“จุลพันธ์”เชื่อรัฐบาลดันจีดีพีโตเกิน 2%ชี้ปัญหาการเมืองไม่สะดุด
“จุลพันธ์”เชื่อรัฐบาลดันจีดีพีโตเกิน 2%ชี้ปัญหาการเมืองไม่สะดุด รัฐบาลมีอำนาจเต็มหลังมีครม.ชุดใหม่ มั่นใจไทยเจรจาสหรัฐมีทิศทางที่ดี หวังถูกจัดในตะกร้าภาษี 10%
#ทันหุ้น นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลังประเมินจีดีพีของไทยในปีนี้ว่า จะสามารถขยายตัวได้เกินกว่า 2% โดยแม้ว่า เศรษฐกิจไทยจะเผชิญกับหลากหลายปัจจัยเข้ามากระทบ แต่รัฐบาลจะเดินหน้านโยบายขับเคลื่อนเศรษฐกิจไปอย่างต่อเนื่อง
“ในภาวะแบบนี้ หากรัฐบาลไม่ทำอะไรเลย กระทรวงการคลังไม่มีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจออกมาเลย คงมาพูดถึงเรื่องจีดีพีไม่ได้ เพราะตอนนี้จีดีพีคงต่ำกว่า 1% ไปแล้ว”
ทั้งนี้ เขากล่าวในเวที “เชื่อมั่นประเทศไทย : โจทย์ใหญ่รัฐบาล ?”และว่า เราประเมินว่า การเจรจาภาษีตอบโต้กับสหรัฐจะมีทิศทางที่ดี ซึ่งขณะนี้ ทีมไทยแลนด์ นำโดยนายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง อยู่ระหว่างการเจรจา
สำหรับอัตราภาษีที่จะได้รับภายหลังการเจรจานั้น เขาประเมินว่า เราหวังว่า ไทยจะถูกจัดอยู่ในกลุ่มที่สหรัฐจะคิดอัตราภาษีนำเข้าที่ 10% โดยไทยมีความสัมพันธ์อันดีกับสหรัฐมาโดยตลอด ขณะที่ เราก็มีตลาดส่งออกที่หลากหลายและพร้อมที่จะไปตลาดใหม่ เชื่อว่า เราจะมีอำนาจในการต่อรอง ฉะนั้น อย่าเพิ่งตกใจ
อย่างไรก็ตาม เชื่อว่า เมื่อเข้าสู่กระบวนการเจรจาแล้ว แม้จะยังไม่ได้ข้อสรุป 100% แต่เชื่อว่าจะได้รับการเลื่อนระยะเวลาออกไปอย่างแน่นอน หลังครบกำหนดวันที่ 9 ก.ค.นี้
“การเจรจาสหรัฐ และเวียดนาม ไม่อยากให้ตกใจและยอมรับว่าน่าห่วงกับเวียดนาม เนื่องจากอัตราที่เวียดนามได้ คือเวียดนามจะถูกสหรัฐเก็บภาษีนำเข้าในอัตรา 20% ขณะที่สินค้าสหรัฐที่นำเข้าเวียดนามจะได้อัตราภาษี 0% อย่างไรก็ตาม ยืนยันว่า เทียบกับไทยไม่ได้ เพราะความสัมพันธ์ของทั้งสองประเทศมีความแตกต่าง”
เขายังกล่าวกล่าวถึงกรณีที่นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ถูกคำสั่งศาลให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ลงเพื่อรอคำวินิจฉัยกรณีคลิปเสียงหารือกับฮุนเซนหลุดนั้น ล่าสุด รัฐบาลได้มีคณะรัฐมนตรี (ครม.) ใหม่แล้ว และมีนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย นั่งรักษาการแทนนายกรัฐมนตรี และมีรัฐมนตรีในทุกกระทรวง ถือว่า รัฐบาลยังมีอำนาจเต็ม และเดินหน้าได้ตามปกติ ดังนั้น ไม่ได้ถือว่า เราเดินมาถึงจุดเสี่ยงหรือทางตันอย่างที่เป็นกระแสข่าว
ทั้งนี้ กลไกของศาลในการพิจารณานั้น หากคำวินิจฉัยออกมาเป็นบวก จะทำให้นางสาวแพทองธาร กลับมาปฏิบัติหน้าที่ได้ปกติ และขับเคลื่อนประเทศต่อได้อีก 2 ปี ก่อนที่จะมีการเลือกตั้งใหม่ แต่หากเป็นในทางลบและหลุดจากตำแหน่งด้วยเหตุผลใดก็ตาม จะต้องไปที่สภาผู้แทนราษฎร เพื่อหาแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีใหม่ โดยขณะนี้ พรรคเพื่อไทย ยังมีอีก 1 แคนดิเดต คือ นายชัยเกษม นิติสิริ
รู้ทันเกม รู้ก่อนใคร ติดตาม "ทันหุ้น" ได้ทุกช่องทางเหล่านี้
ช่องทางเฟสบุ๊ก ติดตามข่าวได้ที่เพจ ทันหุ้นออนไลน์
https://www.facebook.com/thunhoonnews
YOUTUBE คลิก https://www.youtube.com/c/ThunhoonOfficial
Tiktok คลิก https://www.tiktok.com/@thunhoon_/
TELEGRAM คลิก https://t.me/thunhoon_news
X คลิก https://twitter.com/thunhoon1
Instagram คลิก https://instagram.com/thunhoon.news