รบเขมรภาค 2 กองทัพไทย-คนไทยพร้อม !?
เมืองไทย 360 องศา
เชื่อว่านาทีนี้คนไทยจำนวนมากรู้สึกอึดอัดและหมั่นใส้มากขึ้นเรื่อยๆกับความเคลื่อนไหวของกัมพูชา ตั้งแต่ระดับผู้นำลงมา และที่สำคัญความรู้สึกดังกล่าวน่าจะมาจากฝ่ายไทยที่ยัง “อารมณ์ค้าง” กับการสู้รบคราวก่อน ที่เหมือนกับว่า “กำลังรุกไล่ฝ่ายตรงข้ามใกล้จนมุมแล้วแต่ดันหมดยกเสียก่อน” อะไรประมาณนั้น ดังนั้นอารมณ์จึงอยากชกอีกรอบเอาให้ชัดกันไปเลย
เพราะเวลานี้ ยังมีอีกบางพื้นที่ที่ต้องยอมรับว่ากองทัพไทยยังยึดกลับมาไม่ได้แบบเบ็ดเสร็จร้อยเปอร์เซ็นต์ เช่น ที่ช่องอานม้า ปราสาทตาควาย รวมไปถึงพื้นที่บริเวณบ้านหนองจาน อำเภอโคกสูง จังหวัดสระแก้ว ที่เวลานี้ทางกัมพูชาได้รุกล้ำเข้ามาตั้งถิ่นฐานกันแบบถาวร มาตั้งแต่ปี 2520 ในช่วงที่เกิดการสู้รบในประเทศกัมพูชา และมีประชาชนหลบหนีเข้ามา และฝ่ายไทย อนุญาตให้ตั้งเป็นค่ายผู้ลี้ภัย แต่เมื่อสงครามสงบยังมีชาวกัมพูชาบางส่วนไม่ยอมกลับประเทศ แต่กลับขยายสร้างเป็นชุมชนอาศัยกันแบบถาวร พร้อมทั้งอ้างว่าเป็นพื้นที่ของกัมพูชาเสียอีก
อย่างไรก็ดี ในช่วงการสู้รบที่ผ่านมา ขณะที่ในพื้นที่กองทัพภาคที่ 2 มีการสู้รบกันอย่างรุนแรง และทหารไทยสามารถรุกไล่ทหารกัมพูชาออกพ้นพื้นที่ได้ถึง 11 จุดสำคัญ ขณะที่ในพื้นที่กองทัพภาคที่ 1 แม้ว่าจะไม่ค่อยมีเหตุการณ์สู้รบรุนแรง แต่ก็เกิดคำถามว่า ทำไมไม่ฉวยโอกาสผลักดันชาวกัมพูชาออกไปให้พ้นจากเขตแดนไทย และเห็นได้จากการล้อมรั้วลวดหนามที่ถูกตั้งข้อสังเกตว่า ยังขึงอยู่หลังแนวหลักเขตไทยเสียอีกจนถูกคนไทยวิจารณ์กันอย่างรุนแรง โดยเฉพาะกับ แม่ทัพภาคที่1 พล.ท.อมฤต บุญสุยา ทำนองว่า “รบไม่เต็มกำลัง” พร้อมถูกตั้งข้อสงสัยว่า มีเบื้องหลังอะไรหรือไม่ ทำให้เสียเครดิตอย่างมาก เมื่อเปรียบเทียบกับบทบาทของ แม่ทัพภาคที่ 2 พล.ท.บุญสิน พาดกลาง ที่มีการชี้แจง มีการพบปะทำความเข้าใจกับมวลชนตลอดเวลา จนได้รับการชื่นชมอย่างมาก กลายเป็น “ฮีโร่” ของคนไทยในเวลานี้
สำหรับสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา เวลานี้ยังไว้ใจไม่ได้ เนื่องจากยังพบการเคลื่อนกำลังทหาร และยุทโธปกรณ์ของฝ่ายกัมพูชาเข้ามาประชิดอย่างต่อเนื่อง ทำให้ล่าสุดเมื่อวันที่ 19 สิงหาคมที่ผ่านมา มีการอพยพคนแก่ ผู้ป่วยติดเตียง และเด็กจำนวนรวมกันประมาณ 3-400 คน เข้ามาพักอาศัยในศาลาวัด เพื่อความปลอดภัยกันแล้ว
