22ส.ค.“ทักษิณ”คดี112 คุก-ไม่คุก!?
เมืองไทย 360 องศา
ถือว่าใกล้มาถึงจุดสิ้นสุดเต็มทีแล้ว สำหรับคดีความผิด มาตรา 112 ที่ นายทักษิณ ชินวัตร เป็นจำเลย โดยหลังจากที่มีการสืบพยานฝ่ายจำเลยจำนวน 3 ปากเสร็จสิ้นแล้ว ศาลได้นัดฟังคำพิพากษา ในวันที่ 22 สิงหาคม เวลา 10.00 น. ทำให้ต้องมาลุ้นกันว่า ศาลจะพิพากษาออกมาทางไหน จะถูกจำคุกหรือไม่
เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 16 กรกฎาคม ที่ห้องพิจารณา 902 ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก 902 ศาลนัดสืบพยานจำเลยนัดแรกคดีดูหมิ่นสถาบันหมายเลขดำ อ.1860/2567 ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญา 8 เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เป็นจำเลยในความผิด ฐานดูหมิ่นสถาบันตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 ความผิดเกี่ยวกับพ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ พ.ศ.2560 กรณีเมื่อปี 2558 นายทักษิณ ได้ให้สัมภาษณ์สื่อทีวีต่างประเทศ ประเทศเกาหลีใต้พาดพิง ดูหมิ่นสถาบันเบื้องสูงจำเลยให้การปฏิเสธ และได้รับการประกันตัว
โดยช่วงเช้า นายทักษิณ พร้อมผู้ติดตามเดินทางด้วยรถยนต์เบนซ์สีดำ ทะเบียน ธษ 267 กรุงเทพมหานคร ขึ้นลิฟท์ ด้านข้างของอาคาร นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ น้อยเขย นายวิญญัติ ชาติมนตรี และทีมทนายความเดินทางมาศาล มีกลุ่มคนเสื้อแดงจำนวนหนึ่งมาให้กำลังใจโดยศาลยังคงพิจารณาลับ ห้ามผู้ไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง รับฟังการพิจารณา
สำหรับการสืบพยานจำเลยคดีนี้ ทีมทนายความ ได้นำพยานเข้าสืบหักล้างพยานหลักฐานโจทก์ เช่น นายทักษิณ ชินวัตร ตัวจำเลยเบิกความเอง นายวิษณุ เครืองาม และนายธงทอง จันทรางศุ อดีตปลัดกระทรวงยุติธรรม และคณะที่ปรึกษานโยบายนายกรัฐมนตรี
ภายหลัง นายวิญญัติ ชาติมนตรี ทนายความจำเลยได้นำพยานจำนวน 3 ปาก เบิกความเสร็จแล้วในช่วงเช้า ศาลอาญาจึงนัดฟังคำพิพากษาคดีนี้ วันที่ 22 สิหาคม นี้ เวลา 10.00 น. ขณะที่นายวิญญัติ จะส่งคำแถลงปิดคดีต่อศาลภายใน 15 วัน
มีรายงานว่า หลังจากนายทักษิณ นายวิษณุ และนายธงทอง เบิกความต่อศาลเสร็จแล้วในช่วงเช้า จึงนั่งรถยนต์เดินทางกลับทันที โดยทนายความระบุว่า วันนี้นายทักษิณเบิกความเสร็จแล้ว มีสีหน้าสดชื่น หวังว่าจะได้รับความเป็นธรรมพร้อมทั้งขอบคุณมวลชนที่มาให้กำลังใจ
นายวิญญัติ กล่าวว่าเดิมตนได้เตรียมพยานเอาไว้ 14 ปาก แต่เนื่องจากว่าการสืบพยานที่ผ่านมาทั้งการสืบพยานโจทก์และพยานจำเลยเพียงพอและเหมาะสมแล้ว จึงแถลงหมดพยาน ตนคงจะเปิดเผยรายละเอียดในคดีหรือว่าการสืบพยานไม่ได้ เพราะเป็นการพิจารณาลับทำได้เพียงแจ้งความคืบหน้าแก่สื่อมวลชนเท่านั้น ส่วนเอกสารแถลงปิดคดี ขึ้นอยู่กับศาลว่าจะนำมาพิจารณาประกอบการเขียนคำพิพากษาหรือไม่
นายวิญญัติ มั่นใจว่า เรื่องนี้จะได้รับความเป็นธรรม เนื่องจากพยานหลักฐานโจทก์ที่ผ่านมา มีหลายส่วนที่ยังไม่ครบถ้วนสมบูรณ์ และมีหลายส่วนที่เป็นพยานบุคคลที่เป็นพยานความเห็นทั้งสิ้น และทีมทนายความได้พยายามหักล้างว่า เป็นพยานที่มีความอคติ และอยู่ฝ่ายตรงข้ามของนายทักษิณแทบทั้งสิ้น อย่างไรก็ตาม ต้องเรียนตามตรงว่าโจทก์ไม่มีประจักษ์พยานที่จะพิสูจน์ทราบการกระทำความผิดได้ชัดเจน
