โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ธุรกิจ-เศรษฐกิจ

AI กับการเงินอนาคต “นวัตกรรมแห่งการสร้างนวัตกรรม” ที่จะเปลี่ยนชีวิตเรา

การเงินธนาคาร

อัพเดต 7 ชั่วโมงที่ผ่านมา • เผยแพร่ 14 ชั่วโมงที่ผ่านมา

หากเครื่องจักรไอน้ำในศตวรรษที่ 18 ทำให้โลกสามารถผลิตได้ในระดับที่ไม่เคยเป็นมาก่อน และอินเทอร์เน็ตกับสมาร์ตโฟนในช่วงปลายศตวรรษที่ 20 ทำให้โลกเชื่อมต่อกันอย่างไร้พรมแดน ปัญญาประดิษฐ์ (AI) อาจเป็นก้าวต่อไปที่ยิ่งใหญ่กว่า เพราะเป็นตัวเร่งให้เกิด “การขยายขอบเขตความรู้ของมนุษย์แบบก้าวกระโดด” เพราะ AI ช่วยแก้ปัญหาซับซ้อนที่เคยเป็นคอขวดขององค์ความรู้ในหลากหลายศาสตร์ ตั้งแต่วงการการแพทย์ การพัฒนาวิทยาศาสตร์และวิศวกรรม ไปจนถึงเศรษฐกิจและการเงิน ทำให้มนุษย์สามารถคิด ค้นคว้า และลงมือทำสิ่งที่เคยเป็นไปไม่ได้ให้เกิดขึ้นได้ภายในเวลาที่สั้นลงอย่างมหาศาล

ในโลกการเงินโดยเฉพาะภาคธนาคาร ก็เริ่มมีการนำ AIมาใช้อย่างแพร่หลาย แต่ในบริบทของไทย ความก้าวหน้าของAI ที่มีศักยภาพในการวิเคราะห์ข้อมูลซับซ้อนกำลังถูกเสริมด้วยการมาถึงของ Virtual Banks ที่เชี่ยวชาญด้านการให้บริการดิจิทัลและการใช้ข้อมูลเพื่อตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าอย่างตรงจุด โดยมีต้นทุนที่ถูกลงเนื่องจากไม่มีสาขา รวมถึงโครงการ Your Data[1] ซึ่งจะเชื่อมโยงข้อมูลจากหลายแหล่งเข้าด้วยกันอย่างเป็นระบบ

สิ่งเหล่านี้จะช่วยให้สถาบันการเงินเข้าใจลูกค้าได้ดียิ่งขึ้น สามารถพัฒนาผลิตภัณฑ์ทางการเงินที่ตอบโจทย์เฉพาะบุคคลด้วยต้นทุนที่ถูกลง และมอบความสะดวกสบายไว้ที่ปลายนิ้วผู้ใช้บริการ ที่สำคัญนี่ไม่ได้เป็นเพียงการปรับปรุงกระบวนการให้บริการเท่านั้น แต่ยังหมายถึงการยกระดับระบบเศรษฐกิจโดยรวม ทั้งในด้านการเพิ่มการเข้าถึงบริการทางการเงิน การลดต้นทุนเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของระบบการเงิน และการเสริมสร้างความปลอดภัยในการใช้บริการทางการเงิน เรามาดูกันว่าเราอาจจะเห็นนวัตกรรมใดบ้างที่จะเปลี่ยนโฉมระบบการเงินไทยในอีกไม่นานนี้

ขยายการเข้าถึงบริการทางการเงิน : AIกับเครดิตโปรไฟล์ยุคใหม่

ระบบการเงินแบบเดิมมักจำกัดโอกาสของคนจำนวนมาก เช่น ผู้ที่ไม่มีรายได้ประจำ ฟรีแลนซ์ เกษตรกร หรือผู้ประกอบการ SMEs ที่แม้มีศักยภาพ แต่ไม่มีเอกสารและประวัติเครดิตที่เพียงพอ ในยุคของAI ข้อจำกัดนี้กำลังได้รับการแก้ไขด้วยการวิเคราะห์ข้อมูลทางเลือก (Alternative Data) เช่น ประวัติการจ่ายค่าสาธารณูปโภค การใช้โทรศัพท์มือถือ หรือพฤติกรรมการซื้อขายบนแพลตฟอร์มออนไลน์ ซึ่งเดิมอาจมีข้อจำกัดในการนำไปใช้งานเนื่องจากขาดโมเดลที่ดีพอในการอธิบายความสัมพันธ์ที่ซับซ้อน หรือโครงสร้างข้อมูลที่ไม่ได้อยู่ในรูปแบบที่ง่ายต่อการนำมาคำนวณเครดิตโปรไฟล์ แต่วันนี้ Alternative Data กลายเป็นวัตถุดิบชั้นดีในการสร้างเครดิตโปรไฟล์ที่สะท้อนความสามารถในการชำระหนี้ และเป็นโอกาสในการขยายกลุ่มลูกค้าของสถาบันการเงินที่มีความพร้อม

