โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ไลฟ์สไตล์

แม่ชี-สามเณรี-ภิกษุณี รู้จักเส้นทางธรรม "สตรี" ในพุทธศาสนา

Thai PBS

อัพเดต 7 ชั่วโมงที่ผ่านมา • เผยแพร่ 7 ชั่วโมงที่ผ่านมา • Thai PBS
พุทธบริษัท 4 อันประกอบด้วย ภิกษุ ภิกษุณี อุบาสก อุบาสิกา ล้วนมีบทบาทสำคัญในการเผยแผ่และดำรงพระศาสนา พาทำความรู้จักสตรีผู้มุ่งมั่นในเส้นทางแห่งธรรม “แม่ชี” ผู้ถือศีลในเพศฆราวาส “สามเณรี” นักบวชหญิงขั้นต้น และ “ภิกษุณี” ผู้ได้รับการอุปสมบทอย่างสมบูรณ์

จุดเริ่มต้นแห่งการแสวงหาธรรมของสตรีในพุทธกาล ในยุคแรกเริ่มของการประกาศพระพุทธศาสนา การบวชเป็นภิกษุในครั้งนั้นยังคงรวมศูนย์อยู่ที่พระพุทธเจ้าพระองค์เดียว ซึ่งเรียกว่า "เอหิภิกขุอุปสัมปทา" ต่อมา เมื่อมีภิกษุเพิ่มขึ้นมากพอสมควร พระพุทธเจ้าจึงทรงอนุญาตให้ภิกษุรูปอื่นสามารถบวชให้กุลบุตรผู้ประสงค์จะบวชได้ ซึ่งเป็นที่มาของการบวชแบบ "ติสรณคมนูปสัมปทา" และ "ญัตติจตุตถกัมมูปสัมปทา" ในเวลาต่อมา

ในพรรษาที่ 5 แห่งการบำเพ็ญพุทธกิจของพระพุทธเจ้า ภิกษุณีได้ถือกำเนิดขึ้น การอนุญาตให้สตรีบวชในศาสนานับเป็นประเด็นที่อ่อนไหวอย่างมากในเชิงวัฒนธรรมและความรู้สึกของประชาชนในสมัยนั้น เนื่องจากวัฒนธรรมอินเดียโบราณยังไม่เคยอนุญาตให้นักบวชหญิงมีในศาสนาและถือว่าผู้หญิงเป็นสมบัติของผู้ชาย

ด้วยเหตุนี้ พระพุทธเจ้าจึงทรงยับยั้งการบวชของพระนางมหาปชาบดีโคตมีถึง 3 ครั้ง จนกระทั่งพระอานนท์ทูลเหตุผลว่า ผู้หญิงก็มีศักยภาพที่จะบรรลุธรรมเป็นพระอรหันต์ได้ พระพุทธองค์จึงทรงอนุญาต พระนางมหาปชาบดีโคตมีจึงทรงเป็น "ภิกษุณีรูปแรกในพระพุทธศาสนา"

การเกิดขึ้นของภิกษุณีถือเป็นจุดเปลี่ยนครั้งสำคัญภายในคณะสงฆ์และสังคมวัฒนธรรมอินเดีย ซึ่งนำไปสู่การปรับตัวด้านการบริหารจัดการของภิกษุสงฆ์ครั้งใหญ่

ภาพประกอบข่าว

"แม่ชี" ผู้ถือศีลในร่มแห่งธรรม

เมื่อคณะภิกษุณีสงฆ์ในสายเถรวาทประสบปัญหาขาดช่วงและสูญสิ้นไปจากภัยสงครามและความไม่มั่นคงทางการเมืองในภายหลังพุทธปรินิพพาน "แม่ชี" จึงถือกำเนิดขึ้นมาทดแทน ด้วยพลังศรัทธาของสตรีที่ต้องการปฏิบัติธรรม แม่ชีคือสตรีผู้ครองเพศบรรพชิตด้วยการนุ่งขาวห่มขาว และถือศีล 8 หรือ 10 ข้อ

อย่างไรก็ตาม สถานะของแม่ชีนั้นถือเป็นอุบาสิกาหรือคฤหัสถ์ผู้ถือศีล ไม่ใช่ "นักบวชโดยสมบูรณ์" เหมือนสามเณรี หรือภิกษุณี เนื่องจากไม่ได้ผ่านพิธีบรรพชาอย่างเป็นทางการ แม่ชีส่วนใหญ่อาศัยอยู่ในวัดและปฏิบัติธรรม