มีรายงานที่อำเภอกาบเชิง จังหวัดสุรินทร์ ว่าทหารไทยพบความเคลื่อนไหวของฝ่ายทหารกัมพูชา มีการเคลื่อนกำลังพล และยุทโธปกรณ์ต่างๆ เข้ามาประชิดชายแดนอย่างต่อเนื่อง โดยที่กัมพูชาไม่สนใจข้อตกลงการเจรจาหยุดยิงและห้ามเคลื่อนกำลังพลต่างๆ ทำให้ประชาชนในพื้นที่ไม่มั่นใจในสถานการณ์ดังกล่าว ที่มีโอกาสสูงจะเกิดการสู้รบอีกรอบและประชาชนต้องอพยพอีกเป็นรอบที่ 2 จึงพากันนำผู้สูงอายุ ผู้ป่วยและเด็กเล็ก อพยพไปพักอาศัยอยู่ที่วัด ในพื้นที่ปลอดภัยไว้ล่วงหน้าก่อน โดยไม่รอประกาศให้อพยพจากทางราชการดังกล่าว
พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 กล่าวภายหลังพิธีมอบความช่วยเหลือทหารที่บาดเจ็บ รวมทั้งเสริมสร้างความมั่นคงของฐานที่มั่นในการปกป้องอธิปไตย จากเหตุการณ์ปะทะตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ว่า รู้สึกชื่นชมและดีใจที่ประเทศชาติเราเป็นอย่างนี้ คนไทยไม่ทิ้งกัน เหตุการณ์ตลอดแนวชายแดนเกือบ 1000 กิโลเมตร มีหลายเหตุการณ์ ลูกหลานทหารพยายามทำให้ดีที่สุด
ทั้งนี้การสูญเสียพวกเราป้องกันอย่างเข้มงวดทุกระดับชั้น แต่การเข้าตีบางอย่างเราเป็นฝ่ายรุกอาจมีเหตุที่พวกเราบาดเจ็บบ้าง
“พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงห่วงใยทหารทุกนายที่ได้รับผลกระทบ การปฏิบัติด้านยุทธการครั้งนี้ พระองค์ทรงรับเป็นคนไข้ในพระบรมราชานุเคราะห์ทั้งหมด”
แม่ทัพภาคที่ 2 กล่าวอีกว่า ขอขอบคุณสิ่งของที่มอบให้ในวันนี้ จะนำไปใช้กับน้องๆ ที่อยู่หน้าแนวตามวัตถุประสงค์ ที่ทุกท่านได้มอบให้โดยด่วน ซึ่งบางครั้งงบประมาณราชการ กองบัญชาการกองทัพไทย กองทัพบก รัฐบาล ได้มอบให้เพียงพอ แต่บางรายการนั้นเร่งด่วน รอการจัดหาตามช่วงเวลาไม่ทัน จึงต้องขอบคุณทุกท่านที่สอบถามไปยังหน่วย
“ช่วงนี้สถานการณ์ยัง 50-50 ตามภาพข่าว ประเทศเขมร ก็เป็นไปตามที่เราเข้าใจ ไม่มีอะไรที่เราไว้ใจได้ ปัจจุบันกองทัพภาคที่ 2 โดยผู้บัญชาการทหารสูงสุด มีความห่วงใยได้ลงไปตรวจเยี่ยม เป็นประจำ รวมถึงผู้บัญชาการทหารบก ซึ่งเหล่าทัพมีความพร้อม ทั้งที่จะคุยกันแบบมิตรภาพ ถ้ามีเหตุจะปะทะกันอีก ก็พร้อม” แม่ทัพภาคที่ 2 กล่าว
