รัฐบาลคุมเข้ม เฝ้าระวัง ‘ไข้หวัดนก H5N1’ หลังพบระบาดรุนแรงในกัมพูชา แนะเกษตรกรสังเกตอาการสัตว์ใกล้ชิด
วันนี้ (4 สิงหาคม) อนุกูล พฤกษานุศักดิ์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า รัฐบาลกำลังเฝ้าระวังสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคไข้หวัดนกสายพันธุ์ H5N1 และสายพันธุ์ย่อย Clade 2.3.2.1e อย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังพบการระบาดรุนแรงในประเทศกัมพูชา ซึ่งสร้างความกังวลต่อสุขภาพ สังคม และเศรษฐกิจ โดยเฉพาะความเชื่อมั่นต่อภาคปศุสัตว์และสาธารณสุขของประเทศ
อนุกูลระบุว่า โรคไข้หวัดนกสายพันธุ์ H5N1 และสายพันธุ์ย่อย Clade 2.3.2.1e เป็นสายพันธุ์ที่มีความรุนแรงและมีโอกาสแพร่ระบาดสู่คนได้สูง โดยสถานการณ์ในประเทศกัมพูชาเป็นที่น่าจับตาเป็นพิเศษ ตั้งแต่ปี 2566 ถึงปัจจุบัน (2568) กัมพูชามีรายงานผู้ป่วยจากโรคไข้หวัดนกสะสมแล้วถึง 26 ราย เสียชีวิต 11 ราย
เฉพาะในปี 2568 เพียงปีเดียว พบผู้ป่วยสะสมแล้วถึง 13 ราย และเสียชีวิตแล้วถึง 6 ราย จากรายงานล่าสุดเมื่อวันที่ 22 กรกฎาคม 2568 โดยจังหวัดเสียมราฐเป็นพื้นที่ที่มีการรายงานผู้ป่วยสะสมสูงสุดถึง 4 ราย
จากสถานการณ์ที่น่ากังวลดังกล่าว รัฐบาลโดยกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข ได้ยกระดับมาตรการป้องกันและเฝ้าระวังในพื้นที่ติดชายแดนอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะในบริเวณที่เชื่อมต่อกับจังหวัดเสียมราฐ เพื่อสร้างความมั่นใจให้แก่ประชาชนไทยว่าจะไม่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรคไข้หวัดนกจากประเทศกัมพูชา
นอกจากนี้ กรมปศุสัตว์ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้กำชับให้เกษตรกรผู้เลี้ยงสัตว์ปีกในระบบฟาร์ม เข้มงวดความปลอดภัยทางชีวภาพขั้นสูงสุด เช่น
- ทำความสะอาดและฆ่าเชื้อโรค ในโรงเรือนและบริเวณโดยรอบอย่างน้อยสัปดาห์ละ 1 ครั้ง
- ควบคุมการเข้า-ออกฟาร์ม อย่างเข้มงวด และฉีดพ่นยานพาหนะทุกคัน
- ทำความสะอาดและพ่นยาฆ่าเชื้อโรค ในพื้นที่เสี่ยงต่างๆ อย่างสม่ำเสมอ
- ผลักดันระบบการเลี้ยงสัตว์ปีกให้เข้าระบบมาตรฐาน GAP (Good Agricultural Practices) หรือ GFM (Good Farm Management)
อนุกูลย้ำว่า แม้ความเสี่ยงที่โรคไข้หวัดนกจะแพร่ระบาดเข้าสู่ประเทศไทยจะอยู่ในระดับต่ำ แต่รัฐบาลก็ไม่ประมาท และขอความร่วมมือไปยังเกษตรกรผู้เลี้ยงสัตว์ปีกทั่วประเทศให้ หมั่นสังเกตอาการสัตว์อย่างใกล้ชิด
หากพบสัตว์ปีกป่วยหรือตายอย่างผิดปกติ ห้ามนำไปจำหน่าย แจกจ่าย หรือนำไปประกอบอาหารโดยเด็ดขาด และขอให้รีบแจ้งเจ้าหน้าที่ปศุสัตว์อำเภอ, อาสาปศุสัตว์, อาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน, และเจ้าหน้าที่ปศุสัตว์ในพื้นที่ทันที เพื่อให้เจ้าหน้าที่สามารถลงพื้นที่ตรวจสอบและดำเนินมาตรการควบคุมโรคได้ทันที
เกษตรกรและประชาชนสามารถติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่สำนักงานปศุสัตว์อำเภอ หรือสำนักงานปศุสัตว์จังหวัดใกล้บ้าน หรือสายด่วนกรมปศุสัตว์ โทร. 06 3225 6888 หรือแจ้งผ่าน Application: DLD 4.0 ได้ตลอดเวลา