"สามเณรี" ก้าวแรกสู่เส้นทางแห่งนักบวชหญิง

บทบาทของสามเณรีนั้นถือกำเนิดขึ้นควบคู่มากับการที่พระพุทธเจ้าทรงอนุญาตให้สตรีบวชเป็นภิกษุณีได้นั่นเอง ตามพระวินัยแล้ว สตรีจะต้องผ่านการบวชเป็นสามเณรีก่อน เพื่อถือศีล 10 ข้อให้บริสุทธิ์ หลักฐานจากคัมภีร์ยังชี้ให้เห็นว่า ในช่วงเวลาเพียง 6 พรรษาหลังการตรัสรู้ ก็มีสามเณรีปรากฏอยู่ในพระพุทธศาสนาเป็นจำนวนมากแล้ว

คุณสมบัติเบื้องต้นและศีล 10 ข้อ สำหรับสตรีผู้ที่ประสงค์จะบวชเป็นสามเณรีนั้น โดยทั่วไปต้องมีอายุมากพอที่จะดูแลตนเองได้ (ราว 7-8 ปีขึ้นไป) และที่สำคัญคือต้องได้รับอนุญาตจากบิดามารดาหรือสามีเสียก่อน เมื่อเข้าสู่พิธีบรรพชาแล้ว สามเณรีจะต้องสมาทานถือศีล 10 ข้อ ซึ่งเป็นข้อปฏิบัติชุดเดียวกันกับสามเณรชายทุกประการ

จุดแตกต่างที่สำคัญเริ่มต้นที่ขั้นตอนการอุปสมบทเพื่อเป็นภิกษุณี ไม่ว่าผู้หญิงจะอายุเท่าใดก็ตาม หากต้องการบวชเป็นภิกษุณี จะต้องเริ่มต้นจากการเป็นสามเณรีก่อน ผ่านการเป็น "สิกขมานา" (ผู้ถือศีล 6 ข้ออย่างเคร่งครัดเป็นเวลา 2 ปี) แล้วจึงจะสามารถอุปสมบทเป็นภิกษุณีได้

ต่างจากฝ่ายชายที่หากอายุเกิน 20 ปี ก็สามารถบวชเป็นพระภิกษุได้ทันที สตรีที่มีอายุ 20 ปี หรือเคยมีครอบครัวมาแล้ว แม้มีอายุ 12 ปี ก็สามารถบวชเป็นสิกขมานาได้เลย แต่สามเณรีที่อายุไม่ถึง 20 ปี และยังไม่ผ่านการแต่งงานมาก่อนนั้น ต้องรอถึงอายุครบ 18 ปีก่อน จึงจะขอสิกขาสมมติจากภิกษุณีสงฆ์เพื่อเป็นสิกขมานาได้

ภาพประกอบข่าว

การฟื้นฟูการบวชสตรีสายเถรวาท

ในยุคปัจจุบันมีการบวชสตรีสายเถรวาทกลับมาอีกครั้ง โดยมีจุดเริ่มต้นครั้งประวัติศาสตร์ที่ประเทศศรีลังกาในปี พ.ศ.2514 ซึ่งได้มีการฟื้นฟูคณะภิกษุณีสงฆ์เถรวาทขึ้นอีกครั้ง สำหรับประเทศไทย การกลับมาของนักบวชหญิงเริ่มต้นจากสายมหายานโดย ภิกษุณีวรมัย กบิลสิงห์ และในสายเถรวาทโดย ดร.ฉัตรสุมาลย์ กบิลสิงห์ (ปัจจุบันคือ พระภิกษุณีธัมมนันทา) ซึ่งท่านได้เดินทางไปบรรพชาเป็นสามเณรีที่ศรีลังกาเมื่อปี พ.ศ.2544 และอุปสมบทเป็นภิกษุณีในอีก 2 ปีต่อมา ถือเป็นการจุดประกายความหวังให้กับการบวชสตรีในไทยอีกครั้ง

สาเหตุจากการสิ้นสุดของภิกษุณีสงฆ์สายเถรวาท ที่ได้ขาดช่วงและสูญสิ้นไปประมาณพุทธศตวรรษที่ 17 สาเหตุมีหลายประการ เช่น ภัยสงคราม, ความไม่มั่นคงทางการเมือง, ข้อจำกัดในการขยายตัวของภิกษุณี, ข้อกำหนดที่ปวัตตินีสามารถบวชภิกษุณีได้เพียง 1 รูป ทุก 2 ปี และภิกษุณีไม่ได้รับอนุญาตให้รอนแรมจาริกไปในที่ต่าง ๆ ได้เหมือนภิกษุ การขาดแคลนภิกษุณีผู้เป็นอุปัชฌาย์จึงทำให้การบวชยุติลง

