POP:
[บทความนี้มีการเปิดเผยสาระสำคัญของภาพยนตร์เรื่อง ‘The Fantastic Four: First Steps]
เชื่อว่าหลายคนคงได้ตีตั๋วเข้าไปรับชมหนังมาร์เวลเรื่องล่าสุด ‘The Fantastic Four: First Steps’ ในโรงภาพยนตร์กันเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และคงซาบซึ้งกับองก์สามของหนังที่ ‘ซู สตอร์ม’ (Sue Storm) บุคคลผู้เป็นแม่ยอมใช้พลังงานอย่างมหาศาล สละชีวิตให้ ‘แฟรงกลิน’ (Franklin) เพื่อให้บุตรคนแรกและเพียงคนเดียวของเธอรอดพ้นจากเงื้อมมือของศัตรูตัวฉกาจอย่าง ‘กาแล็กตัส’ (Galactus)
ยกตัวอย่างภาพยนตร์เรื่องอื่นๆ ในปลายยุค 90s อย่าง ‘Beloved’ (1998) จากผู้กำกับ ‘โจนาธาน เด็มเมอ’ (Jonathan Demme) ที่ว่าด้วยเรื่องของแม่ผู้พยายามปลิดชีวิตลูกของตนเอง เนื่องจากไม่ต้องการให้ลูกกลับไปเป็นทาสของใครหน้าไหน แต่ท้ายที่สุด แม่ก็เลือกที่จะสละชีวิตแทนลูกของตน เพราะไม่อยากให้ลูกต้องทนทุกข์กับระบบในยุคทาส
หรือแม้กระทั่งภาพยนตร์ในช่วงต้นศตวรรษที่ 21 อย่าง ‘The Mist’ (2007) จากผู้กำกับ ‘แฟรงก์ ดาราบอนต์’ (Frank Darabont) ที่ในช่วงต้นเรื่องมีแม่คนหนึ่งพยายามเรียกร้องขอความช่วยเหลือให้ส่งลูกของเธอกลับบ้านอย่างปลอดภัย แต่ก็ไม่มีใครที่จะกล้ายื่นมือเข้ามาช่วยเหลือเลยสักคน สุดท้ายแล้วเธอได้ตัดสินใจออกไปเผชิญหน้ากับสัตว์ประหลาดในโลกภายนอกด้วยตนเอง เพื่อให้ลูกของเธออยู่รอด ถึงแม้ต้องแลกกับชีวิตตัวเองก็ตาม
มาถึงตรงนี้ หากการเสียสละเป็นสิ่งที่ดีและมีบทบาทสำคัญในความคิดทางศีลธรรมของผู้คนจริงๆ แล้วเหตุใดสำหรับการแสดงความรักในโลกของภาพยนตร์นั้นถึงขั้นชีวิตต้องแลกด้วยชีวิตมาโดยตลอด? หรือว่าการสิ้นลมหายใจคือเพดานสูงสุดของการแสดงความรักกันแน่?
ในมุมมองทางปรัชญา จากบทวิจารณ์ของนักปรัชญาอย่าง‘ซูซาน วูล์ฟ’ (Susan Wolf) และ ‘เบอร์นาร์ด วิลเลียมส์’ (Bernard Williams) โต้แย้งว่าทฤษฎีศีลธรรมอันดีไม่ควรเรียกร้องให้ผู้คนต้องเสียสละมากเกินไป รวมถึงศีลธรรมแบบคลาสสิกสมัยใหม่ที่มักเรียกร้องการเสียสละมากเกินความจำเป็น ก็อาจทำให้จริยธรรมของคำว่าเสียสละในโลกของภาพยนตร์นั้นไม่สามารถหยิบมาใช้งานได้จริงในชีวิต
หรือจากบทความของ ‘เจ.โอ. เอิร์มสัน’ (J.O. Urmson) ในปี 1958 ที่กล่าวว่า การเสียสละเปรียบเสมือนการทำเกินหน้าที่ เช่น การช่วยเหลือชีวิตคนที่กำลังจะจมน้ำ จนตัวเองเสี่ยงไปด้วย หรือในอีกมุมมองหนึ่งของ ‘ลิซา เทสแมน’ (Lisa Tessman) ก็ได้พูดถึงภาวะที่เกิดความขัดแย้งทางค่านิยมว่า การเสียสละนั้นไม่มีคำว่า ‘ถูก’ หรือ ‘ผิด’ หากแต่สะท้อนถึงความคลุมเครือของคุณค่าที่มนุษย์ต้องตัดสินใจท่ามกลางความซับซ้อน
ทั้งนี้ หากพูดถึงคำว่า ‘เสียสละ’ ในบรรทัดฐานของสังคมทั่วไป หลักของการเสียสละถือว่าอยู่ในทุกระดับชั้น ซึ่งในการบำเพ็ญความเสียสละจะต้องเป็นความเสียสละที่ประกอบไปด้วยปัญญา กล่าวคือ ถ้าหากเป็นการช่วยเหลือที่ไม่สร้างความลำบากให้แก่ตนเอง การเสียสละก็อาจนับว่าเป็นสิ่งที่ดีอีกรูปแบบหนึ่ง
แต่เมื่อมองย้อนกลับมาที่โลกของภาพยนตร์ โดยเฉพาะหนังซูเปอร์ฮีโร่ ตัวละครผู้เป็นแม่มักจะยอมสละชีวิตเพื่อให้ลูกตนอยู่รอดเสมอ ซึ่งไม่ว่าจะผ่านมานานสักกี่ทศวรรษ ก็ดูเหมือนว่าเนื้อเรื่องลักษณะนี้จะยังคงอยู่เคียงข้างผู้ชมมาโดยตลอด
ดังนั้น การส่งสารของภาพยนตร์ด้วยการเสียสละชีวิตของแม่ อาจสะท้อนว่า ‘ความรักของแม่ยิ่งใหญ่เหนือสิ่งอื่นใด’ ได้ก็จริง แต่ในขณะเดียวกัน ภาพยนตร์ก็ยังคงสามารถถ่ายทอดความรักในรูปแบบการใช้ไหวพริบ การเอาชนะศัตรูด้วยกลยุทธ์ หรือแค่พลังใจที่แกร่งกล้าพอจะปราบศัตรูได้เช่นกัน
เพราะถ้าหากคิดถึงโลกของความเป็นจริง การเสียสละชีวิตของแม่ก็มีอีกด้านหนึ่งที่ไม่ควรมองข้ามเช่นกัน เพราะการที่แม่เสียสละชีวิตและปล่อยให้ลูกต้องทนทุกข์อยู่บนโลกคนเดียว อาจสร้างบาดแผลบางอย่างในใจ รวมถึงไม่แน่ว่ามันอาจจะดีกว่าถ้าเด็กได้เติบโตและเรียนรู้โดยมีแม่คอยอยู่เคียงข้างพวกเขา
แล้วเพื่อนๆ คิดเห็นอย่างไรกับวิธีแสดงความรักของแม่ในโลกภาพยนตร์ สามารถมาแลกเปลี่ยนกันได้เลยนะ!
อ้างอิง:
- Self-Sacrifice and Moral Philosophy https://shorturl.at/tq5N2