ดารณี ฉัตรพิริยะพันธ์ ผู้เปลี่ยน LPN สู่มิติองค์กรทันสมัย
น้อยคนที่ไม่รู้จัก บริษัท แอล.พี.เอ็น.ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ LPN ผู้พัฒนาธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำของไทย ที่สร้างตำนาน “คอนโดลุมพินี” ภายใต้ ชุมชนน่าอยู่ เจาะตลาดกลาง-ล่างรายแรกๆในตลาดและก้าวไปสู่ความหลากหลายทางธุรกิจ ที่ผู้บริหารรุ่นเก่ามากประสบการณ์ได้บุกเบิกไว้ จนกลายเป็นแบรนด์ที่หยั่งรากลึก สร้างการจดจำอย่างมั่นคง และยั่งยืนมาจนถึงทุกวันนี้
LPN เข้าสู่ยุคผลัดใบ เมื่อตระกูล “ฉัตรพิริยะพันธ์” กลายเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ โดยมี “ดาว-ดารณี ฉัตรพิริยะพันธ์” วัย 38 ปี ทายาท คนที่สองของ “ชาญยุทธ ฉัตรพิริยะพันธ์ เจ้าของธุรกิจรีไซเคิล “เมทัล คอปเปอร์” นั่งในตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหาร LPN นับตั้งแต่วันที่ 16 สิงหาคม 2567 เป็นต้นมา
หลังเห็นศักยภาพ โอกาส การเติบโต ของธุรกิจนี้ ซึ่งสะท้อนภาพจาก LPN เป็นองค์กรที่มีชื่อเสียงยาวนานกว่า 30 ปี มีโมเดลธุรกิจที่ชัดเจน จากต้นน้ำถึงปลายน้ำ ตั้งแต่ธุรกิจพัฒนาที่อยู่อาศัย ธุรกิจการบริหารจัดการอาคาร ธุรกิจด้านการวิจัยและพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ธุรกิจการก่อสร้าง งานวิศวกรรม และธุรกิจการบริหารงานขาย สร้างการเติบโตได้ในระยะยาว ที่สำคัญยังให้ความสำคัญกับสิ่งแวดล้อม สะท้อนจากแนวคิด การพัฒนาชุมชนน่าอยู่
ตลอดระยะเวลากว่า 1 ปีที่ “ดาว” เข้ามา บริหารLPN ได้สร้างการเปลี่ยนแปลง ให้กับองค์กรอย่างมาก จากประสบการณ์ที่บ่มเพาะทางธุรกิจมากว่า 5 ปี และเป็นมือดีทางด้านการเงินที่น่าจับตายิ่ง ประเมินได้ว่าจะนำพาองค์กรไปสู่เป้าหมายได้ไม่ยากเย็นนัก หลังประกาศพัฒนา LPN ให้กลับมาอยู่ในระดับ ท็อป 10 ภายใน 5 ปี มีรายได้ 14,000-15,000 ล้านบาทและมีกำไรอย่างน้อย 7% พร้อมสร้างความ WOW ให้ LPN กลับมายิ่งใหญ่อีกครั้ง ท่ามกลางความท้าทายของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ที่อยู่ในช่วงขาลง