ขณะที่ในสายมหายาน เช่น จีน, ไต้หวัน, เกาหลี, เวียดนาม การสืบทอดคณะภิกษุณีสงฆ์ไม่เคยขาดสาย ทำให้การบวชสามเณรีและภิกษุณียังคงดำเนินไปได้อย่างต่อเนื่องและเป็นที่ยอมรับในสังคมมาจนถึงปัจจุบัน

ภาพประกอบข่าว

"ภิกษุณี" ผู้สมบูรณ์ในพระธรรมวินัย

ภิกษุณี หมายถึง พระผู้หญิง หญิงผู้ที่ได้อุปสมบทแล้วอย่างถูกต้องตามหลักของพระพุทธศาสนาเถรวาท ภิกษุณีรักษาศีล 311 สิกขาบท จำนวนสิกขาบทของภิกษุณีมีมากกว่าภิกษุ ซึ่งมี 227 สิกขาบท

พัฒนาการการบวชภิกษุณีในสมัยพุทธกาล

"ครุธรรมปฏิคคหณูปสัมปทา" เป็นการบวชโดยการรับ ครุธรรม 8 ประการ พระพุทธเจ้าทรงอนุญาตวิธีนี้แก่พระนางมหาปชาบดีโคตมีเป็นรูปแรก ครุธรรม 8 ประการนี้ เป็นข้อกำหนดที่ต้องรักษาตลอดชีวิต จุดประสงค์ของการบัญญัติครุธรรมคือ เพื่อความมั่นคงของพระศาสนา ส่งเสริมการบรรลุคุณธรรมของภิกษุณี และป้องกันอันตรายแห่งพรหมจรรย์

ครุธรรม 8 ประการ ได้แก่

  • แม้บวชมานานนับร้อยปีก็ต้องกราบไหว้ภิกษุ แม้บวชในวันนั้น
  • ต้องจำพรรษาอยู่ในวัดที่มีภิกษุ
  • ต้องไปถามวันอุโบสถและรับฟังโอวาทจากภิกษุทุกกึ่งเดือน
  • ต้องปวารณาในสงฆ์ 2 ฝ่ายหลังจำพรรษาแล้ว
  • ต้องประพฤติมานัตในสงฆ์ 2 ฝ่ายเมื่อต้องอาบัติหนัก
  • ต้องเป็นสิกขมานา 2 ปี ก่อนจึงขออุปสมบทในสงฆ์ 2 ฝ่ายได้
  • ต้องไม่บริภาษด่าว่าภิกษุไม่ว่ากรณีใด ๆ
  • จะว่ากล่าวตักเตือนภิกษุไม่ได้ แต่ภิกษุว่ากล่าวตักเตือนได้

ภาพประกอบข่าว

"ญัตติจตุตถกัมมูปสัมปทา" (จากภิกษุสงฆ์ฝ่ายเดียว) เป็นการบวชด้วยการสวดกรรมวาจา 4 ครั้ง พระพุทธเจ้าทรงอนุญาตให้ภิกษุสงฆ์บวชภิกษุณีได้ กลุ่มพระนางสากิยานี (500 คน) ที่ติดตามพระนางมหาปชาบดีโคตมีมา ได้รับการบวชด้วยวิธีนี้

"อัฏฐวาจิกาอุปสัมปทา" (จากสงฆ์ 2 ฝ่าย) เป็นการบวชด้วยการสวดกรรมวาจา 8 ครั้ง คือสิกขมานาต้องอุปสมบทในภิกษุณีสงฆ์ก่อน แล้วจึงไปอุปสมบทในภิกษุสงฆ์ จึงจะสมบูรณ์ การบวชแบบนี้เกิดขึ้นหลังจากปัญหาต่าง ๆ เช่น ภิกษุณีบางรูปไม่มีเครื่องหมายเพศ หรือมีประจำเดือนไม่หยุด ทำให้พระพุทธองค์อนุญาตให้สอบถามอันตรายิกธรรม 24 ข้อก่อน

"ทูเตนอุปสัมปทา (บวชผ่านทูต)" วิธีนี้มีขึ้นสำหรับพระอัฑฒกาสีเพียงรูปเดียว เนื่องจากมีอันตรายระหว่างทาง ทำให้ไม่สามารถเดินทางไปบวชกับภิกษุสงฆ์ได้ โดยทูตที่ไปขออุปสมบทแทนจะต้องเป็นภิกษุณีเท่านั้น

