สีน้ำเงินในฐาน”ศาลรธน.” เบื้องหลังตีตก”ที่ปรึกษาทวี”

เป็นไปตามคาด ไม่ผิดความคาดหมายทางการเมืองใดๆ กับผลการประชุมวุฒิสภา เมื่อ 22 ก.ค.ที่ผ่านมา โดย สว.สีน้ำเงิน ที่คุมเสียงข้างมากในสภาสูง-วุฒิสภา ไม่ลงมติให้ความเห็นชอบ ศาสตราจารย์ ร้อยตำรวจเอกสุธรรม เชื้อประกอบกิจ อาจารย์สาขาวิชารัฐประศาสนศาสตร์ สังกัดคณะสังคมศาสตร์และมนุษยศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล เข้าไปเป็น "ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ" คนใหม่

โดยผลการลงคะแนนออกเสียงในที่ประชุมลับ ว่าจะเห็นชอบให้ ร.ต.อ.สุธรรมเข้าไปเป็นตุลาการศาล รธน.หรือไม่ พบว่ามี สว.กดบัตรแสดงตน 189 เสียง มีเสียงเห็นชอบแค่ 39 เสียง ไม่เห็นด้วย 118 เสียง งดออกเสียง 30 เสียง ไม่ลงคะแนนเสียง 2 เสียง เท่ากับ คะแนนเสียงเห็นชอบไม่เกินกึ่งหนึ่งของ สว.ที่ปฏิบัติหน้าที่ ศ.ร.ต.อ.สุธรรมจึงไม่ผ่านเข้าไปเป็นตุลาการศาล รธน.

ที่บอกว่าไม่ใช่เรื่องเหนือความคาดหมาย ก็เพราะข่าวลือว่า สว.จะคว่ำ-ตีตก ชื่อของ ร.ต.อ.สุธรรม ลือกันสนั่นทั่วตึกวุฒิสภาตั้งแต่สัปดาห์ที่แล้ว ในโทนข่าวทำนองว่า “ขั้วการเมืองสีน้ำเงิน” ไม่โอเคกับชื่อนี้ เพราะตามข้อมูลที่ปรากฏตามเอกสารของ ร.ต.อ.สุธรรมพบว่า เป็น คณะที่ปรึกษา รมว.ยุติธรรม พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง ที่เป็น คู่แค้น-คู่ปรับการเมืองเบอร์ต้นๆ ของขั้วการเมืองสีน้ำเงิน ทั้งพรรคสีน้ำเงินและ สว.สีน้ำเงิน แล้วจะโหวตให้เข้าไปเป็นตุลาการศาล รธน.ได้อย่างไร โดยแม้จะเป็นแค่คณะที่ปรึกษาแบบไม่เป็นทางการ ไม่ได้เป็นตำแหน่งทางการเมือง แต่กลุ่มขั้วสีน้ำเงินมีการเช็กข้อมูลเพิ่มเติมหลายทาง จนมองว่าที่ร.ต.อ.สุธรรมมีชื่อเป็นคณะที่ปรึกษา รมว.ยุติธรรมตั้งแต่กันยายน 2566 ที่ก็คือหลัง พ.ต.อ.ทวีรับตำแหน่ง รมว.ยุติธรรม ในรัฐบาลเศรษฐา ทวีสิน ได้ไม่นาน ก็มีชื่อนี้เข้าไปช่วยงาน รมว.ยุติธรรมทันที ฝ่ายสีน้ำเงินเลยเชื่อกันในใจว่า ยังไงต้องรู้จักกับเครือข่ายของ กลุ่มทวี สอดส่อง เพราะชื่อนี้ นอกจากเป็นคณะที่ปรึกษา รมว.ยุติธรรมแล้ว ก็ยังเป็นที่ปรึกษาในคณะทำงานกำหนดนโยบาย เพื่อยกระดับและขับเคลื่อนภารกิจกรมสอบสวนคดีพิเศษ ในหน่วยงานกรมสอบสวนคดีพิเศษ ที่เริ่มเป็นตั้งแต่มกราคม 2567 จนถึงปัจจุบัน การเมืองขั้วสีน้ำเงินเลยคิดว่าชื่อนี้น่าจะคอนเน็กกับฝ่ายทวีและ พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง

มันเลยทำให้ สว.สีน้ำเงินมีธงมาตั้งแต่สัปดาห์ที่แล้วว่า จะไม่โหวตเห็นชอบให้เข้าไปเป็นตุลาการศาล รธน.

นอกจากนี้พบว่า อีกหนึ่งประเด็นที่กลุ่ม สว.ไม่หนุน ศ.ร.ต.อ.สุธรรมเข้าไปเป็นตุลาการศาล รธน. ยกมาเป็นข้ออ้างในการตีตกก็คือ เรื่องกรณีมีเรื่องร้องเรียนเกี่ยวกับการทำงานทางวิชาการบางอย่าง จนในที่ประชุม "ลับ" ของวุฒิสภาตอนที่มีการพิจารณารายงานของคณะกรรมาธิการตรวจสอบประวัติ ความประพฤติ และพฤติกรรมทางจริยธรรมของบุคคลผู้ได้รับการเสนอชื่อให้ดำรงตำแหน่งตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ที่มีการตรวจสอบประวัติของ ร.ต.อ.สุธรรม

ข่าวจาก สว.ให้ข้อมูลมาว่า ในที่ประชุมลับมี สว.ลุกขึ้นอภิปรายซักถาม กมธ.ว่าเรื่องข้อร้องเรียนการทำงานด้านวิชาการของชื่อนี้ ทาง กมธ.สอบประวัติได้ซักถามตอนที่เรียก ร.ต.อ.สุธรรมมาสัมภาษณ์หรือไม่ โดยมีกระแสข่าวว่า กมธ.สอบประวัติตอบกว้างๆ ว่า ได้มีการตรวจสอบประเด็นนี้แล้ว ทาง ร.ต.อ.สุธรรมบอกว่างานทางวิชาการทุกเรื่องที่ทำ ชี้แจงได้หมด ไม่ได้มีปัญหาอะไร แต่สุดท้าย สว.สีน้ำเงินก็จับมือกันเหนียวแน่น ไม่โหวตให้ ร.ต.อ.สุธรรมเข้าไปเป็นตุลาการศาล รธน.