ในต่างประเทศมีการนำข้อมูลเหล่านี้มาใช้และเห็นผลอย่างเป็นรูปธรรม เช่น KakaoBank ของเกาหลีใต้ ที่ใช้ข้อมูลการใช้โทรศัพท์มือถือและธุรกรรมออนไลน์ในการให้สินเชื่อแก่กลุ่มลูกค้าที่มีความเสี่ยงปานกลางถึงสูงและผู้ประกอบการรายเล็ก ทำให้สามารถปล่อยสินเชื่อได้โดยไม่ต้องพึ่งพาเพียงประวัติทางการเงินแบบเดิม นอกจากนี้ การประเมินความเสี่ยงลูกค้าได้ดีขึ้นทำให้สามารถคิดดอกเบี้ยได้ต่ำกว่าตลาดซึ่งเป็นหนึ่งในกุญแจสำคัญที่ทำให้โมเดลธุรกิจนี้ประสบความสำเร็จ

ในจีน WeBank ซึ่งเป็น Virtual Bank รายแรก เชื่อมต่อกับระบบของ Tencent และแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซ เพื่อปล่อยสินเชื่ออย่างรวดเร็วโดยไม่ต้องใช้หลักประกัน ให้แก่ลูกค้าที่ประวัติเครดิตไม่เพียงพอ รวมถึง SMEs ที่ไม่เคยได้รับสินเชื่อจากธนาคารมาก่อน ขณะที่ในอินเดียสถาบันการเงินหลายแห่งจับมือกับแพลตฟอร์มดิจิทัลเพื่อใช้ข้อมูลธุรกรรมออนไลน์ในการประเมินเครดิต ทำให้เจ้าของกิจการขนาดเล็กในพื้นที่ชนบทสามารถเข้าถึงเงินทุนหมุนเวียนได้

สำหรับไทย การมาของ Virtual Bank ที่คาดว่าจะเริ่มให้บริการในปี 2569–2570 จะเป็นตัวเร่งสำคัญในการทำให้โมเดลนี้เกิดขึ้นจริง การใช้ข้อมูลธุรกรรมชำระเงินทางอิเล็กทรอนิกส์ การใช้โทรศัพท์มือถือ พฤติกรรมการซื้อขายบนแพลตฟอร์มออนไลน์และออฟไลน์ รวมถึงข้อมูลจากแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย อาจเป็นคำตอบในการช่วย SMEs ไทยจำนวนมากให้ก้าวข้ามกำแพงสินเชื่อ และปลดล็อกศักยภาพทางเศรษฐกิจที่ซ่อนอยู่

บริการทางการเงินที่ “อ่านใจได้” : Hyper-personalization และการช่วยเหลือลูกค้าเชิงรุก

เรากำลังก้าวจากยุคที่สถาบันการเงินเสนอสินเชื่อและบริการแบบ One-size-fits-all เข้าสู่ยุคที่เน้นเข้าใจลูกค้าเชิงลึกด้วยแนวคิด Hyper-personalization โดยAI สามารถวิเคราะห์และประเมินรูปแบบรายได้ พฤติกรรมการใช้จ่าย และไลฟ์สไตล์ที่แตกต่างกันของลูกค้า เพื่อออกแบบผลิตภัณฑ์ทางการเงินเฉพาะบุคคล ตั้งแต่สินเชื่อที่ปรับวงเงินและรูปแบบการชำระคืนให้เหมาะสมกับลักษณะรายได้ที่อาจผันผวน เงินฝากที่สามารถกระตุก (Nudge) ให้เกิดพฤติกรรมการออมอย่างต่อเนื่อง ไปจนถึงการลงทุนที่สอดคล้องกับเป้าหมายชีวิตอย่างแท้จริง