ถามว่าเหตุใด จากที่เตรียมพยานไว้ตอนแรกไว้ 14 ปาก แต่กลับเหลือแค่ 3 ปาก นายวิญญัติ กล่าว่า ในส่วนนี้เป็นการประเมินคดี และได้ปรึกษาร่วมกับนายทักษิณแล้วว่า สมควรยุติการสืบพยานเท่านี้ สำหรับฝ่ายจำเลย เนื่องจากการพิจารณาคดีของศาลอาญา ศาลจะพิจารณาพยานฝั่งโจทก์เป็นหลักว่า มีหลักฐานเพียงพอที่จะพิสูจน์ทราบการกระทำความผิดของจำเลยได้มากน้อยเพียงใดหรือไม่ ซึ่งตนก็ได้ประเมินดูมาโดยตลอด
เมื่อถามว่า นายวิษณุ และนายธงทอง มาเป็นพยานและให้ความเห็นในด้านใด นายวิญญัติ กล่าวว่า ทั้งคู่เป็นพยานที่เกี่ยวข้องกับช่วงเวลาที่นายทักษิณ ถูกกล่าวหา และช่วงที่ยังดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี และเป็นบุคคลที่มีความเชี่ยวชาญทางกฎหมายและด้านภาษา รวมทั้งเคยแปลและรับรู้ถึงการแสดงออกการกระทำของนายทักษิณ ว่ามีความจงรักภักดีอย่างไรอยู่แล้ว
ส่วน นายทักษิณ จะเดินทางมาที่ศาลอีกครั้งแค่ในวันนัดฟังคำพิพากษาหรือไม่ นายวิญญัติ กล่าวว่า จะต้องมาอีกครั้ง ในการรายงานตัวตามคำสั่งศาลในช่วงต้นเดือน เนื่องจากได้รับการปล่อยชั่วคราวเกี่ยวเนื่องจากคดีนี้ จากนั้นจะมาศาลอีกครั้ง ในวันที่ 22 สิงหาคม ซึ่งเป็นวันพิพากษา อย่างไรก็ตาม คำสั่งกำหนดนัดรายงานตัวและห้ามออกนอกราชอาณาจักร จะมีผลสิ้นสุดลงหลังจากการฟังคำพิพากษาในศาลชั้นต้น
แน่นอนว่าหากนับถึงวันที่ 22 สิงหาคม ก็ถือว่ายังเหลือเวลาอีกมกี่วันเท่านั้น แต่ขณะเดียวกันหากพิจารณาจากคดีนี้ถือว่า “มีความเสี่ยง”สูง ว่าผลของคำพิพากษาจะออกมาแบบไหน “คุกหรือไม่คุก” และที่สำคัญไม่อาจละสายตาลงไปได้เลยก็คือ คดีนี้มีอัตราโทษสูง อย่างไรก็ดีก็ต้องรอฟังผลว่าจะออกมาแบบไหน ด้วยใจระทึก เพราะหมายรวมถึงการชี้ชะตาไปถึงตัวนายกรัฐมนตรี น.ส.แพทองธาร ชินวัตร และรัฐบาลภายใต้การนำของเธอด้วย เพราะว่ากำลังอยู่ในภาวะ “ง่อนแง่น” เต็มที
เพราะหาก นายทักษิณ ชินวัตร เป็นอะไรไปในช่วงนี้ เชื่อว่าพอหลับตาเห็นภาพได้อยู่แล้วว่า จะวุ่นวายขนาดไหน โดยเฉพาะอนาคตทางการเมืองของทั้งรัฐบาล และพรรคเพื่อไทย รวมถึงไม่ต้องพูดถึงว่าอนาคตของ “ลูกสาว” คือ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ว่าจะเดินต่อไปอย่างไร แม้ว่าเวลานี้ทุกฝ่ายจะมองเห็นแล้วว่า “จบสิ้น” ไปแล้วก็ตาม แต่หากตราบใดที่ “พ่อ” ยังอยู่ ก็อาจพอมีลุ้นอยู่บ้าง แต่หากผลออกมาในทางตรงข้าม ทุกอย่างก็ดูไม่จืดจริงๆ
ดังนั้นในวันที่ 22 สิงหาคม ที่ศาลอาญานัดฟังคำพิพากษาคดี นายทักษิณ ชินวัตร ถูกฟ้องเป็นจำเลยคดี มาตรา 112 จึงเป็นวันชี้ชะตาของ เขา รวมไปถึง “ลูกสาว” รวมถึงอนาคตของพวกเขาทั้งรัฐบาลที่มีพรรคเพื่อไทยเป็นแกนนำ หากผลออกมาในทางลบก็ถือว่า “จบเห่” ทันที จากภาวะปัจจุบันที่วิกฤติเต็มทีแล้ว
อย่างไรก็ดีแม้ว่าเป็นคำพิพากษาของศาลชั้นต้น ยังต้องมีการอุทธรณ์กันอีกหลายขั้นตอน ต้องใช้เวลากว่าจะสิ้นสุดอีกพักใหญ่ แต่หากมีบทสรุปในศาลชั้นต้นแล้ว ผลที่ออกมาไม่ว่าทางไหน ก็น่าหวาดเสียวทั้งสิ้น !!
website : mgronline.com
facebook : MGRonlineLive
twitter : @MGROnlineLive
instagram : mgronline
line : MGROnline
youtube : MGR Online VDO