การบริหารจัดการบทบาทระหว่าง ภิกษุ-ภิกษุณี

การปกครองสงฆ์ทั้งภิกษุสงฆ์และภิกษุณีสงฆ์ในสมัยพุทธกาล ยึดหลักพระธรรมวินัยเป็นสำคัญ พระพุทธเจ้าทรงเป็นประธาน และมีการบริหารจัดการแบ่งเป็นหมู่คณะ บทบัญญัติสิกขาบทสำหรับภิกษุณีมี 2 กลุ่มหลัก:

  • อสาธารณบัญญัติ (130 ข้อ) ที่ทรงบัญญัติเฉพาะสำหรับภิกษุณีสงฆ์

  • สาธารณบัญญัติ (181 ข้อ) ที่ทรงบัญญัติให้ภิกษุสงฆ์และภิกษุณีสงฆ์พึงรักษาเหมือนกัน

  • ด้านการปกครอง

พระพุทธเจ้าทรงปกครองภิกษุณีผ่านการบัญญัติครุธรรมและสิกขาบท ภิกษุมีบทบาทโดยตรงในการปกครองภิกษุณี เปรียบเสมือนพี่น้อง ภิกษุทำหน้าที่เป็นสื่อกลางในการบอกสิกขาบท ระงับอธิกรณ์ (คดีความ) และดูแลความปลอดภัยของภิกษุณี ภิกษุณีต้องเคารพภิกษุ แม้ภิกษุนั้นบวชในวันเดียวกัน

จุดประสงค์หลักของการที่ภิกษุเข้ามากำกับดูแลภิกษุณี คือ เพื่อความปลอดภัยของภิกษุณีเอง เช่น กรณีสตรีถูกข่มขืน เพื่อระงับอธิกรณ์ที่ภิกษุณีไม่สามารถระงับกันเองได้ และเพื่ออนุเคราะห์ด้านการศึกษา อย่างไรก็ตาม ภิกษุณีก็ปกครองกันเองได้ในบางเรื่อง เช่น การยกปาติโมกข์ขึ้นแสดง

  • ด้านการเกื้อกูลปัจจัย 4

ทั้งภิกษุและภิกษุณีต้องอาศัยพึ่งพากันในเรื่องจีวร, บิณฑบาต (อาหาร), เสนาสนะ (ที่พัก), และคิลานเภสัช (ยารักษาโรค) การที่พระพุทธองค์ทรงบัญญัติสิกขาบททั้งข้อห้ามและข้ออนุญาต ในการเกื้อกูลกันนั้น ก็เพื่อป้องกันการคลุกคลีที่ไม่เหมาะสมซึ่งอาจก่อให้เกิดข้อครหา และเพื่อรักษาศรัทธาของประชาชน เช่น พระพุทธเจ้าทรงห้ามภิกษุรับจีวรจากมือภิกษุณีที่ไม่ใช่ญาติ ในบางกรณี ภิกษุได้รับอนุญาตให้นำเสนาสนะที่ตนมีมากไปให้ภิกษุณีใช้ชั่วคราวได้

  • ด้านการศึกษาไตรสิกขา

ไตรสิกขาคือการฝึกฝนพัฒนาตน ประกอบด้วย ศีล สมาธิ ปัญญา ภิกษุมีหน้าที่รับธุระในการสั่งสอนภิกษุณีทั้งเรื่องวินัยและธรรมะจากพระพุทธเจ้า ภิกษุผู้ให้โอวาทจะต้องได้รับอนุมัติจากคณะสงฆ์ และมีคุณสมบัติที่เหมาะสม ภิกษุณีต้องไปถามอุโบสถและรับโอวาทจากภิกษุสงฆ์ทุกกึ่งเดือน

  • ด้านการทำสังฆกรรม

สังฆกรรมคือกิจกรรมที่สงฆ์พึงกระทำร่วมกันเพื่อความสามัคคี การบวชภิกษุณีสมบูรณ์ได้ต้องผ่านพิธีในสงฆ์ 2 ฝ่าย คือ ภิกษุณีสงฆ์และภิกษุสงฆ์ ภิกษุณีเมื่อต้องอาบัติหนักต้องประพฤติปักขมานัต (มานัต 15 ราตรี) และขออัพภาน (การเรียกเข้าหมู่) จากภิกษุสงฆ์ 20 รูป การปวารณา (การยอมให้ขอหรือว่ากล่าวตักเตือน) ก็ต้องทำในสงฆ์ 2 ฝ่ายเช่นกัน สิ่งเหล่านี้แสดงถึงความสัมพันธ์ที่ต้องพึ่งพิงกันและกันเพื่อความสงบสุขในการประพฤติพรหมจรรย์