“ดาว” ถ่ายทอดเรื่องราว การทำงานผ่าน คอลัมน์ซีอีโอโฟกัส ของ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า ได้ปรับเปลี่ยนLPN ไปในหลายมิติ โดยเฉพาะเรื่องการเงิน การเร่งระบายสต๊อก ไปจนถึงการปิดการขายหลายโครงการ เพื่อความคล่องตัวโดยมองว่า ต้องดำเนินธุรกิจด้วยความระมัดระวัง ควบคู่ไปกับการทำการตลาด สะท้อนได้จากการปรับเปลี่ยน การสื่อสารออกไป สร้างตัวตนใหม่เห็นได้จากสื่อโฆษณาใหม่ๆ ยกตัวอย่างปีที่ผ่านมา ได้ออกแคมเปญไฮไลต์ “ลดฟ้าฟาด” และมีกระแสตอบรับที่ดี
ที่มองข้ามไม่ได้คือ “แบรนด์ดิ้ง” ที่ลูกค้าเชื่อมั่น LPN อย่างมาก บริษัทได้มุ่งเน้นการปรับปรุงเรื่องการบริหารภายใน ปรับปรุงข้อมูลโดยนำเทคโลยีมาใช้บริหารจัดการให้เป็นระบบมากขึ้น เพื่อลดเรื่องของเวลา ให้การทำงานเกิดความคล่องตัว มีประสิทธิภาพทันต่อสถานการณ์
“ดาว” อธิบายว่า หัวใจสำคัญคือต้องการเปลี่ยน LPN ให้ทันสมัย และดูเด็กลง ด้วยการปรับรูปแบบโปรดักส์ใหม่ให้เข้ากับปัจจุบัน โดยวิเคราะห์แล้วว่า เด็กจบใหม่เน้นเช่ามากกว่าการซื้อและเขาจะย้ายที่อยู่ ย้ายที่ทำงานค่อนข้างบ่อย จึงโฟกัสไปที่กลุ่มนักลงทุนแทนหรือเน้นปล่อยเช่า ที่เป็นการพุ่งเป้าที่ตรงจุด ออกแบบผลิตภัณฑ์ในราคาที่จับต้องได้ ทุกกลุ่มวัย แม้จะเป็นเด็ก จบใหม่เริ่มต้นทำงาน สามารถซื้อคอนโดมิเนียม ของ LPN ได้ นอกจากนี้มีเรื่องของการออกแบบรองรับเทรนด์ผู้สูงอายุจะเป็นแบบ Well-being เน้นเรื่องของสวนร่มรื่น จุดขายช่วยให้ผู้อยู่อาศัย เข้ามาอยู่ในคอนโดมิเนียม แล้วมีความสุข และทำให้เป็นชุมชนน่าอยู่
ขณะการเปิดโครงการใหม่ ต้องยอมรับว่าปีที่ผ่านมา ชะลอหลายโครงการ เพื่อปรับ โครงการ ลุมพินีพาร์ค อ่อนนุช 19 โดยเพิ่มกลุ่มลูกค้าใหม่ๆตามเทรนด์ของผู้บริโภค มีบุตรน้อยลง เทรนด์สัตว์เลี้ยงทำ “เพ็ทเฟรนด์ลี่” เหมาะสำหรับคนรักสัตว์ โดยเริ่มเปิดขายไตรมาส3ปีนี้ ส่วนโครงการพาร์ค 168 นพรัตน์ รามอินทรา คอนโดมิเนียม เน้นเรื่องของสวนความร่มรื่น พร้อมปรับที่อยู่อาศัยสู่ Well-being ขณะภูมิภาค LPN มีแผนลงทุนต่อเนื่อง ล่าสุด โครงการคอนโดมิเนียม จำนวน 1,800 ยูนิต ติด นิคมอุตสาหกรรม อมตะ จังหวัดชลบุรีเจาะตลาดเช่าในนิคมอุตสาหกรรม เป็นต้น
แม้ว่าปัจจุบันจะมีความผันผวนทางเศรษฐกิจ ปีนี้มองว่า ต้องสร้างการเติบโต ควบคู่กันไป โดยดำเนินธุรกิจอย่างระมัดระวังเปิดโครงการไม่มาก เน้นเติบโตอย่างมั่นคงและยั่งยืน มีแผนเติบโตให้ได้ทุก 5-10% ในทุกปีขณะเดียวกันได้มองหาทำเลศักยภาพต่อเนื่องแต่เน้นพัฒนาโครงการขนาดเล็กเพื่อปิดการขายเร็วส่วน “ลุมพินี ทาวน์ชิป รังสิต คลอง 1” จำนวน 10,000 ยูนิต ได้พลิกวิกฤตเป็นโอกาส สร้างสังคมผู้เช่าสร้างรายได้ให้กับ LPN อย่างมากในเวลานี้
