เตือน "ไข้ดิน" ช่วงน้ำท่วม เสียชีวิตแล้ว 72 ราย เปิด 5 จังหวัดป่วยสูงสุด
นายแพทย์ภาณุมาศ ญาณเวทย์สกุล อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า ในช่วงนี้ยังคงมีฝนตกำให้เกิดน้ำท่วมขังหรือดินชื้นแฉะ ประชาชนที่อยู่ในพื้นที่น้ำท่วม เกษตรกร หรือผู้ที่ต้องทำงานสัมผัสดินและน้ำโดยตรง รวมถึงผู้ที่มีโรคประจำตัว เช่น เบาหวาน โรคไตเรื้อรัง และโรคธาลัสซีเมีย จะมีความเสี่ยงป่วยโรคเมลิออยด์ หรือไข้ดิน ได้สูง
โดยเชื้อแบคทีเรียที่เป็นสาเหตุจะอยู่ในดินและในน้ำ จะเข้าสู่ร่างกายได้ทางเยื่อบุผิวหนังหรือบาดแผล การดื่มน้ำหรือรับประทานอาหารที่ปนเปื้อนเชื้อเข้าไป รวมถึงการสูดหายใจเอาฝุ่นจากดินที่มีเชื้อปนเปื้อนเข้าไป หลังติดเชื้อโดยเฉลี่ย 4 - 9 วัน จะมีอาการเจ็บป่วย เร็วสุดหนึ่งวันแต่บางรายอาจนานเป็นปี ขึ้นอยู่กับปริมาณเชื้อที่ได้รับและภาวะภูมิคุ้มกันของแต่ละคน
อาการของโรคนี้ไม่มีลักษณะเฉพาะ อาจเป็นการติดเชื้อเฉพาะที่หรือติดเชื้อแล้วแพร่กระจายทั่วทุกอวัยวะก็ได้ ซึ่งมีความหลากหลายคล้ายโรคติดเชื้ออื่นหลายโรค ส่วนใหญ่เริ่มจากมีไข้ มีอาการทางระบบทางเดินหายใจ เช่น ไอ หายใจหอบเหนื่อย เป็นต้น บางรายพบมีฝีที่ผิวหนัง ปอด ตับหรือม้าม ในรายที่มีอาการรุนแรง มักมีภาวะติดเชื้อในกระแสเลือด จึงทำให้วินิจฉัยโรคได้ยาก ต้องอาศัยการตรวจเพาะเชื้อทางห้องปฏิบัติการเป็นหลัก เพื่อใช้ประกอบการตรวจวินิจฉัยและรักษา
สถานการณ์โรคเมลิออยด์
ข้อมูลจากระบบเฝ้าระวังโรคดิจิทัล (Digital Disease Surveillance: DDS) กองระบาดวิทยา ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม - 9 กรกฎาคม 2568 พบผู้ป่วย 1,676 คน ผู้เสียชีวิต 72 คน กลุ่มอายุที่พบผู้ป่วยสูง 3 อันดับแรก คือ กลุ่มอายุ 60 ปีขึ้นไป 693 คน รองลองมาเป็นกลุ่มอายุ 50 - 59 ปี 449 คน และกลุ่มอายุ 40 - 49 ปี 247 คน ตามลำดับ
พื้นที่ที่พบผู้ป่วยส่วนใหญ่อยู่ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
โดยจังหวัดที่มีอัตราป่วยสูงสุดห้าอันดับแรกคือ มุกดาหาร /ยโสธร / บึงกาฬ/ นครพนม / และ บุรีรัมย์
สำหรับวิธีการป้องกันโรคเมลิออยด์
สามารถทำได้ คือ หลีกเลี่ยงการเดินลุยน้ำย่ำโคลนหรือสัมผัสดินและน้ำโดยตรง หากจำเป็นขอให้สวมรองเท้าบู๊ต ถุงมือยาง กางเกงขายาวหรือชุดลุยน้ำ หลังสัมผัสดินและน้ำให้ทำความสะอาดร่างกายด้วยสบู่และน้ำสะอาดทันที หากมีบาดแผลที่ผิวหนัง ควรรีบทำความสะอาดด้วยยาฆ่าเชื้อและหลีกเลี่ยงการสัมผัสดินและน้ำจนกว่าแผลจะแห้งสนิท
รับประทานอาหารปรุงสุก ดื่มน้ำในบรรจุภัณฑ์ที่ได้มาตรฐานหรือน้ำต้มสุกทุกครั้ง หลีกเลี่ยงการสูดดมลมฝุ่นและการอยู่ท่ามกลางสายฝน และหากมีอาการไข้สูงต่อเนื่อง 2 วัน ร่วมกับมีประวัติการสัมผัสดินและน้ำ ให้รีบพบแพทย์ทันที
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
- "โรคเมลิออยด์" พบบ่อยในฤดูฝน ติดต่อทางไหน มีอาการอย่างไร?
- "โรคเมลิออยด์" หรือ "โรคไข้ดิน" เกิดจากสาเหตุอะไร หากติดเชื้อเสี่ยงเสียชีวิต
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
- เดินลุยน้ำย่ำโคลน ต้องระวังโรคเมลิออยด์ เสียชีวิตแล้ว 72 ราย
- เติร์ด Tilly Birds ร่ายยาวขอโทษบุคลากรทางการแพทย์ เรื่องอาการป่วยคุณแม่
- โควิด 5 แสน ไข้หวัดใหญ่ทะลุ 3 แสน สธ.แนะระวังโรคติดต่อช่วงหน้าฝน
- หามส่งรพ.อีกครั้ง! อรชร เชิญยิ้ม ฝืนทำงาน แต่ร่างกายไม่ไหว หลายโรครุมเร้า
- ยอดผู้เสียชีวิตมอเตอร์ไซค์เหยียบแสนราย ไม่สวมหมวกกันน็อคเสี่ยงกว่า 8 เท่า