ทบ. เชิญผู้ช่วยทูตทหารอาเซียน รับฟังชี้แจงข้อเท็จจริงชายแดนไทย-กัมพูชา 1 ส.ค. นี้
สถานการณ์ชายแดนไทยกัมพูชา หลังตั้งทีมเฝ้าติดตามหยุดยิงชายแดน ไทย-กัมพูชา วันนี้ (31 ก.ค. 68) พล.ต.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก เปิดเผยว่ากองทัพบกโดยกรมข่าวทหารบก ร่วมหารือกับผู้ช่วยทูตทหารอาเซียนประจำประเทศไทย นำโดยผู้ช่วยทูตทหารมาเลเซียประจำประเทศไทย ณ อาคารศรีสิทธิสงคราม ภายในกองบัญชาการกองทัพบก โดยมี พล.ท. กำชัย วงศ์ศรี เจ้ากรมข่าวทหารบก เป็นประธานในการหารือ
การหารือครั้งนี้มีวัตถุประสงค์หลักเพื่อหารือเกี่ยวกับสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา รวมทั้งการจัดตั้ง Interim ASEAN Defence Attaches Monitoring Team (Interim ASEAN Das Monitoring Team) ในการปฏิบัติหน้าที่สังเกตการณ์สถานการณ์หยุดยิงตามแนวชายแดนไทยกัมพูชา
ซึ่งการหารือในครั้งนี้เกิดขึ้นหลังจากข้อตกลงหยุดยิง ที่ประเทศมาเลเซีย เมื่อวันที่ 28 ก.ค.68 ที่ผ่านมา ซึ่งมีการเห็นพ้องร่วมกันในการจัดตั้งทีมเฝ้าติดตามชั่วคราวของฝ่ายทูตหารจากชาติสมาชิกอาเชียนโดยเร่งด่วน เพื่อเป็นกลไกเบื้องต้นในการติดตามสถานการณ์และสร้างความไว้วางใจระหว่างทั้งสองฝ่าย
นอกจากนี้ในที่ประชุมได้มีการหารือเกี่ยวกับการจัดตั้งกลไก ASEAN Monitoring Team (AMIT) ในอนาคต ซึ่งจะทำหน้าที่หลักในการเฝ้าระวังสถานการณ์ต่อไป และประเด็นนี้จะถูกหยิบยกขึ้นในการหารือในเวทีประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป หรือ General Border Committee (GBC) ระหว่างไทยและกัมพูชาที่จะจัดขึ้นในวันที่ 4 ส.ค. 68 นี้
ทั้งนี้ กองทัพบกพร้อมดำเนินการในทุกมิติเพื่อให้เกิดผลอย่างเป็นรูปธรรม พร้อมยืนยันจุดยืนของไทยในการเคารพหลักสากลระหว่างประเทศ ไม่รุกรานและไม่ใช้ความรุนแรง เพื่อคลี่คลายสถานการณ์ความขัดแย้งส่งเสริมสันติภาพและความสงบสุขระหว่างประเทศอย่างอย่างยังยืน
ด้าน นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และคณะกรรมการศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์ชายแดนไทย–กัมพูชา (ศบ.ทก.) สรุปผลการประชุม ศบ.ทก. ในวันพฤหัสบดีที่ 31 กรกฎาคม 2568 ดังนี้
ประเด็นด้านความมั่นคง
1. สถานการณ์โดยรวมยังคงอยู่ในลักษณะการตรึงกำลังของทั้งสองฝ่าย แม้จะตรวจพบการใช้โดรนของกัมพูชา แต่ภาพรวมยังสงบ
2. กรณีผู้ถูกควบคุมตัว 20 ราย ซึ่งเป็นการยอมจำนงของทหารของฝั่งกัมพูชา เนื่องจากกระสุนหมด โดยทั้ง 20 นาย ถูกส่งดำเนินคดีตามกฎหมาย ในความผิดฐานเข้าเมืองโดยไม่ได้รับอนุญาต ส่วนผู้ได้รับบาดเจ็บ 2 นาย ถูกนำตัวเข้ารักษาพยาบาล ที่ รพ. ค่ายวีรวัฒน์โยธิน จ. สุรินทร์
