อดีตนายกฯ ชวน ชี้ วิกฤติพระ คนบวชแค่ประเพณี จี้มหาเถรดูแลทั่วถึง
14 กรกฎาคม 2568 ที่จังหวัดตรัง นายชวน หลีกภัย ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ อดีตนายกรัฐมนตรีและอดีตประธานรัฐสภา กล่าวถึงกรณีวิกฤตศรัทธาวงการสงฆ์ จากกรณีพระสงฆ์ชั้นผู้ใหญ่วัดดังหลายแห่งไปพัวพันกับ "สีกากอล์ฟ" ว่า ในฐานะเป็นชาวพุทธที่ได้อาศัยวัดเป็นที่พักพิงระหว่างเรียนหนังสือ ได้กินข้าววัด ซึ่งถือว่าเป็นหนี้บุญคุณพระศาสนา อยากจะให้กำลังใจพระสงฆ์ผู้ปฏิบัติดีทั้งหลาย
ในสมัยที่ตนเป็นประธานสภาฯ เคยพูดให้กำลังใจคณะสงฆ์ที่มารัฐสภา ซึ่งตอนนั้นเกิดกรณีพระที่จังหวัดนครศรีธรรมราช ว่าปกติแล้วพระจะให้คำแนะนำและกำลังใจแก่ฆราวาส แต่วันนี้ขอให้กำลังใจพระหน่อย พระสงฆ์อยู่ภายใต้กฎเกณฑ์กติกาที่ต้องยึดถือจำนวนมาก เข้มงวดมาก ไม่มีศาสนาใดเข้มงวดเหมือนศาสนาพุทธ จึงเห็นใจและขอให้กำลังใจว่าเมื่อมีข่าวลบเกิดขึ้น ขอให้พระที่มีความมุ่งมั่นตั้งใจได้มีความอดทน มีความเชื่อมั่นหนักแน่นมั่นคงในการปฏิบัติศาสนกิจเพื่อเป็นหลัก
นายชวน กล่าวอีกว่า จากปัญหาที่เกิดขึ้นต้องมีการปรับปรุงเปลี่ยนแปลงหลายเรื่อง เช่น พระผู้ใหญ่คงต้องมีการอบรม ที่สำคัญพระผู้ใหญ่ในมหาเถรสมาคมจะต้องลงมาดูระดับล่างมากขึ้น ส่วนความเข้มข้นในพระศาสนานั้นดีอยู่แล้ว อย่างที่พระพุทธเจ้า รวมถึงปราชญ์ทางสงฆ์หลายท่านได้สอนไว้ อาทิ สมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ ป.อ. ปยุตโต , หลวงพ่อปัญญานันทภิกขุ โดยเฉพาะท่านพุทธทาสภิกขุ ท่านสอนธรรมะที่เป็นอมตะไว้มาก แต่สิ่งสุดท้ายท่านบอกว่า สำคัญที่สุดคือ คนดี คนดีเท่านั้นที่จะประคับประคองให้บ้านเมืองอยู่ได้ คนดีอยู่วงการไหนบ้านเมืองก็ดี
นอกจากนี้ ในปัจจุบันเรื่องการบริหารจัดการเงินของวัด จากเดิมที่มหาเถรสมาคมให้สิทธิแต่ละวัดสามารถบริหารงานได้เอง แต่เมื่อเกิดเหตุแบบนี้ขึ้น แม้จะเป็นกรณีบางวัด แต่วัดใดที่มีรายได้สูง ก็มีโอกาสเกิดการรั่วไหลได้ บางคนบอกว่าแหล่งคอร์รัปชั่นสูงสุดคือ วัด ตนว่าอาจไม่จริงทั้งหมด แต่อาจมีความรั่วไหลจริง
ดังนั้น จึงเป็นหน้าที่มหาเถรสมาคมที่จะให้สำนักงานำพระพุทธศาสนาแห่งชาติ มีหน้าที่ตรวจสอบหรือแนะนำให้แต่ละวัดจัดระบบบัญชีรายรับรายจ่าย รวมถึงการให้อำนาจผู้ดูแลเงินอย่างกรรมการวัด หรือ "ไวยาวัจกร" ซึ่งมีความสำคัญในการดูแลเงิน ถ้าได้คนไม่สุจริต คนไม่ดีมาดูแล ก็ทำให้วัดมีปัญหาได้เช่นกัน ไม่เฉพาะพระเพียงอย่างเดียว และที่สำคัญต้องดูแลชาวบ้านใกล้วัดด้วย เพราะพบว่าวัดที่มีพระพุทธรูปสวยงามแต่ถูกล่ามโซ่กลัวขโมย กลายเป็นพระสวยงามแต่อยู่ในกรง แต่ปัญหาจะไม่เกิดหากคนใกล้วัดช่วยเป็นหูเป็นตา แต่ชาวบ้านจะช่วยเป็นหูเป็นตาให้ก็ต่อเมื่อวัดมีเยื่อใยกับชาวบ้าน ไม่ใช่บอกบุญอย่างเดียว แต่ต้องช่วยดูแลชาวบ้านในยามลำบากด้วย