เมื่อถามถึงบุคคลต้นแบบ “ดาว” ตอบโดยไม่ลังเลว่า คือ “คุณพ่อ” เธอมองว่า เป็นคนขยันทำงานมีแนวคิดริเริ่มมีความคิดอะไรใหม่ๆ อยู่ตลอดเวลา ที่สำคัญท่านเป็นผู้ประสบความสำเร็จเป็นที่ยอมรับในคนหมู่มากแวดวงสังคมและธุรกิจ
ที่เป็นไฮไลต์ เหตุแผ่นดินไหวที่ผ่านมา LPN ถูกพูดถึงและได้รับการชื่นชมอย่างมาก คอนโดมิเนียมแทบทุกโครงการได้รับผลกระทบน้อย การช่วยเหลืออพยพลูกบ้านเป็นไปอย่างรวดเร็ว จุดแข็งที่ ลูกค้าจะตัดสินใจเลือกเพื่ออยู่อาศัยในคอนโดมิเนียมแนวสูง
ขณะปีที่ผ่านมีกลยุทธ์เร่งระบายสต๊อกทำให้ยอดขายขยับขึ้นที่ 8,450 ล้านบาท และรายได้ 8,000 ล้านบาท กำไรสุทธิ 110.55 ล้านบาท เป็นรายได้อสังหาริมทรัพย์เพื่อขาย 5,500 ล้านบาท ที่เหลือเป็นรายได้จากธุรกิจบริการ
ปี 2568 LPN ประกาศเป้าหมายมียอดขาย 8,500 ล้านบาท และรายได้รวม 8,300 ล้านบาท ซึ่งไตรมาสแรกที่ผ่านมามีแนวโน้มที่ดี สำหรับแนวทางการดำเนินการจะเน้นให้ความสำคัญกับการบริหารการเงิน รักษากระแสเงินสดปัจจุบันมีอยู่ที่ 4,000 ล้านบาท รวมถึงลดต้นทุนทางการเงิน ทำให้ในขณะนี้ LPN มีหนี้สินต่อทุนลดลงจาก 0.99 เท่า ลงมาอยู่ที่ 0.8 เท่า และในปีนี้เรื่องเงินยังเป็นเรื่องที่ต้องให้ความระมัดระวังเหมือนเดิม แต่ก็ไม่ค่อยหนักใจมากนัก จากนั้นจะเน้นเดินหน้าการขายและระบายสต๊อกออกไปให้มากที่สุด ควบคู่สร้างรายได้จากหน่วยธุรกิจให้เช่าและการให้บริการ เพื่อเพิ่มกระแสเงินสด โดยปีนี้มียอดขายรอโอน 1,700 ล้านบาท
“ดาว” ยังเน้นย้ำว่า LPN ได้ให้ความสำคัญ เรื่องของบุคลากรที่มีอยู่ในความรับผิดชอบมากถึง กว่า 6,000 คน ที่บริษัทสนับสนุนการจ้างงานสร้างอาชีพ ให้มีคุณภาพชีวิตที่ดี เพื่อให้พวกเขาเติบโตไปพร้อมๆกับองค์กร ขณะเดียวกัน ไม่เคยลืมที่จะให้ความสำคัญเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อม เพราะเป็นบริษัทรายแรกๆที่เสมอต้นเสมอปลาย พัฒนาโครงการภายใต้นโยบาย “LPN GREEN” ตามมาตรฐานของอาคารเขียว
ดังนั้น วิธีคิดของ “ดาว” ซีอีโอหญิงแกร่งผู้นี้ ไม่เพียงแค่ต้องการขาย“ที่อยู่อาศัย” แต่เป็นการ “สร้างคุณภาพชีวิต” ดีๆในทุกวัน ควบคู่กันไป ภายใต้ LPN ชุมชนน่าอยู่ สำหรับคนทุกวัยอย่างแท้จริง !!!