‘ทูตทหาร’ ถึงกับอึ้ง! ดูความเสียหาย ข้องใจกัมพูชาโจมตีมั่ว หรือตั้งใจเล็งเป้าพลเรือน
โฆษก ศบ.ทก. เผยสถานการณ์ชายแดนสงบ สองฝ่ายตรึงกำลังในที่ตั้ง ปชช.กลับบ้านแล้ว 2.1 หมื่นคน เผยทูตทหาร-ผู้แทนฝ่ายทหารต่างประเทศเห็นความจริงสภาพความเสียหาย ข้องใจเขมรโจมตีไม่มีหลักหรือตั้งใจ
1 สิงหาคม 2568 - เมื่อเวลา 18.00 น. ที่ห้องประชุมนภาอาสน์ กองบิน 21 จ.อุบลราชธานี พล.ร.ต.สุรสันต์ คงสิริ โฆษกศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา (ศบ.ทก.) กล่าวว่า ในส่วนของความมั่นคงในวันนี้ถือว่าเราได้มีโอกาสไปเยี่ยมชมในสถานที่จริงที่จังหวัดอุบลราชธานี ซึ่งในสถานการณ์โดยทั่วไปที่ผ่านมาในห้วงเวลาตั้งแต่วันที่ 31 ก.ค.จนถึง 1 ส.ค. สถานการณ์โดยทั่วไปตามแนวชายแดนภาพรวมถือว่าอยู่ในความสงบทั้งสองฝ่ายยังคงตรึงกำลังอยู่ในที่ตั้งของตนเอง ในเรื่องของสถานภาพผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตที่เป็นพลเรือน ณ เวลา 09.00 วันนี้ ยังเป็นยอดคงเดิม โดยมียอดเสียชีวิตที่ 14 ราย บาดเจ็บสาหัส 12 คน บาดเจ็บปานกลาง 13 คน บาดเจ็บเล็กน้อย13 คน โดยยอดรวม 52 คน
ขณะยอดผู้อพยพในศูนย์พักพิงทั้ง 5 จังหวัด ปัจจุบันมีจำนวนศูนย์ที่เปิดให้บริการทั้งหมด 676 แห่ง ได้ปิดทำการลงไปหนึ่งแห่ง สามารถรองรับผู้อพยพได้ 395,858 คน โดยปัจจุบันมีผู้อพยพทั้งสิ้น 167,121คน ลดลง 21,277 คน โดยเจ้าหน้าที่แต่ละจังหวัดพิจารณาเรียบร้อยแล้วว่าสามารถกลับไปบ้านของตนเองได้ โดยให้ประชาชนกลับไปที่บ้านของตนเองเรียบร้อยแล้วจำนวน 21,277 คน ถือว่าสถานการณ์โดยภาพรวมอยู่ในสถานการณ์ปลอดภัย
พล.ร.ต.สุรสันต์ กล่าวว่า เรื่องของการดูแลผู้ป่วยคนไทย มีการจัดบุคลากรทางการแพทย์ในศูนย์พักพิงต่าง ๆ มีเจ้าหน้าที่ทางการแพทย์ช่วยเหลือดูแลอย่างต่อเนื่องและได้รับการช่วยเหลือจากทุกภาคส่วน ทั้งภาครัฐเอกชนและมูลนิธิต่างๆในพื้นที่ มีการจัดกิจกรรมสันทนาการต่างๆ เช่นการสานรูปสัตว์เพื่อคลายเครียดและผ่อนคลาย รวมถึงกิจกรรมวาดรูป โดยน้องๆ ได้มอบรูปวาดให้ คณะทูต อุปทูต ทูตทหาร และผู้ที่มาเยี่ยมศูนย์พักพิง จังหวัดศรีสะเกษ ถือเป็นกิจกรรมที่ดีผ่อนคลายความเครียดให้กับผู้ที่อยู่ในศูนย์พักพิง
