รวบแล้ว 2 สามีภรรยา เผาอำพรางทารกในเตาเผาถ่าน
รวบแล้ว 2 สามีภรรยา เผาอำพรางทารกในเตาเผาถ่าน อ้างลูกเสียชีวิตเอง แต่ตำรวจไม่เชื่อ แจ้งข้อหาหนัก
วันนี้ (20 ส.ค.) พ.ต.อ.กรภพ เนตรไธสง ผกก.สภ.บ้านฝาง จ.ขอนแก่น พ.ต.ท.เรืองยศ ภูแช่มโชติ รอง ผกก.สส.สภ.บ้านฝาง พ.ต.ท.เทียนชัย ชาวส้าน รอง ผกก.สอบสวน สภ.บ้านฝาง พ.ต.ท.อรชุน โพธิ์เหลือง สว.สส.สภ.บ้านฝาง
ร.ต.อ.สมศักดิ์ แก้วดอนหัน สว.สส.สภ.บ้านฝาง พร้อมทีมสืบสวนชุด “ฝางพยัคฆ์” ร่วมกันควบคุมตัว นายพงศธร หรือ เปิ้ล อายุ 30 ปี อ.ชุมแพ จ.ขอนแก่น นางสาวปนัดดา หรือ แพร อายุ 33 ปี อ.หนองเรือ จ.ขอนแก่น สองสามีภรรยา ไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพ หลังร่วมกันนำร่างของทารกวัยแรกคลอด มาเผาอำพรางที่เตาถ่านกลางไร่อ้อยของชาวบ้าน ในพื้นที่บ้านหินฮาว ต.โนนฆ้อง อ.บ้านฝาง จ.ขอนแก่น ก่อนเจ้าของเตาเผาถ่านจะไปพบร่างของทารกในสภาพถูกไฟไหม้กว่า 70 เปอร์เซ็นต์ของร่างกายในเตาเผาถ่านในช่วงค่ำของวันที่ 16 ส.ค.ที่ผ่านมา
โดย นายพงศธรเล่าว่า ในช่วงเกิดเหตุ ตนเองออกไปทำงาน และกลับเข้าห้องมาในเวลาประมาณ 17.00 น. เมื่อมาถึงห้องพัก ตนเองได้เคาะประตูเรียกภรรยาหลายครั้ง แต่ก็ยังไม่เปิด จึงเคาะเรียกอีก จนมีเสียงเปิดกลอนประตู เมื่อเปิดประตูเข้าไป ก็พบว่า นางสาวปนัดดา ภรรยา ล้มฟุบอยู่พื้นห้อง หน้าประตูห้อง สภาพมีรอยเลือดลากเป็นทางยาวตั้งแต่หน้าประตูห้องน้ำยาวมาจนถึงหน้าประตูห้อง
เมื่อมองไปบนเตียงนอนก็พบร่างของทารกนอนนิ่งอยู่บนเตียงนอน ใกล้กับทารกมีกองเลือดขนาดใหญ่กองอยู่ ตนเองจึงพยายามเรียกภรรยาจนได้สติขึ้นมา ก่อนจะเอาน้ำแดงให้กิน เพื่อให้ภรรยาฟื้นตัว เพราะตนเองเคยรู้จากพ่อของตนเอง และเมื่อไปดูทารกบนเตียงนอน ก็พบว่า ทารกแน่นิ่ง ตัวเป็นสีเขียวคล้ำ ยอมรับว่า ตอนนั้นตนเองทำอะไรไม่ถูก เมื่อเห็นภรรยาอาการไม่ดี ตนเองก็ได้ไปซื้อยาหอมมาให้ดม นอกจากนี้จากการตรวจสอบห้องพัก ยังพบรอยเลือดบนเตียงนอน และผ้าปูเตียง รวมทั้งชุดที่สวมใส่ในวันคลอดทารกถูกแช่อยู่ในกะละมังหลังห้อง
นายพงศธร เล่าต่อว่า หลังจากที่ภรรยาฟื้นตัว ภรรยาเป็นคนวางแผนว่า จะต้องนำทารกไปทำลาย ซึ่งตนเองก็ได้คัดค้านจนเกิดการโต้เถียงกัน แต่สุดท้ายภรรยาก็ไม่ยินยอม และตนเองก็ทำอะไรไม่ได้จึงได้ช่วยกันห่อร่างของทารกใส่ห่อผ้า ใส่ถุงดำเพื่อป้องกันเลือดและสารคัดหลั่ง ก่อนจะเอาถุงดำใส่ในตะกร้า แล้วพากันขับรถมุ่งหน้ามายังเตาเผาถ่านกลางไร่อ้อย ซึ่งตนเองและภรรยาเคยมาเล่นที่นี่ และภรรยาก็รู้จักกับเจ้าของไร่อ้อย ก่อนทำการเผาอำพรางศพ
โดยทั้งคู่ให้การภาคเสธ ซึ่งฝ่ายหญิงในการว่าไม่ได้ทำร้ายลูกจนตาย แต่เกิดจากการที่ตัวเองเป็นลมหน้ามืด หมดสติแล้วทับลูกจนเสียชีวิต ซึ่งขัดต่อพยานหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ที่ยืนว่า เด็กมีการคลอดออกมาเป็นบุคคลแล้ว มีอวัยวะทุกส่วนของร่างกายทำงานครบถ้วนสมบูรณ์
โดยคลอดออกมาได้ประมาณ 2-5 วันและมีสายรกติดอยู่ มีการกินนมจากมารดา เพราะตรวจขี้เทาของเด็กนั้นหมดแล้ว ซึ่งตรวจในท้องและลำไส้ใหญ่มีอุจจาระสีเหลืองแล้ว ทำให้ยืนยันได้ว่ามีการกินการย่อยในร่างกายแล้ว พร้อมทั้งพบบาดแผลของเด็กบริเวณด้านหลังมีการกระทบกระแทกกับของแข็งไม่มีคม และเป็นลักษณะตีอย่างแรงที่บริเวณกะโหลกด้านหลัง น่าเชื่อได้ว่าเกิดจากการถูกจับกระแทกซึ่งอาจจะกระแทกที่พื้นหรือของแข็งบางอย่าง ไม่พบแผลกดทับหรือฟกช้ำบริเวณทรวงอก ทำให้ขัดกับคำให้การที่ฝ่ายหญิงบอกว่าคลอดลูกออกมาบนเตียงแล้วเป็นลมหมดสติทับลูก โดยทางตำรวจนั้นไม่ปักใจเชื่อในคำให้การของแม่เด็กโดยจะมีการสอบปากคำเพิ่มเติมเพราะเชื่อว่าแม่อาจจะทำร้ายลูกจนเสียชีวิต
เบื้องต้นนั้นทางตำรวจได้ตั้งข้อหา ร่วมกันฆ่าผู้อื่นตายโดยเจตนา และร่วมกันลอบฝัง ซ่อนเร้น ย้ายหรือทำลายศพ เพื่อปิดบังการตายหรือเหตุแห่งการตาย
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- ฤดูระบาด!! ไวรัส RSV เตือนป้องกันทารก-ผู้สูงอายุ-ผู้ป่วยภูมิคุ้มกันบกพร่อง
- สลด! แม่ท้องแก่วัย 27 ปี คลอดลูก ไปเล่นสงกรานต์ต่อ สุดท้ายทารกเสียชีวิต
- ด่วน! พบศพเด็กทารกเพศชาย 10 เดือน ถูกยัดกระเป๋าถ่วงหินทิ้งคลอง
ติดตามเราได้ที่