฟดจากฝ่ายบริหาร

ราคาน้ำมันดิบ WTI ปรับตัวลง 1.68% ขานรับคาดการณ์ว่าการเจรจาไตรภาคีระหว่างสหรัฐฯ ยูเครนและรัสเซีย อาจนำไปสู่การยุติสงครามยูเครนและผ่อนคลายมาตรการคว่ำบาตรรัสเซีย ซึ่งจะเพิ่มอุปทานน้ำมันในตลาดโลก ขณะที่ท่าทีอ่อนลงของทรัมป์ต่อการใช้คว่ำบาตรทุติยภูมิช่วยลดความเสี่ยงด้านอุปทานข้อมูลเศรษฐกิจที่มีการรายงาน: ตัวเลขการเริ่มต้นสร้างบ้านเพิ่มขึ้น 5.2% สู่ระดับ 1.428 ล้านยูนิตในเดือนก.ค. และการอนุญาตก่อสร้างบ้านลดลง 2.8% สู่ระดับ 1.354 ล้านยูนิตในเดือนก.ค. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 5 ปี

ติดตาม: การปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ลูกค้าชั้นดี(LPR) ประเภท 1 ปีและ 5 ปี ของจีน, รายงานการประชุมเดือนก.ค.ของเฟด, จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI)ภาคการผลิตและภาคบริการขั้นต้นเดือนส.ค.จาก S&P Global และยอดขายบ้านมือสองเดือนก.ค.

ปัจจัยในประเทศ :

(0) Update งบ 2Q
(-) ประเด็นทางการเมือง

กำไรสุทธิของบริษัทจดทะเบียนไทยในไตรมาส 2/2568 อยู่ที่ประมาณ 3.4 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้นทั้งQoQ และ YoY สูงกว่าตลาดคาด 9–10% ถือเป็นระดับสูงสุดอันดับ 2 ในประวัติศาสตร์หนุนกำไรครึ่งปีแรกแตะเกือบ 6 แสนล้านบาท หรือราว 56% ของคาดการณ์ทั้งปีEPS 85–89 บาท/หุ้น ปัจจัยหนุนหลักมาจากกำไรของ THAI ที่ฟื้นตัวจากแผนฟื้นฟู, การรวมงบ INTUCH เข้ากับ GULF, กลุ่มวัสดุ
ก่อสร้าง, ICT, อาหาร และไฟแนนซ์ขยายตัวเด่น ขณะที่กลุ่มปิโตรเคมีและอิเล็กทรอนิกส์ออกมาต่ำกว่าคาดจากผลกระทบเงินบาทแข็งและรายการพิเศษ ส่วนแนวโน้ม 3Q อาจชะลอตัวจาก Domestic Play ที่ถูกกดดันทางการเมือง และกลุ่มส่งออกที่ผ่านพ้นช่วงเร่งสต๊อกเพื่อหลบภาษีสหรัฐฯ แต่เมื่อเทียบ YoYยังเห็นการเติบโตจากฐานต่ำปีที่แล้ว โดย Fwd PE 12 เดือนข้างหน้า อยู่ที่ 14.14 เท่า เมื่อพิจารณากับEPS 65F ที่ 90 บาท (-4.6%YoY) จะได้ดัชนีเป้าหมายสิ้นปีที่ 1,296 จุด ซึ่งรวมผลของการลดดอกเบี้ยนโยบายลงอีก 1 ครั้งในช่วงที่เหลือของปีแล้ว

ประเมิน SET Index แกว่งตัว sideway ในกรอบ 1230-1250 จุด ระวังช่วงปลายสัปดาห์คาดว่าจะมีแรงขายลดความเสี่ยงบางส่วนจากความชัดเจนเกี่ยวกับการตัดสินคดีความที่เกี่ยวข้องกับการเมืองได้แก่ คดีม.112 ของคุณทักษิณ และคดีคลิปเสียงของนายกรัฐมนตรีซึ่งศาลรัฐธรรมนูญกำหนดวินิจฉัยในวันที่ 22 ส.ค. และ 29 ส.ค. ตามลำดับ

Stock pick : CENTEL ผลประกอบการผ่านจุดต่ำสุดของปีไปแล้ว เป้าเชิงกลยุทธ์ที่ 32.00 บาท