TRUE ยันครึ่งปีหลังโต ค่าใช้จ่ายลดลง
หุ้นวิชั่น
อัพเดต 20 สิงหาคม 2568 เวลา 17.56 น. • เผยแพร่ 2 ชั่วโมงที่ผ่านมา • HoonVision | หุ้นวิชั่น - หุ้น ข่าวหุ้น หุ้นไทยวันนี้ หุ้นวันนี้ หุ้นเด่น วิเคราะห์หุ้น ธุรกิจ การเงิน เศรษฐกิจ การลงทุน ดัชนีราคาหุ้นหุ้นวิชั่น-ทีมข่าวหุ้นวิชั่น รายงาน นายนกุล เซห์กัล หัวหน้าคณะผู้บริหารด้านการเงิน บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ TRUE เปิดเผยว่า บริษัทฯ คาดผลการดำเนินงานในครึ่งปีหลังนี้จะเติบโตดีกว่าครึ่งปีแรก หลักๆ จะมาจากต้นทุนค่าใช้จ่ายที่ลดลง โดยการตั้งด้อยค่าสินทรัพย์ที่เริ่มบันทึกตั้งแต่การควบรวมกิจการในปี 2566 จะสิ้นสุดลงในไตรมาส 3/2568 ขณะที่กลยุทธ์ในการคัดกรองลูกค้ารายย่อยที่ไม่มีคุณภาพ หรือลูกค้าที่เปลี่ยนไปใช้เครือข่ายของคู่แข่งอย่างรวดเร็วในช่วงที่ผ่านมา หากมีการเสนอราคาที่ดีกว่า และเป็นลูกค้าที่มี ARPU ต่ำ แต่มีค่าคอมมิชชั่นสูง จากการคัดกรองลูกค้ารายย่อยเหล่านี้ บริษัทพบว่าจำนวนลูกค้ารายย่อยรวมลดลง แต่อัตราการย้ายค่ายลดลง และค่าใช้จ่ายค่าคอมมิชชั่นลดลงต่อเนื่อง
อย่างไรก็ตามจากภาวะเศรษฐกิจมหภาคที่เป็นอุปสรรคต่อประเทศไทยในปี 2568 นำไปสู่การปรับลดคาดการณ์ GDP ของประเทศ และผลกระทบจากเหตุการณ์ระบบโครงข่ายขัดข้องชั่วคราวที่กระทบต่อรายได้จากการให้บริการธุรกิจโทรศัพท์เคลื่อนที่ ฝ่ายบริหารของบริษัทฯ จึงได้ปรับเป้าหมายการดำเนินงานปี 2568 สำหรับรายการรายได้จากการให้บริการ และ EBITDA ขณะที่ยังคงค่าใช้จ่ายเงินลงทุนและกำไรสุทธิไว้ ดังนี้
- รายได้จากการให้บริการ (ไม่รวมรายได้จากค่าเชื่อมต่อโครงข่ายและบริการข้ามโครงข่ายภายในประเทศกับ NT): ทรงตัว ถึง เพิ่มขึ้น 1% เทียบกับปีก่อนหน้า
- EBITDA: เติบโต 7 – 8% เทียบกับปีก่อนหน้า
- เงินลงทุน (CAPEX): 28,000 – 30,000 ล้านบาท (ไม่เปลี่ยนแปลง)
- กำไร/(ขาดทุน) สุทธิ: มีกำไร (ไม่เปลี่ยนแปลง)
บริษัทฯ มีเป้าหมายที่จะจ่ายเงินปันผลระหว่างกาล (interim dividend) ไม่น้อยกว่า 50% ของกำไรสุทธิตามงบการเงินรวมของบริษัทในช่วงครึ่งหลังของปี 2568 ซึ่งขึ้นอยู่กับการอนุมัติของคณะกรรมการบริษัท นอกจากนี้ ฝ่ายบริหารได้ปรับเป้าหมายอัตราส่วนหนี้สินต่อ EBITDA
สำหรับปี 2568 จากไม่เกิน 4.0 เท่า เป็นไม่เกิน 4.1 เท่า แม้ว่าผลการดำเนินงานในปี 2568 จะได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ระบบโครงข่ายขัดข้องชั่วคราว ซึ่งส่งผลกระทบต่อรายได้ของบริษัท แต่ยังยืนยันต่อเป้าหมายในระยะกลางถึงยาว โดยอัตรากำไร EBITDA (ต่อรายได้ไม่รวม IC) จะขยายตัวเป็น 67% ในปี 2570 จาก 63% ในปี 2568 และสัดส่วนเงินลงทุนต่อรายได้จะลดลงเหลือ 13-14% จาก 16% ในปีนี้ รวมถึงอัตราส่วนโครงสร้างทางการเงินจะลดลงเหลือ 3.2 เท่า จาก 4.0 เท่าในปี 2568