3. การพบหารือระหว่างพลเอก ดาโต๊ะ โมฮัมหมัด นิซัม จาฟฟาร์ ผู้บัญชาการทหารสูงสุดมาเลเซียกับแม่ทัพภาคที่ 1 และ 2 เพื่อรับทราบข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น เมื่อวันที่ 29-30 ก.ค. 2568 ที่ผ่านมา ซึ่งฝ่ายไทยได้ชี้แจงข้อมูลสถานการณ์ก่อนนำไปสู่การปะทะกัน พร้อมเน้นย้ำว่าไทยได้ใช้อดทน อดกลั้น และขอประท้วงการละเมิดข้อตกลงต่าง ๆ ซึ่งฝ่ายกัมพูชาวางกำลังทหารและทุ่นระเบิดในพื้นที่พิพาท เป็นการละเมิดต่อ “อนุสัญญาออตตาวา” และใช้มวลชนเข้ามาแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ ปลุกปั่น ยั่วยุ บริเวณพื้นที่ปราสาทตาเมือนธม
ทั้งนี้ ในห้วงวันที่ 29-30 ก.ค. 68 สถานการณ์ตึงเครียดอย่างต่อเนื่อง ฝ่ายกัมพูชาปะทะที่ปราสาทตาเมือนธม ทำให้ฝ่ายไทยต้องตอบโต้เพื่อปกป้องประชาธิปไตยของประเทศ และรักษาความปลอดภัยแก่พี่น้องประชาชน โดยยืนยันว่า ไทยปฏิบัติตามข้อตกลงหยุดยิงอย่างเคร่งครัด และยินดีสนับสนุนในเรื่องการสังเกตการณ์ของฝ่ายมาเลเซียต่อไป นอกจากนี้ ทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องว่าจุดมุ่งหมายการเจรจาหยุดยิง เพื่อนำไปสู่สันติภาพ คือการประกาศว่าจะหยุดยิงทันที ไม่เพิ่มกำลังทหาร และการช่วยเหลือทางการแพทย์ให้กับผู้ป่วย และผู้บาดเจ็บในพื้นที่
4. สถานภาพของผู้อพยพ ลี้ภัย จากการปะทะ มียอดผู้เสียชีวิต 14 คน บาดเจ็บสาหัส 12 คน บาดเจ็บปานกลาง 13 คน และบาดเจ็บเล็กน้อย 13 คน รวมเป็น 52 คน
5. กองทัพบก ได้จัดวงดนตรี หมวดดุริยางค์มณฑลทหารบกที่ 25 ออกทำการแสดง เพื่อสร้างความบันเทิง ผ่อนคลายความเครียดให้กับพี่น้องประชาชน รวมถึงสร้างขวัญกำลังใจให้กับประชาชนในศูนย์พักพิง ใน จ.สุรินทร์
6. ศบ.ทก. เร่งดำเนินการด้านการสื่อสาร บริการให้ข้อมูล แก่สื่อมวลชนทั้งไทยและต่างประเทศ เพื่อลดความเข้าใจผิด ความคลาดเคลื่อนในข้อมูลข่าวสาร รวมถึงการบิดเบือนข้อมูลจากฝ่ายตรงข้าม
ประเด็นด้านการต่างประเทศ
1. การเชิญผู้ช่วยทูตฝ่ายทหาร และสื่อมวลชนต่างประเทศในประเทศไทยไปสังเกตการณ์พื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา วันพรุ่งนี้ (1 สิงหาคม 2568) ซึ่งเป็นโอกาสแรก ที่ฝ่ายไทยพร้อมนำคณะผู้ช่วยทูตฝ่ายทหาร คณะทูต และสื่อมวลชนทั้งไทยและต่างประเทศลงพื้นที่ โดยการลงพื้นที่ต้องคำนึงถึงความปลอดภัยของทุกท่านเป็นอันดับแรก ซึ่งไทยไม่ได้เป็นผู้โจมตี จึงไม่สามารถทราบล่วงหน้าได้ว่าช่วงเวลาใดที่ปลอดภัยจึงต้องรอเวลาให้มีความแน่นอนในเรื่องนี้ โดยฝ่ายไทยจะไม่สร้างภาพลวง ไม่ให้ข่าวบิดเบือน กล่าวหาว่า ฝ่ายกัมพูชาลักพาตัวทหารไทยอย่างที่ฝ่ายกัมพูชาได้กล่าวหาไทย แต่จะเน้นสื่อสารเชิงคุณภาพ สะท้อนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริง
