มะเขือเทศเชอร์รี่สีเหลือง VS สีแดง ต่างกันยังไง? เลือกแบบไหนดีต่อสุขภาพ
มะเขือเทศเชอร์รี่ ถือเป็นของว่างสุขภาพยอดฮิต แต่หลายคนอาจสงสัยว่าแบบสีเหลืองกับสีแดงต่างกันอย่างไร แค่สีหรือมีอะไรลึกซึ้งกว่านั้น? บทความนี้จะพาเจาะลึกแบบเปรียบเทียบ เพื่อให้เลือกแบบที่เหมาะกับสุขภาพคุณมากที่สุด
มะเขือเทศเชอร์รี่ คืออะไร?
มะเขือเทศเชอร์รี่ เป็นมะเขือเทศพันธุ์ขนาดเล็ก ทรงกลมรี ขนาดประมาณปลายนิ้วโป้ง มีเปลือกบาง รสชาติหวานอมเปรี้ยว กินง่าย นิยมใช้ในสลัด เมนูสุขภาพ หรือทานเล่น เป็นแหล่งวิตามินซี ไลโคปีน และสารต้านอนุมูลอิสระ
มะเขือเทศเชอร์รี่สีเหลือง VS สีแดง ต่างกันอย่างไร?
แม้ทั้งสองชนิดจะดูคล้ายกัน แต่จริง ๆ แล้วมีความต่างหลายด้าน ทั้งรสชาติ คุณค่าทางอาหาร และสารออกฤทธิ์ทางชีวภาพ
รสชาติและเนื้อสัมผัส
มะเขือเทศเชอร์รี่สีแดง: มีรสเปรี้ยวนำ หวานตามเล็กน้อย เนื้อแน่น เปลือกบาง หอมฉุนเล็กน้อย จึงนิยมใช้ทำซอส หรือลวกในอาหารร้อน
มะเขือเทศเชอร์รี่สีเหลือง: รสหวานนุ่ม กลิ่นน้อยกว่า เนื้อแน่นแต่นุ่มกว่า เหมาะกับการกินสดเป็นของว่างหรือใช้ในเมนูสลัด
สารอาหารเด่น
มะเขือเทศเชอร์รี่สีแดง: มีไลโคปีน (Lycopene) สูง ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่เด่นในการป้องกันโรคหัวใจและมะเร็งบางชนิด โดยเฉพาะมะเร็งต่อมลูกหมาก
มะเขือเทศเชอร์รี่สีเหลือง: มีเบตาแคโรทีน (Beta-Carotene) และลูทีนสูง ซึ่งดีต่อสุขภาพดวงตาและผิวพรรณ และมักเป็นตัวเลือกที่อ่อนโยนต่อระบบย่อยอาหาร
เหมาะกับใคร?
เลือกมะเขือเทศเชอร์รี่สีแดง หากต้องการเพิ่มไลโคปีนในอาหาร ช่วยลดความเสี่ยงโรคเรื้อรัง และมีรสเปรี้ยวช่วยเจริญอาหาร
เลือกมะเขือเทศเชอร์รี่สีเหลือง หากชอบรสหวานละมุน กินสดง่าย เหมาะกับเด็ก คนสูงอายุ หรือผู้มีปัญหาเรื่องกรดไหลย้อน
กินแบบไหนได้คุณค่ามากที่สุด?
กินสด ช่วยรักษาวิตามิน C และสารต้านอนุมูลอิสระที่ไวต่อความร้อน โดยเฉพาะสีเหลือง
ปรุงสุก ช่วยให้ไลโคปีนในสีแดงถูกดูดซึมดีขึ้น เช่นการผัดกับน้ำมันมะกอก หรือปรุงในซุป
สรุป
มะเขือเทศเชอร์รี่ ทั้งสีแดงและสีเหลืองต่างมีจุดเด่นในแบบของตัวเอง สีแดงเหมาะกับคนที่ต้องการเพิ่มสารไลโคปีน ลดความเสี่ยงโรคเรื้อรัง ส่วนสีเหลืองหวานอ่อนละมุน เหมาะกับคนที่ต้องการดูแลดวงตาและผิวพรรณ คุณสามารถเลือกกินแบบผสมเพื่อรับสารอาหารที่หลากหลาย หรือเลือกตามรสชาติที่ชอบก็ยังดีต่อสุขภาพได้เช่นกัน
อ่านเพิ่ม