แม่ทัพภาคที่ 2 กล่าวอีกว่า ขอให้พี่น้องทุกท่านสบายใจในการปฏิบัติของทหารเรา หวังว่าเหตุการณ์พวกนี้จะยุติโดยเร็ว ปลายเดือน ส.ค.นี้ ตนจะประชุมอาร์บีซี กับแม่ทัพเขมร คงจะพูดคุยกันให้เข้าใจ เพื่อนำไปสู่การประชุมจีบีซีอีกรอบ จึงหวังว่าจะคุยกันเข้าใจ โดยทุกสิ่งทุกอย่างตั้งอยู่บนผลประโยชน์ของประเทศชาติเป็นหลัก พร้อมยืนยันว่า พวกเราพร้อมทำหน้าที่ ตามที่ทุกท่านส่งกำลังใจให้และฝากความหวังไว้ พวกเราจะทำให้ดีที่สุด
พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รมช.กลาโหม ในฐานะรักษาราชการแทน รมว.กลาโหม ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีกัมพูชาแสดงความไม่พอใจ และออกมาขัดขวางระหว่างไทยนำคณะผู้สังเกตการณ์ชั่วคราวอาเซียน (ไอโอที) ลงพื้นที่ช่องอานม้า จ.อุบลราชธานี โดยระบุไทยไม่แจ้งก่อน ว่า คงต้องค่อยๆ คุยกันไป เพราะเราตกลงกันแล้วตั้งแต่การประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (จีบีซี) ว่าจะนำไอโอทีลงไป ความตั้งใจของตนหลังจากการประชุมจีบีซีจะต้องมีการประชุมคณะกรรมการชายแดนภูมิภาค (อาร์บีซี) ต่อ รายละเอียดการปฏิบัติพื้นที่จะต้องเป็นผู้ลงรายละเอียด ที่ทั้งสองฝ่ายต้องมาคุยกันถึงรายละเอียดทั้ง 13 ข้อ ส่วนการที่ไอโอทีลงพื้นที่และทหารกัมพูชามาต่อว่านั้น ไม่เป็นไร ต้องคุยกัน เราอยากให้มีกลไกมาตรวจสอบทั้งสองฝ่าย เพื่อความแสดงความโปร่งใสและจริงใจ
ถามว่า สามารถรับมือกับการใช้จิตวิทยาของกัมพูชา ได้หรือไม่ พล.อ.ณัฐพล ยืนยันว่าต้องพยายามไม่ให้เกิดการยั่วยุและใช้อาวุธ แต่เราจะพยายามทำให้ดีที่สุด เพราะอย่างน้อยในอาเซียนกำลังเฝ้าดูกันอยู่ ผ่านการใช้กลไกไอโอที ซึ่งเราจะต้องไม่แสดงอาการว่าเป็นฝ่ายยั่วยุเสียเอง ต้องใช้ความอดทน แต่หากถึงจุดๆ หนึ่ง ก็ว่ากันอีกที
ดังนั้น เมื่อพิจารณาจากอารมณ์ของไทยที่แบบว่า “ไม่สุด” แบบนี้ ประกอบกับทางฝ่ายกัมพูชา ตั้งแต่ระดับผู้นำคือ นายฮุนเซน ลงมาที่มีการเคลื่อนไหวยั่วยุจนเพิ่มระดับความโกรธ ความเกลียดชังขึ้นสูงเรื่อยๆ รวมทั้งเวลานี้ตามแนวชายแดนยังพบความเคลื่อนไหวเสริมกำลัง เสริมอาวุธ เข้ามาประชิดไทย จนล่าสุดเมื่อวันที่ 19 สิงหาคมที่ผ่านมาชายแดนบริเวณ อำเภอกาบเชิง จังหวัดสุรินทร์ เริ่มมีการอพยพผู้สูงอายุ ผู้ป่วยติดเตียงและเด็กมาพักอาศัยชั่วคราวในที่ปลอดภัยแล้ว สถานการณ์เริ่มตึงเครียดขึ้นเรื่อยๆ ทำให้มีโอกาสการรบรอบสองอีกครั้งเป็นไปได้สูง !!
website : mgronline.com
facebook : MGRonlineLive
twitter : @MGROnlineLive
instagram : mgronline
line : MGROnline
youtube : MGR Online VDO