‘ดีเอสไอ’ ลุยสอบคดี ‘ฮั้ว สว.’ พบเส้นเงินโยง 24 จังหวัด
"ดีเอสไอ" ลุยสอบคดี "ฮั้ว สว." พบเส้นเงินโยง 24 จังหวัด จ่อเรียกพยานเพิ่ม 5 ราย เชื่อมโยงเครือข่ายพรรคการเมือง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ผ่านมาคณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษที่ 24/2568 เปิดเผยถึงกรณีอั้งยี่-ฟอกเงิน สว. ว่า ภายหลังจากที่มีการออกหมายเรียกพยานกลุ่มแรก จำนวน 7 ราย ประกอบด้วย 1.นายวรพจน์ (สงวนนามสกุล) 2.นางสาวสินิตา (สงวนนามสกุล) 3.นายสุบิน (สงวนนามสกุล) 4.นางสาวญาณี (สงวนนามสกุล) 5.นางสาวภัณนิภา (สงวนนามสกุล) 6.นายอากร (สงวนนามสกุล) และ 7.นายอาทร (สงวนนามสกุล) ให้เข้าชี้แจงเรื่องเส้นทางการเงิน
เนื่องด้วยพนักงานสอบสวนตรวจสอบเส้นทางการเงินของสมาชิกวุฒิสภา (สว.) และผู้ที่เกี่ยวข้อง จึงพบพฤติการณ์ของทั้ง 7 พยานมีส่วนเชื่อมโยงสัมพันธ์ คือ มีการโอนเงินในลักษณะเครือข่ายที่มีการจ้างผู้สมัครใน 3 จังหวัด ได้แก่ สุราษฎร์ธานี ลำพูน และหนองบัวลำภู รวมถึงยังพบเส้นทางการเงินที่เกี่ยวพันกับสมาชิกวุฒิสภา (สว.) จำนวน 24 จังหวัด ได้แก่ สุราษฎร์ธานี, สตูล, สงขลา, ระนอง, กระบี่, ภูเก็ต ชุมพร, หนองบัวลำภู, นครพนม, บุรีรัมย์, บึงกาฬ, อำนาจเจริญ, ศรีสะเกษ, อุบลราชธานี, ขอนแก่น, สิงห์บุรี, นนทบุรี, ราชบุรี, พระนครศรีอยุธยา, อ่างทอง, เพชรบุรี, ลำพูน, ลำปาง และตราด
ปรากฏว่า ในวันที่ 1-3 กรกฎาคม ที่ผ่านมา มีพยานเข้าพบแล้ว 3 ราย คือ นางสาวสินิตา นายสุบิน และนายอาทร โดยทั้งหมดล้วนให้การปฏิเสธไม่เกี่ยวข้องกับขบวนการจัดฮั้ว สว. พร้อมยืนยันว่า เงินจำนวนดังกล่าวที่ปรากฏในเส้นทางการเงินนั้น เป็นเงินสำหรับค่าใช้จ่ายทั่วไป ค่าใช้จ่ายส่วนตัว รวมถึงมีการระบุว่าเป็นการโอนเงินเนื่องด้วยมูลหนี้ต่าง ๆ เป็นต้น
ซึ่งถ้อยคำให้การของพยานนั้น ไม่ว่าจะชี้แจงอย่างไร พนักงานสอบสวนจะเชื่อหรือไม่ก็เป็นดุลพินิจที่ต้องดูประกอบกับพยานหลักฐานอื่น เพราะไทม์ไลน์ที่พบเส้นทางการเงิน มันเกิดขึ้น 3 ห้วงเวลา คือ ก่อนการเลือก สว.67 ระหว่างการเลือก สว.67 และหลังการเลือก สว.67 จึงต้องโฟกัสไปที่ช่วงการใช้เงินจ้างผู้สมัคร สว.
คณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ เปิดเผยอีกว่า ภายในวันจันทร์ที่ 7 กรกฎาคม และวันอังคารที่ 8 กรกฎาคม จะเป็นการสอบสวนปากคำพยานที่เหลือ คือ นายวรพจน์, นางสาวญาณี, นางสาวภัณนิภา, นายอากร ตามลำดับ อย่างไรก็ตาม จากการที่พนักงานสอบสวนได้สืบสวนเส้นทางการเงินต่อเนื่อง และพบกลุ่มบุคคลที่มีพฤติการณ์ลักษณะนิติกรรมเส้นทางการเงินเชื่อมโยงกันและคล้ายเคียงกัน จึงออกหมายเรียกพยานเพิ่มอีก 5 ราย ให้เข้าชี้แจงรายละเอียดการเงินดังกล่าว ซึ่งทั้ง 5 รายนี้ เป็นบุคคลภายนอก และเป็นเครือข่ายของพรรคการเมืองเหมือนกับ 7 รายแรก
โดยยังไม่ใช่สมาชิกวุฒิสภา (สว.) หรือสมาชิกผู้แทนราษฎร (สส.) แต่อย่างใด ทั้งนี้ ตลอดทั้งเดือน กรกฎาคม พนักงานสอบสวนคดีพิเศษจะยังมีการพิจารณาออกหมายเรียกพยานเพิ่มเติมอีกแน่นอนเนื่องจากหลักฐานเส้นทางการเงินบ่งชี้ จึงต้องเชิญมาให้ข้อมูลชี้แจงในรายละเอียดข้อเท็จจริงเพื่อให้ความเป็นธรรม ส่วนจะต้องมีการเรียกพยานที่เคยให้การแล้วมาให้ปากคำซ้ำอีกครั้งหรือไม่นั้น พนักงานสอบสวนมีความเห็นว่า หากมีหลักฐานใดที่คิดว่าจะเเสดงต่อพนักงานสอบสวนเพิ่มเติม ก็สามารถนำส่งภายหลังได้ ซึ่งหลังจากนั้นจะเป็นกระบวนการพิจารณาพยานหลักฐานทั้งหมด เพื่อเรียกบุคคลใดมารับทราบข้อกล่าวหาในฐานะผู้ต้องหา
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- 'ดีเอสไอ' ลุยค้น 4 จุด กทม. ทลายแก๊งรีดหัวคิวแรงงานข้ามชาติ
- ดีเอสไอ ส่งมอบทรัพย์สิน ‘ดิไอคอน’ กว่า 281 รายการ ให้ ปปง. เดินหน้าเอาผิดฐานฟอกเงิน
- ดีเอสไอ จ่อส่งคดีฮั้วประมูลสร้างตึก สตง. ให้ ป.ป.ช. โยงเจ้าหน้าที่รัฐ 70 คน พ่วงชื่อ 'มณเฑียร' ผู้ว่า สตง.
ติดตามเราได้ที่