ครม.ไฟเขียวภาษีเพื่อหนุน Soft Power ด้านศิลปะ
สำนักข่าวไทย Online
อัพเดต 19 สิงหาคม 2568 เวลา 23.36 น. • เผยแพร่ 1 ชั่วโมงที่ผ่านมา • สำนักข่าวไทย อสมททำเนียบฯ 19 ส.ค. – ครม. ออกมาตรการภาษีหนุนการซื้องานศิลปะ ไม่เกิน 100,000 บาท และสนับสนุนผู้สร้างสรรค์งานศิลปะ ผลักดัน Soft Power ไทย
นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ตามที่รัฐบาลมีนโยบายที่จะส่งเสริม Soft Power ของประเทศ กระทรวงการคลังได้สนองนโยบายดังกล่าวด้วยการนำเสนอมาตรการภาษี 2 มาตรการดังนี้
มาตรการแรก มาตรการภาษีเพื่อสนับสนุนการซื้องานศิลปะ ให้ผู้มีเงินได้หักลดหย่อนค่าซื้องานศิลปะด้านทัศนศิลป์ตามจำนวนที่จ่ายจริง แต่ไม่เกิน 100,000 บาทในแต่ละปีภาษี สำหรับการซื้องานศิลปะด้านทัศนศิลป์ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2568 ถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2570 โดยต้องซื้อจากศิลปินแห่งชาติ สาขาทัศนศิลป์ ศิลปินศิลปาธร สาขาทัศนศิลป์ หรือศิลปินที่ได้ขึ้นทะเบียนศิลปินกับสำนักงานศิลปวัฒนธรรมร่วมสมัย หรือซื้อจากบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล รวมถึงมูลนิธิหรือสมาคมที่จำหน่ายงานศิลปะหรือจัดประมูลงานศิลปะ เฉพาะงานศิลปะที่จัดทำหรือสร้างสรรค์โดยศิลปินข้างต้น ทั้งนี้ ผู้มีเงินได้ต้องมีหลักฐานเป็นใบกำกับภาษีแบบเต็มรูปหรือใบรับ พร้อมหลักฐานแสดงรายละเอียดงานศิลปะ
มาตรการที่สอง มาตรการภาษีเพื่อสนับสนุนศิลปินผู้สร้างสรรค์งานศิลปะ ให้ศิลปินผู้มีเงินได้ตามมาตรา 40 (6) แห่งประมวลรัษฎากรที่เป็นเงินได้จากวิชาชีพอิสระประณีตศิลปกรรมหักค่าใช้จ่ายเป็นการเหมาได้เพิ่มขึ้นจากร้อยละ 30 เป็นร้อยละ 60 ตั้งแต่ปีภาษี 2568 เป็นต้นไป เป็นการถาวร โดยไม่กำหนดประเภทศิลปิน
นายจุลพันธ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า มาตรการภาษีเพื่อสนับสนุนการซื้องานศิลปะจะช่วยให้การซื้อขายงานศิลปะในประเทศไทยเพิ่มมากขึ้นไม่น้อยกว่าปีละ 100 ล้านบาท ส่งเสริมให้ศิลปินผลิตงานศิลปะเพิ่มมากขึ้น และผลักดันให้มีการจัดแสดงงานศิลปะระดับประเทศและระดับนานาชาติในประเทศไทยเพิ่มมากขึ้น ซึ่งจะส่งผลให้การท่องเที่ยวในประเทศไทยขยายตัวมากขึ้นตามไปด้วย ขณะที่มาตรการภาษีเพื่อสนับสนุนผู้สร้างสรรค์งานศิลปะจะช่วยบรรเทาภาระภาษีและสร้างแรงจูงใจให้ศิลปินผลิตงานศิลปะเพิ่มมากขึ้น ซึ่งจะส่งผลให้มูลค่าของอุตสาหกรรมสร้างสรรค์และทุนทางวัฒนธรรมของประเทศไทยเพิ่มมากขึ้นตามไปด้วย โดยรวมแล้วการออกมาตรการภาษีทั้ง 2 มาตรการนี้จะทำให้ประเทศไทยมี Soft Power ด้านศิลปะในระดับโลก”.-515 -สำนักข่าวไทย