ขณะที่ชื่อ สราวุธ ทรงศิวิไล อดีตอธิบดีกรมการขนส่งทางราง และอดีตอธิบดีกรมทางหลวง ที่ สว.สีน้ำเงิน โหวตให้ความเห็นชอบเข้าไปเป็นตุลาการศาล รธน.คนใหม่ ด้วยคะแนนเสียงท่วมท้น 143 เสียง จากผู้เข้าประชุม 189 คน โดยมีคนไม่เห็นด้วย 17 เสียง งดออกเสียง 27 เสียง ไม่ลงคะแนนเสียง 2 เสียง

ก็เป็นไปตามความคาดหมาย เพราะจะว่าไป หลังคณะกรรมการสรรหาตุลาการศาลรัฐธรรมนูญที่โหวตกันถึง 3 รอบ จนได้ชื่อของสราวุธส่งไปให้วุฒิสภาลงมติ พอได้ชื่อนี้ออกมา แวดวงการเมืองและ สว.ประสานเสียงบอกตรงกันว่า ชื่อนี้ผ่านฉลุย ได้เข้าไปเป็นตุลาการศาล รธน.แน่ ถึงขั้นบางคนพูดทีเล่นทีจริง แบบนี้นายสราวุธไปเตรียมตัดชุดเสื้อครุยตุลาการศาล รธน.เตรียมเข้าทำหน้าที่ได้เลย และผลก็ออกมาตามที่คาด

ส่วนที่ว่า ทำไมชื่อของ "สราวุธ" ถึงกับมีการพูดกันตั้งแต่ ตอนได้รับเลือกจากกรรมการสรรหา ให้ถูกเสนอชื่อเป็นตุลาการศาล รธน.ว่า ได้เป็นแน่ เตรียมตัดชุดรอได้เลย

อาจจะเป็นเพราะถ้าดูจากเส้นทางการรับราชการสมัยอยู่ ก.คมนาคม พบว่านายสราวุธขยับจาก ผอ.สำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร กระทรวงคมนาคม มารับตำแหน่งอธิบดีกรมการขนส่งทางราง เมื่อมิถุนายน 2562 โดยอยู่ในตำแหน่งเพียงแค่ 4 เดือน คือถึงเดือนกันยายน 2562 ก็มีมติ ครม.ที่เสนอโดย ศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคมในสมัยนั้น ดันให้ไปเป็นอธิบดีกรมทางหลวง ที่เป็นกรมใหญ่สุดของกระทรวงคมนาคม หลังโยกอานนท์ เหลืองบริบูรณ์ จากอธิบดีกรมทางหลวง ไปแขวนไว้ในตำแหน่งรองปลัดกระทรวงคมนาคม ซึ่งสราวุธนั่งเป็นอธิบดีกรมทางหลวงยาวนานถึงกันยายน 2567 จนเกษียณ ซึ่งในช่วงที่นายสราวุธเติบโต มีตำแหน่งสำคัญคือ เป็นอธิบดีกรมทางรางกับอธิบดีกรมทางหลวง ก็เป็นช่วงที่ศักดิ์สยาม ชิดชอบ อดีตเลขาธิการพรรคภูมิใจไทย น้องชายนายเนวิน เป็น รมว.คมนาคม และแม้หลังการเลือกตั้งปี 2566 จบสิ้นลง นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ แกนนำพรรคเพื่อไทยเข้ามาเป็น รมว.คมนาคม โดยมีพรรคภูมิใจไทยเป็นพรรคร่วมรัฐบาล ก็ปรากฏว่านายสราวุธก็ยังอยู่ในตำแหน่งเดิมจนเกษียณ ไม่ได้ถูกย้ายแต่อย่างใด แสดงให้เห็นว่าไม่ธรรมดา

ทำให้ที่ผ่านมา ชื่อของสราวุธจึงถูกคาดหมายมานานแล้วว่า กลุ่ม สว.สีน้ำเงินที่แนบแน่นกับการเมืองขั้วสีน้ำเงิน จะโหวตเห็นชอบให้สราวุธเข้าไปเป็นตุลาการศาล รธน.และทุกอย่างก็เป็นจริงตามนั้น ชนิดม้วนเดียวจบ สว.สีน้ำเงินโชว์ปึ้ก

และเมื่อดูจากไทม์ไลน์คดีต่างๆ ในศาล รธน.เวลานี้ เชื่อได้ว่าสราวุธจะเข้าไปร่วมวินิจฉัยคดีสำคัญๆ ได้ทัน ทั้งคดี สว.ยื่นถอดถอนแพทองธาร ชินวัตร-คดี สว.ยื่นถอดถอนภูมิธรรม เวชยชัย และ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รวมถึงการวินิจฉัยว่ากระบวนการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ยกร่าง รธน.ฉบับใหม่ต้องทำประชามติกี่ครั้ง ที่ตุลาการศาล รธน.นัดฟังคำวินิจฉัย 10ก.ย.นี้.