2. รัฐบาลไทยขอย้ำจุดยืนต่อการยุติความขัดแย้งในครั้งนี้ โดยฝ่ายไทยมุ่งมั่นปฏิบัติตามข้อตกลงหยุดยืนอย่างเคร่งครัดอย่างที่ทำอยู่ และแก้ไขสถานการณ์ปัจจุบันด้วยสันติวิธี พร้อมเรียกร้องให้ฝ่ายกัมพูชายุติการละเมิดข้อตกลงต่าง ๆ ทุกรูปแบบ ทันที และทำตามข้อตกลงหยุดยิงอย่างจริงจังและสุจริตใจ ทั้งนี้ ยืนยันว่า ฝ่ายไทยพร้อมกับเข้าสู่โต๊ะเจรจาทวิภาคีกับฝ่ายกัมพูชาทุกเมื่อ โดยรอฝ่ายกัมพูชาส่งหนังสือเชิญอย่างเป็นทางการเพื่อเข้าร่วมการประชุม GBC ตามที่ตกลงกันไว้ ซึ่งจะเป็นอีกก้าวสำคัญในการหาทางออกร่วมกัน ทั้งนี้ รัฐบาลให้ความสำคัญกับอธิปไตย บูรณภาพแห่งดินแดน ผลประโยชน์และความปลอดภัยของพี่น้องประชาชนเป็นสำคัญ และทุกฝ่ายกำลังทำงานกันอย่างเต็มที่ เพื่อเป้าหมายเดียวกัน
ประเด็นด้านการดูแลประชาชนที่ได้รับผลกระทบ
1. การดูแลพื้นที่ชายแดน 7 จังหวัด กระทรวงมหาดไทยได้ระดมเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองกว่า 10,000 นาย ครอบคลุมพื้นที่ 22 อำเภอ 63 ตำบล 335 หมู่บ้านในแนวชายแดน 7 จังหวัด เพื่อดูแลความสงบเรียบร้อย และร่วมกับตำรวจในพื้นที่รวบรวมพยานหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์
2. ตัวเลขผู้ได้รับผลกระทบ ขณะนี้มีประชาชนได้รับผลกระทบแล้ว รวม 839,935 คน จาก 278,506 ครัวเรือน ใน 42 อำเภอของ 7 จังหวัด โดยมีผู้เสียชีวิต 16 ราย บาดเจ็บ 38 ราย และมีการประกาศเขตภัยพิบัติแล้วใน 36 อำเภอ 238 ตำบล 2,702 หมู่บ้าน รัฐบาลได้จัดสรรงบช่วยเหลือเร่งด่วนจังหวัดละ 100 ล้านบาท และเพิ่มอีก 100 ล้านบาท ให้กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เพื่อเยียวยาผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บ พร้อมสั่งการให้ทุกจังหวัดเร่งสำรวจความเสียหายและดำเนินการจ่ายชดเชยโดยเร็ว
3. รัฐบาลยังเปิดสายด่วน 1567 ให้ประชาชนที่ยังไม่ได้รับการช่วยเหลือสามารถแจ้งข้อมูลให้เจ้าหน้าที่เข้าดูแลโดยตรง
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ไทยจ่อส่ง 18 ทหารเขมรตกค้างกลับพรุ่งนี้ ตามสนธิสัญญาเจนีวา!
ไม่ไปกัมพูชา! “พล.อ.ณัฐพล” เสนอ เปลี่ยนที่ประชุม GBC ไปมาเลเซีย
ศบ.ทก. ยันสถานการณ์ชายแดนโดยรวมยังสงบ ยันไม่สร้างภาพ-บิดเบือนข่าวแบบกัมพูชา
อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่ : ทบ. เชิญผู้ช่วยทูตทหารอาเซียน รับฟังชี้แจงข้อเท็จจริงชายแดนไทย-กัมพูชา 1 ส.ค. นี้
ติดตามข่าวล่าสุดได้ทุกวัน ที่นี่
- Website : https://www.pptvhd36.com