นอกจากนี้ AIยังช่วยให้สถาบันการเงินทำ Customer Segmentation ได้ละเอียดและมีมุมมองที่หลากหลายขึ้นจากพฤติกรรมรายบุคคล ทำให้การสื่อสารและ Personalized Marketing สามารถเข้าถึงลูกค้าได้ตรงกับสถานการณ์และความต้องการของแต่ละบุคคลอย่างแท้จริง เช่น การส่งแคมเปญเฉพาะบุคคลเพื่อดึงดูดเพิ่มเติมให้กับกลุ่มลูกค้าที่กำลังจะย้ายไปใช้บริการของคู่แข่ง การเสนอแผนปรับโครงสร้างหนี้หรือสินเชื่อฉุกเฉินให้แก่ลูกค้าอย่างทันท่วงทีเมื่อพบสัญญาณว่าลูกค้ากำลังเผชิญปัญหาสภาพคล่อง หรือการแจ้งเตือนเชิงรุกเมื่อมีโอกาสทางการลงทุนที่เหมาะสมกับโปรไฟล์ของลูกค้า

ในต่างประเทศธนาคารอย่าง JPMorgan ใช้AI ปรับรูปแบบแอปในมือถือเพื่อสร้างประสบการณ์ที่ดีแก่ลูกค้าแบบเรียลไทม์โดยเสนอผลิตภัณฑ์ทางการเงินที่กำลังอยู่ในความสนใจของลูกค้าเฉพาะบุคคล ขณะที่ Monzo ในอังกฤษใช้AI เพื่อแจ้งเตือนลูกค้าเมื่อเสี่ยงจะใช้จ่ายเกินตัวหรือเกินกว่างบที่วางไว้และช่วยปรับแผนการเงินแบบทันท่วงที สิ่งเหล่านี้กำลังพลิกวิธีการให้บริการของธนาคารจากเดิมที่ “รอให้ลูกค้ามาหา” มาเป็น “คาดการณ์ความต้องการล่วงหน้าและเป็นผู้ช่วยวางแผนการเงินให้ลูกค้า”

ความปลอดภัยและความโปร่งใส : AI กับการปกป้องระบบการเงิน

ความปลอดภัยเป็นหัวใจของระบบการเงินเพราะเกี่ยวข้องกับความเชื่อมั่นของผู้ใช้บริการ และAI กำลังทำให้การปกป้องเครือข่ายการเงินก้าวล้ำกว่าเดิม ด้วยความสามารถในการตรวจจับธุรกรรมที่ผิดปกติแบบเรียลไทม์ ช่วยลดทั้งความเสี่ยงจากการฟอกเงินและอาชญากรรมทางการเงิน รวมถึงการหลอกลวงออนไลน์ในรูปแบบต่าง ๆ ซึ่งเป็นหนึ่งในปัญหาสำคัญของไทยที่กระทบประชาชนในวงกว้างในช่วงที่ผ่านมา โดยธนาคารอย่าง HSBC ใช้AI ในการคัดกรองธุรกรรมที่เสี่ยงต่อการฟอกเงิน โดยสามารถช่วยให้การคัดกรองมีความแม่นยำขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ทำให้การเฝ้าระวังมีประสิทธิภาพโดยไม่รบกวนผู้ใช้งานในวงกว้าง

นอกจากนี้ ในอนาคตเราอาจเห็นการผสานAI เข้ากับเทคโนโลยีบล็อกเชนและ Smart Contracts ในการสร้างระบบธุรกรรมที่นอกจากจะฉลาดแล้ว ยังโปร่งใสและตรวจสอบย้อนหลังได้ ซึ่งจะเป็นการเสริมสร้างความเชื่อมั่นให้กับระบบการเงินยุคใหม่เพื่อรองรับธุรกรรมการเงินที่จะมีความซับซ้อนขึ้นในอนาคต

การเงินอนาคตที่ถูกขับเคลื่อนด้วย AI

ที่กล่าวมาข้างต้นเป็นเพียงส่วนหนึ่งของการใช้AI ในภาคการเงิน ยังมีการนำไปใช้ในกระบวนการสำคัญอื่น ๆ ที่อาจเริ่มเห็นชัดขึ้นเรื่อย ๆ ในระยะเวลาอันใกล้นี้ เช่น การให้บริการลูกค้า (Customer Support) ซึ่งใช้AI Chatbot ที่สามารถตอบคำถามลูกค้าได้อย่างคล่องแคล่วและแม่นยำตลอด 24 ชั่วโมง ซึ่งจะช่วยลดภาระของพนักงานและเพิ่มความพึงพอใจของลูกค้าที่ไม่ต้องรอสายนาน ๆ อีกต่อไป นอกจากนี้ ในกระบวนการรู้จักลูกค้า (KYC) AIสามารถช่วยตรวจสอบเอกสารและยืนยันตัวตนได้อย่างรวดเร็ว ลดความเสี่ยงด้านการฟอกเงินและอาชญากรรมทางการเงิน