พล.ร.ต.สุรสันต์ กล่าวว่า ตนมีโอกาสได้พูดคุยกับคณะทูตและทูตทหารที่มาเยี่ยมชมในสถานที่ที่เกิดเหตุการณ์ ได้เยี่ยมชมสถานีบริการน้ำมันจังหวัดศรีสะเกษ และ โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล ซึ่งเหล่านี้ถือเป็นการนำเสนอให้ทูตต่างๆ ได้เห็นด้วยประสบการณ์จริงด้วยตนเอง ในสถานที่จริง ถึงผลกระทบจากฝ่ายกัมพูชาที่โจมตีอย่างไม่มีทิศทางไร้เป้าหมายไปยังบ้านเรือนประชาชน ไปยังสถานีบริการน้ำมันและโรงพยาบาลหลายแห่งที่ได้รับผลกระทบ ซึ่งถือเป็นการละเมิดอนุสัญญาเจนีวาอย่างร้ายแรง และเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชนต่างๆ ทั้งนี้คณะทูตต่างๆ และทูตทหาร ได้มีการรับทราบว่าประเทศไทยของเรามีปฏิบัติการต่างๆที่ผ่านมาในลักษณะปกป้องตนเองเพื่อรักษาอธิปไตยของตนเอง เราไม่มีความต้องการที่จะไปรุกรานประเทศใด
พล.ร.ต.สุรสันต์ กล่าวว่า ในส่วนของความมั่นคงที่อยากจะแจ้งให้ประชาชนรับทราบ เรื่องของการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป(จีบีซี) ระหว่างไทยและกัมพูชาที่จะเกิดขึ้น ระหว่างวันที่ 4-7 ส.ค. ได้รับการยืนยันแล้วว่าสถานที่จัดการประชุมจะจัดที่ประเทศมาเลเซียโดยทั้งสองฝ่ายไทยและกัมพูชาตกลงใจกันแล้วว่าจะไปจัดในช่วงเวลาดังกล่าว โดยในวันที่ 4-6 ส.ค.จะเป็นการจัดประชุมฝ่ายเลขานุการของประเทศทั้งสองประเทศ เพื่อหารือในประเด็นต่าง ๆ ที่จะหยิบยกมาพูดคุยในเวทีจีบีซี จากนั้นวันที่ 7 ส.ค.จะเป็นการประชุมหลัก โดยรมว.กลาโหมของทั้งสองประเทศ โดยฝ่ายไทยจะเป็นพล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รมช.กลาโหม ต้องมาติดตามว่าผลลัพธ์ก็จะเป็นอย่างไร
เมื่อถามว่า การลงพื้นที่วันนี้ทูตต่างชาติแสดงท่าทีอย่างไรบ้างว่าจะสนับสนุนเราอย่างชัดเจน พล.ร.ต.สุรสันต์ ตอบว่า ผู้แทนฝ่ายทหารต่างประเทศได้มาถามตนว่าไม่เข้าใจว่าเป้าหมาย ของการโจมตี โดยเฉพาะอย่างยิ่งเป้าที่เป็นพลเรือน ไม่ว่าจะสถานีบริการน้ำมัน เขาบอกว่าทำไมถึงต้องมาโจมตีตรงนี้ เพราะดูตามแผนที่แล้วไม่มีเป้าหมายทางการทหารในแผนที่เลย และในบริเวณใกล้เคียงตรงนั้นเลย ฉะนั้นเขาไม่เข้าใจ ว่าทำไมถึงมีการโจมตีตรงนั้น เป็นเพราะว่าเขาไม่มีหลักการ ในการเล็งเป้าหมายหรือไม่ หรือเป็นเพราะว่าเขาตั้งใจที่จะโจมตีเข้ามาบริเวณของพลเรือน อันนี้ตนคงให้คำตอบไม่ได้ แต่มันบ่งชัดจากการที่ได้พาเขาไปเยี่ยมชมพื้นที่ ให้เขาเห็นเลยว่าบริเวณใกล้เคียงไม่มีพื้นที่หรือสถานที่ใดที่เป็นเป้าหมายทางการทหารเลย