หุ้นไทยวันนี้ ปิดแดนลบที่ 1,119.94 จุด ทุนต่างชาติไหลออก 2.3 พันล้าน
ความเคลื่อนไหวหุ้นไทยวันนี้ (4 ก.ค.) ดัชนี SET Index ปิดตลาดที่ระดับ 1,119.94 จุด ลดลง 7.27 จุด หรือเปลี่ยนแปลง 0.64% ในช่วงระหว่างวันดัชนีแกว่งตัวในกรอบสูงสุดและต่ำสุดที่ระดับ 1,128.08 - 1,115.37 จุด โดยมีมูลค่าการซื้อขายบางเบาที่ระดับ 27,794.63 ล้านบาท
หากแบ่งมูลค่าการซื้อขายหุ้นออกตามประเภทนักลงทุน พบว่า กลุ่มสถาบันและนักลงทุนในประเทศ มีสถานะซื้อสุทธิรวม 2,484.39 ล้านบาท แบ่งเป็น 1,141.62 ล้านบาท และ 1,342.77 ล้านบาท ตามลำดับ ขณะที่กลุ่มบัญชีบริษัทหลักทรัพย์และนักลงทุนต่างประเทศ มีสถานะขายสุทธิรวม 2,484.39 ล้านบาท แบ่งเป็น 146.27 ล้านบาท และ 2,338.12 ล้านบาท
5 หุ้นมูลค่าซื้อขายสูงสุด
- KTC ราคา 24.90 บาท ลดลง 0.85 บาท หรือ 3.30% มูลค่าซื้อขาย 1,443.58 ล้านบาท
- DELTA ราคา 109.50 บาท ลดลง 0.50 บาท หรือ 0.45% มูลค่าซื้อขาย 1,432.30 ล้านบาท
- GULF ราคา 41.00 บาท เพิ่มขึ้น 0.50 บาท หรือ 1.23% มูลค่าซื้อขาย 1,263.32 ล้านบาท
- SCB ราคา 119.00 บาท ลดลง 1.00 บาท หรือ 0.83% มูลค่าซื้อขาย 979.65 ล้านบาท
- ADVANC ราคา 279.00 บาท ลดลง 1.00 บาท หรือ 0.36% มูลค่าซื้อขาย 847.81 ล้านบาท
บล.เมย์แบงก์ (ประเทศไทย) วิเคราะห์ตลาดหุ้นไทยวันนี้ (4 ก.ค.) ว่า ตลาดให้น้ำหนักผลความคืบหน้าเจรจาการค้าระหว่างทีมไทยและสหรัฐฯที่เริ่มประชุมวานนี้ ซึ่งปัจจุบันอยู่ในช่วงรอรายละเอียด ซึ่งได้ประเมินผลสุดท้ายออกมาเป็น 3 ฉากทัศน์
- สหรัฐฯ เก็บภาษีไทย < 20% เป็นกรณีที่ดีสุดและคาดว่าตลาดตอบรับเชิงบวกหนุน SET Index ปรับขึ้นไปที่ 1170 จุด เป็นระดับที่ได้เปรียบเมื่อเทียบกับคู่แข่งอย่างเวียดนามและจีน ทำให้โอกาสภาคส่งออกและการย้ายฐานการผลิตมาไทยมีความน่าสนใจมากขึ้น
- สหรัฐฯ เก็บภาษีไทย = 20% มอง Slightly Positive คาด SET Index Sideways Up ไปที่ 1150 จุด เป็นระดับที่ได้เปรียบจีน (แต่เท่าเทียมกับเวียดนาม) ทำให้การย้ายฐานจากจีนมาภูมิภาคยังมีอยู่ ซึ่งแต่ละประเทศต้องพยายามสร้างจุดแข็งเพื่อดึงดูดเงินทุนไหลเข้า นอกจากนี้อีกข้อดี คือสร้างความชัดเจนให้ผู้ประกอบการสามารถเตรียมแนวทางสถานการณ์ได้ตรงจุด
- สหรัฐฯ เก็บภาษีไทย > 20% คาด SET Index ตอบรับเชิงลบกลับมา 1100 จุด ความกังวลต่อการสูญเสียความสามารถในการแข่งขัน ส่วน Downside มากหรือน้อยขึ้นอยู่กับอัตราภาษีที่สหรัฐฯ เรียกเก็บ
มุมมองของทางฝ่ายคาดสหรัฐฯ จะลดภาษีต่ำกว่า 20% หากเกิดขึ้นจริงก็ประเมินหุ้นที่ได้ประโยชน์ คือ กลุ่มนิคมจากโอกาสย้ายฐานการผลิต WHA กลุ่มส่งออก CCET กลุ่มที่ได้ประโยชน์ต้นทุนลดลงจากการนำเข้าวัตถุดิบจากสหรัฐฯ GFPT
ขณะที่ประโยชน์ทางอ้อมหากสหรัฐฯ สามารถเจรจาการค้ากับประเทศอื่นๆ ได้คาดบวกต่อกลุ่มพลังงาน PTTEP SPRC กลุ่มโรงไฟฟ้า (ประโยชน์ทางอ้อมจาก FED ลดดอกเบี้ยง่ายขึ้น) CKP BCPG