ด้านการลงทุนAI ถูกนำไปใช้ใน Robo-advisor เพื่อจัดพอร์ตการลงทุนที่สอดคล้องกับความเสี่ยงและเป้าหมายของผู้ลงทุนแต่ละราย และในตลาดทุนระดับโลกมี Algorithmic Trading ที่ใช้AI วิเคราะห์แนวโน้มและทำการซื้อขายแบบเข้า-ออกเร็วในระดับเรียลไทม์ นอกจากนี้AI ยังถูกใช้ในการประเมินมูลค่าสินทรัพย์และหลักประกัน (Asset Pricing) โดยผสานข้อมูลตลาด ภาวะเศรษฐกิจ และสภาพพื้นที่อย่างละเอียดเพื่อให้การตีมูลค่ายุติธรรมมีความแม่นยำมากขึ้น การพัฒนาทั้งหมดนี้จะช่วยเพิ่มทั้งประสิทธิภาพ ความโปร่งใส และความยุติธรรมให้กับระบบการเงินโดยรวม

มองไปข้างหน้าและบทสรุป

เมื่อเรากำลังสัมผัสAI ที่ช่วยคิด วิเคราะห์ และคาดการณ์เพื่อให้บริการได้แบบอัจฉริยะ คำถามต่อไปคือ โลกการเงินจะเปลี่ยนไปแค่ไหนเมื่อAI พัฒนาไปสู่ Agentic AI ซึ่งเป็นระบบที่สามารถตัดสินใจเชิงรุกได้เองโดยไม่ต้องรอคำสั่งจากมนุษย์ และนี่อาจเป็นก้าวสำคัญที่จะพาเราไปใกล้ Artificial General Intelligence (AGI) เร็วกว่าที่คาด ซึ่งเมื่อมันมาถึงจะเปลี่ยนวิธีออกแบบบริการทางการเงิน ตั้งแต่การตัดสินใจปล่อยสินเชื่อ ไปจนถึงการวางโครงสร้างระบบการเงินโดยAI จะเปลี่ยนบทบาทจาก “ผู้ช่วย” มาเป็น “คู่คิด” ของมนุษย์ จึงไม่เกินเลยไปนักหากเราจะบอกว่า ในท้ายที่สุด AIจะกลายมาเป็น “นวัตกรรมแห่งการสร้างนวัตกรรม” อย่างแท้จริง

แน่นอนว่าการเข้ามาของ AI จะช่วยให้การแข่งขันในระบบการเงินมีความเข้มข้นขึ้นโดยมีพฤติกรรมและความต้องการของลูกค้าเป็นศูนย์กลาง ผู้เล่นที่ปรับตัวได้เร็วและสามารถนำเสนอผลิตภัณฑ์และบริการที่ตรงกับพฤติกรรมและความต้องการของลูกค้าก็จะสามารถสร้างโอกาสทางธุรกิจได้อย่างไม่เคยมีมาก่อน ในขณะที่ภาคการเงินก็มีแนวโน้มที่จะมีความปลอดภัยและโปร่งใสขึ้นเมื่อเทียบกับอดีตที่ผ่านมา อย่างไรก็ดี อดีตสอนเราครั้งแล้วครั้งเล่าว่าพัฒนาการใหม่ ๆ มักจะมาพร้อมกับความเสี่ยงรูปแบบใหม่ ๆ ที่คาดเดาได้ยากเสมอ วิกฤตซับไพร์มเมื่อปี 2008 ก็เป็นหนึ่งในตัวอย่างที่ชัดเจน

ดังนั้น ครั้งนี้ก็เช่นกันที่การนำ AI มาใช้ในวงกว้าง อาจก่อให้เกิดความเสี่ยงที่ซ่อนอยู่ที่ไหนซักแห่งภายใต้โลกการเงินใบใหม่ที่ซับซ้อนขึ้น ความท้าทายจึงไม่ใช่แค่การมองเห็นความเสี่ยง แต่คือการเท่าทันมันให้เร็วพอที่จะรับมือได้ ขณะเดียวกัน เราต้องรักษาสมดุลระหว่างนวัตกรรมที่กำลังจุดประกายโลกการเงินยุคใหม่ กับการปกป้องเสถียรภาพของระบบเศรษฐกิจการเงิน เพราะการพัฒนาอย่างยั่งยืนไม่ได้เกิดจากการเร่งไปข้างหน้าแต่เพียงอย่างเดียว แต่เกิดจากการให้ความสำคัญกับก้าวไปข้างหน้าด้วยสติและสายตาที่มองรอบด้าน