ภาพประกอบข่าว

  • ด้านการเผยแผ่

ภิกษุณีมีบทบาทสำคัญในการเผยแผ่พระพุทธศาสนา พระพุทธเจ้าทรงยกย่องภิกษุณีผู้เป็นธรรมกถึก (ผู้แสดงธรรม) เช่น พระธัมมทินนาเถรี ภิกษุณีปฏาจาราเถรีมีลูกศิษย์จำนวนมากและเป็นผู้สอนธรรม แม้จะไม่มีหลักฐานการเผยแผ่ร่วมกันระหว่างภิกษุและภิกษุณีในพระไตรปิฎกโดยตรง แต่ในสมัยพระเจ้าอโศกมหาราชมีการส่งทั้งพระมหินทเถระ (ภิกษุ) และพระสังฆมิตตาภิกษุณีไปเผยแผ่พระศาสนาที่ศรีลังกา ภิกษุณีมีข้อจำกัดในการเดินทางท่องเที่ยวเหมือนภิกษุ เนื่องจากมีภัยอันตรายรอบด้าน แต่ก็สามารถรับรองและสอนธรรมแก่ผู้ที่เข้ามาหาได้

  • ด้านการเกื้อกูลอุบาสก-อุบาสิกา

ทั้งภิกษุและภิกษุณีได้นำคำสอนของพระพุทธเจ้าไปเผยแผ่ต่ออุบาสกและอุบาสิกา เพื่อเกื้อกูลชาวโลกให้พ้นทุกข์และเป็นประโยชน์สุขแก่สังคมโดยรวม ตัวอย่างเช่น พระภิกษุณีปุณณาเถรี ที่สนทนากับพราหมณ์ผู้เข้าใจผิดเรื่องการอาบน้ำชำระบาป จนทำให้พราหมณ์เกิดความเข้าใจที่ถูกต้อง

แม่ชี สามเณรี และภิกษุณี ล้วนมีบทบาทสำคัญในการดำรงและเผยแผ่พระพุทธศาสนา แม้สถานะและข้อปฏิบัติจะแตกต่างกันไปตามบริบททางประวัติศาสตร์และวินัยบัญญัติ แต่ทุกท่านล้วนเป็นผู้ที่มุ่งมั่นในเส้นทางแห่งการปฏิบัติธรรมและการแสวงหาความหลุดพ้น. การทำความเข้าใจในบทบาทเหล่านี้ช่วยให้เราเห็นภาพที่สมบูรณ์ของพุทธบริษัท 4 และคุณค่าของการปฏิบัติธรรมสำหรับสตรีในพุทธศาสนา

รู้หรือไม่ : การบวชสามเณรีจะต้องมีพระภิกษุณีผู้มีพรรษาอย่างน้อย 12 พรรษาขึ้นไปมาทำหน้าที่เป็น "ปวัตตินี" (พระอุปัชฌาย์ฝ่ายหญิง)

แหล่งข้อมูล : Bhikkhuni - ordination controversy in Theravada Buddhism, Maechi, ศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างภิกษุและภิกษุณี ในคัมภีร์พระพุทธศาสนาเถรวาท

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...

ล่าสุดจาก Thai PBS

วิดีโอ

จับตา "ปรินซ์ โฮลดิง กรุ๊ป" บ.จีนในกัมพูชา เกี่ยวโยงสแกมเมอร์ ?

41 นาทีที่แล้ว
วิดีโอ

พบชาวต่างชาติ "ซุกงู" ซ่อนกางเกงใน เตรียมบินไปศรีลังกา

43 นาทีที่แล้ว
วิดีโอ

เอกชนห่วงเจรจาภาษีสหรัฐฯ ไทยอาจถูกกดดันหนัก

1 ชั่วโมงที่ผ่านมา

เพาะพันธุ์เชิงเศรษฐกิจ กรมอุทยานฯ กำหนดราคาขาย "เหี้ย" ตัวละ 500 บาท

1 ชั่วโมงที่ผ่านมา

วิดีโอแนะนำ

ข่าว ไลฟ์สไตล์ อื่น ๆ

ข่าวและบทความยอดนิยม

แม่ชี-สามเณรี-ภิกษุณี รู้จักเส้นทางธรรม "สตรี" ในพุทธศาสนา

Thai PBS

จ่อทิ้งร้าง! “ท่าเรือ-พิพิธภัณฑ์ 007” จ.พังงา จังหวัดของบฯ สร้าง โบ้ยให้ท้องถิ่นดูแล

Thai PBS

นักดาราศาสตร์ค้นพบ "3I/ATLAS" วัตถุจากนอกระบบสุริยะดวงที่ 3

Thai PBS
ดูเพิ่ม
Loading...