นายชวน กล่าวว่า โดยปกติตนจะไปตามวัดต่างๆทุกสัปดาห์ในทุกพื้นที่ เวลาเดินทางไปตามที่ต่างๆก็จะแวะตามวัดทั่วประเทศ เช่นที่จังหวัดตรังตนไปทุกวัด สิ่งสำคัญที่ได้พบคือ จำนวนพระสงฆ์ในแต่ละวัดได้ลดลงไปเรื่อย ๆ โดยตัวเลขในปัจจุบันพระสงฆ์ลดลงไปราว 2 แสนกว่ารูปทั่วประเทศ จำนวนวัดไม่ได้ลดลง แต่จำนวนพระกลับลดลง บางวัดเหลือพระรูปเดียว หรือแค่ 2-3 รูปเท่านั้น โดยเฉพาะในจังหวัดชายแดนภาคใต้ยิ่งชัดเจน อย่างวัดเขากง จังหวัดนราธิวาส ซึ่งเป็นวัดใหญ่ ตนไปเวียนเทียนมาเมื่อเดือนมิถุนายน 2568 ที่ผ่านมา เหลือพระแค่ 2 รูป ก็ได้กราบนมัสการให้กำลังใจ
ดังนั้นในภาพรวมพระสงฆ์ของไทย จะลดลงไปตามลำดับ เนื่องจากเมื่อก่อนคนบวชเพื่อเรียน แต่ยุคปัจจุบันไม่จำเป็นต้องบวชก็สามารถเรียนได้ คนที่จะศรัทธาเพื่อบวชจริงๆจะน้อยลง หรือจะมีบวชก็ตามประเพณี เข้าพรรษา บวชหน้าไฟ หรือตามเทศกาล ทำให้ปริมาณพระสงฆ์ลดลง ตนพูดกันเล่น ๆ ว่า ในยุคตนตายไปมีพระมาสวดครบแน่ แต่ยุคคนรุ่นหลังๆ อาจจะต้องใช้วีดีโอคอลสวด เพราะพระไม่ครบ ทุกวันนี้หากไปงานสวดอภิธรรมศพตามวัด ลองไปยกมือไหว้ถามพระทั้ง 4 รูปที่สวด จะพบว่าส่วนใหญ่ไม่ได้มาจากวัดเดียวกัน ต้องระดมกันมาสวด นี่คือสภาพความเป็นจริงในปัจจุบัน
อีกปัจจัยที่ทำให้คนบวชพระน้อยลง เนื่องจากการถือศีลในระบบพุทธศาสนาแบบนิกายของไทยมีความเข้มข้นมาก มากกว่าหลายๆนิกาย และบางนิกายที่อนุญาตให้มีครอบครัวด้วยซ้ำไป ดังนั้นสำหรับผู้ที่บวชด้วยความศรัทธาเราต้องให้กำลังใจ ยกย่องเชิดชูอุปถัมป์ค้ำชูเพื่อเป็นกำลังใจให้สามารถสืบสานต่อพระศาสนาไปได้ จึงขอเป็นกำลังใจให้พระสงฆ์ทุกระดับว่า
"แม้มีวิกฤตเกิดขึ้นจนถูกวิพากษ์วิจารณ์ ซึ่งในชีวิตผมยังไม่เคยมีครั้งไหนที่เกิดวิกฤตที่เกี่ยวข้องกับสีกาจนกระทบกระเทือนรุนแรงต่อพระชั้นผู้ใหญ่ขนาดนี้ จึงส่งผลกระทบเป็นธรรมดา ทำให้คนขาดความเชื่อมั่นต่อศาสนาในองค์ประกอบ พระพุทธ พระธรรม และพระสงฆ์ว่าจะยังเป็นหลักได้หรือไม่ แต่ตนเชื่อว่าพระสงฆ์ยังเป็นหลักได้อยู่ เพียงแต่เมื่อมีสิ่งแปลกปลอมเข้ามา ก็ต้องนำสิ่งแปลกปลอมนั้นออกไป ให้เหลือดำรงไว้ซึ่งสิ่งดีที่แท้จริง" นายชวน กล่าว