ที่มา : คอลัมน์ “บางขุนพรหมชวนคิด” ฉบับวันที่ 4 สิงหาคม 2568
โดย ทรงกลด รัษฐปานะ รองผู้อำนวยการ ฝ่ายพัฒนาการกำกับระบบสถาบันการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย

** บทความนี้เป็นความคิดเห็นส่วนบุคคล จึงไม่จำเป็นต้องสอดคล้องกับความเห็นของหน่วยงานที่ผู้เขียนสังกัด**

[1] ความร่วมมือระหว่าง ธปท. หน่วยงานภาครัฐ และสมาคมผู้ให้บริการทางการเงินที่เกี่ยวข้อง ในการสร้างกลไกรับส่งข้อมูลทั้งในและนอกภาคการเงิน ให้ผู้ใช้บริการสามารถเลือกใช้สิทธิส่งข้อมูลของตนเองที่อยู่กับผู้ให้บริการทางการเงินและหน่วยงานต่าง ๆ ไปยังผู้ให้บริการที่ตนเองต้องการใช้บริการ ผ่านช่องทางดิจิทัลที่สะดวกและปลอดภัย เพื่อให้ได้รับบริการทางการเงินที่ตอบโจทย์มากขึ้น เช่น การสมัครขอสินเชื่อ การบริหารจัดการทางการเงินที่เหมาะสมกับแต่ละบุคคล

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...

ล่าสุดจาก การเงินธนาคาร

กอบศักดิ์ เตือนอย่าวางใจทรัมป์ ภาษี Transshipment ยังคลุมเครือ รับมือสินค้าจีนทะลัก

10 ชั่วโมงที่ผ่านมา

MUFG ย้ำไทยยังเป็นตลาดสำคัญ จับมือ กรุงศรี หนุนอุตสาหกรรมไทยปรับโครงสร้างธุรกิจ

12 ชั่วโมงที่ผ่านมา

“งานแต่งปลอม” เทรนด์ใหม่ในอินเดีย ปาร์ตี้สนุกเหมือนงานจริง แต่ไร้เจ้าบ่าวเจ้าสาว

14 ชั่วโมงที่ผ่านมา

หุ้นไทย ปิดบวก 17.56 จุด รับข่าวดีเฟดลดดอกเบี้ย-เงินทุนต่างชาติไหลเข้า

14 ชั่วโมงที่ผ่านมา

วิดีโอแนะนำ

ข่าวและบทความธุรกิจ-เศรษฐกิจอื่น ๆ

หุ้นไทยครึ่งปีแรกเหงา SET50-SET100 ทรุดเฉียด 10% ขณะวอลุ่มโตสวนทาง

ฐานเศรษฐกิจ

ครม.ไฟเขียวงบกระตุ้นเศรษฐกิจ1.85ล้าน

สยามรัฐ

ครม.อนุมัติ 1.84 หมื่นล้านกระตุ้นเฟส 2 เพิ่มขีดแข่งขันรับภาษีทรัมป์-เติมเงินกยศ.กู้เรียน

Thairath Money

ต่างชาติทำงานในไทยจับจ่ายคึกคัก นิยมสั่งดิลิเวอรีข้าวผัด-ข้าวมันไก่-ชาไทย

Thairath Money

ราคาน้ำมันประจำวันที่ 06/08/68 อัปเดตจาก 4 สถานี

สยามรัฐ

หุ้นดาวโจนส์วันนี้ 6 สิงหาคม 2568 ปิดลบ 61.90 จุด กังวลภาษีทรัมป์กระทบเศรษฐกิจ

TNN ช่อง16

ราคาน้ำมันดิบ WTI ปิดลบ 1.13 ดอลลาร์ เหตุโอเปกพลัสเพิ่มผลิต-ดีมานด์ชะลอตัว

สยามรัฐ

ดัชนีดาวโจนส์ร่วง 61.90 จุด วิตกภาษีทรัมป์กระทบเศรษฐกิจ

สยามรัฐ

ข่าวและบทความยอดนิยม

Loading...