ยูเนสโกเผยน่าเสียใจแต่ไม่แปลกใจ หลังสหรัฐฯ ถอนตัวอีกครั้ง
× กรุณาติดต่อทีมงานเพื่อดาวน์โหลดคลิป
วอชิงตัน, 23 ก.ค. (ซินหัว) — เมื่อวันอังคาร (22 ก.ค.) สหรัฐฯ ประกาศถอนตัวจากองค์การยูเนสโก (UNESCO) หลังจากกลับเข้าเป็นสมาชิกอีกครั้งเพียงสองปี โดยกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ เปิดเผยว่าการถอนตัวครั้งนี้มีสาเหตุมาจากนโยบายขององค์การฯ ซึ่งสหรัฐฯ มองว่าส่งเสริมประเด็นทางสังคมและวัฒนธรรมที่สร้างความแตกแยก โดยเฉพาะกรณีความขัดแย้งระหว่างอิสราเอลและปาเลสไตน์
การถอนตัวของสหรัฐฯ จะมีผลอย่างเป็นทางการในช่วงสิ้นเดือนธันวาคม 2026 โดยกระทรวงฯ ระบุว่าการที่องค์การฯ รับ “รัฐปาเลสไตน์” เป็นสมาชิกเต็มรูปแบบ ถือเป็นปัญหาสำคัญที่ขัดแย้งกับนโยบายของสหรัฐฯ และนำสู่การแพร่กระจายของวาทกรรมต่อต้านอิสราเอลภายในองค์การ
ด้านอังเดร อาซูเลย์ ผู้อำนวยการใหญ่องค์การฯ เปิดเผยว่าการถอนตัวครั้งนี้เป็นเรื่อง “น่าเสียดาย” แต่ไม่ได้ “เหนือความคาดหมาย” และองค์การฯ ได้เตรียมการไว้ล่วงหน้าแล้ว
อนึ่ง การถอนตัวครั้งนี้นับเป็นครั้งที่ 3 ที่สหรัฐฯ ถอนตัวออกจากองค์การฯ และเป็นครั้งที่ 2 ในสมัยการดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ของโดนัลด์ ทรัมป์ โดยนับตั้งแต่เริ่มวาระที่สองเมื่อต้นปี 2025 รัฐบาลทรัมป์ได้ประกาศถอนตัวจากข้อตกลงปารีสว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ องค์การอนามัยโลก (WHO) และคณะมนตรีสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ (UNHRC) แล้วเช่นกัน
ความสัมพันธ์ของสหรัฐฯ กับองค์การฯ ตึงเครียดในช่วงหลายปีที่ผ่านมา และสหรัฐฯ เคยถอนตัวหลายครั้งด้วยเหตุผลทางการเมือง อย่างเช่นในปี 1984 ที่รัฐบาลของโรนัลด์ เรแกนถอนตัวโดยกล่าวหาว่าองค์การฯ มีแนวโน้มสนับสนุนอดีตสหภาพโซเวียตและต่อต้านชาติตะวันตก โดยสหรัฐฯ ไม่กลับเข้าองค์การฯ อีกเลยจนถึงปี 2003
ขณะที่ในเดือนพฤศจิกายน ปี 2011 รัฐบาลของบารัค โอบามา ได้ระงับการให้เงินสนับสนุนองค์การฯ หลังจากที่สมาชิกส่วนใหญ่ลงมติรับปาเลสไตน์เป็นสมาชิกเต็มรูปแบบ แม้สหรัฐฯ จะพยายามคัดค้านก็ตาม