บันทึกหน้า 4
ต้องบอกว่าไม่ได้เห็นบ่อยๆ ที่ “ภูมิธรรม เวชยชัย” รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย และรักษาการนายกรัฐมนตรีถึงกับประกาศว่าจะให้ทนายความฟ้องกราวรูดที่วิเคราะห์วิจารณ์ในท่วงทำนองเข้าข้าง “กัมพูชา” และ “พ่อลูกตระกูลฮุน” แหม จะไม่ให้คนเข้านินทากาเลก็ใช่อยู่ เพราะตั้งแต่เกิดสถานการณ์ความไม่สงบตามชายแดนเป็นต้นมา ลองดูผลสำรวจความคิดเห็น หรือ ผลโพลแทบทุกสำนักก็เห็นพ้องตรงกันว่าเห็นชอบและเชื่อมั่นทหารและกองทัพ ส่วนของรัฐบาลนั้นก็ต้องบอกว่าคะแนนยี้มากกว่าเชื่อถือด้วยซ้ำไป …๐
ไม่น่าแปลกใจแต่ประกาศใดที่ “บิ๊กอ้วน” จะถูกวิจารณ์ในเรื่องดังกล่าว เพราะยามนี้ “ภูมิธรรม” สวมหัวโขนผู้นำประเทศอยู่ แล้วที่ชาวบ้านชาวช่อง รวมถึงสภากาแฟเขาหงุดหงิดเพราะ ดินแดนและอธิปไตยนั้นเป็นเรื่องยอมกันไม่ได้ แล้วที่สำคัญยังเป็นเรื่องสำคัญเบอร์หนึ่งด้วย แต่ “ภูมิธรรม” กลับไปไฟเขียวเรื่องการเล่นโป๊กเกอร์เอย การเช็กบิลที่ดินเขากระโดงเอย จึงไม่น่าแปลกที่สภากาแฟจะติฉินนินทา…๐
ที่สำคัญเขางงกันอย่างมากในสภาวะที่อาจเรียกได้ว่า “สงคราม” นั้น ทำไมรัฐบาลยังไม่ยอมตั้ง “รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม” เสียที มัวแต่เงื้อง่าราคาแพงอยู่นั่นแล เมื่อหลายเรื่องหลายราวผสมปนเปกันจึงทำให้เสียงด่ามากกว่าเสียงชมนั่นเอง ขนาด “เศรษฐา ทวีสิน” อดีตนายกรัฐมนตรียังต้องออกโรงมากระทุ้งการทำหน้าที่ของ รมว.กต. ที่ชื่อ “มาริษ เสงี่ยมพงษ์” หลายครั้งหลายคราผ่านเฟซบุ๊กในสัปดาห์นี้ ซึ่งต้องยอมรับว่าบทบาทของ กต.ในยุคมาริษ โดยเฉพาะยามหน้าสิ่วหน้าขวานนั้นอ่อนปวกเปียกเสียเต็มประดา โดยเฉพาะในเรื่องการชี้แจงหรือการแถลงข่าว ดูได้จากการแถลงการณ์ต่างๆ บนเว็บไซต์ กต.ในเรื่องชายแดน ก็มีตัวเลขผู้อ่านแค่ระดับร้อยหรือพันนิดๆ ทั้งที่เป็นเรื่องสำคัญ และหากพิเคราะห์ลึกลงไปอีก ตัวเลขชาวบ้านที่เข้าไปอ่านนั้นอาจมีเพียง 30% ที่เหลือ 70% เป็นสื่ออีกต่างหาก…๐
นอกจาก “มาริษ” ที่แทบเป็น รมว.กต.โลกลืมแล้ว อีกรายก็คงไม่มีใครเกิน “แพทองธาร ชินวัตร” นายกฯ และ รมว.วัฒนธรรม ที่ถูกสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่นายกฯ แต่เจ้าตัวกลับทำตัวเหมือนหยุดการทำหน้าที่ทุกอย่าง โดยเฉพาะการแสดงความคิดเห็น ซึ่งก็ไม่น่าแปลกใจแต่ประการใด เพราะยามนี้แสดงอะไรออกมาอาจปล่อยไก่ตัวเบ้อเร่อก็เป็นได้ เราจึงได้เห็นสำรวจล่าสุดจากเอยูโพลของมหาวิทยาลัยอัสสัมชัญที่สำรวจนักศึกษาปริญญาตรีทั่วประเทศ ซึ่งเสียงส่วนใหญ่ถึง 53.7% ระบุว่าเบื่อหน่ายและหมดศรัทธาการเมืองในปัจจุบัน ซ้ำร้าย 73.1% ของ Gen Z บอกมองไม่เห็นผลงานเด่นของรัฐบาลด้วยซ้ำ…๐
ไม่รู้ว่า “พรรคเพื่อไทย” และ “อุ๊งอิ๊ง” จะยังทู่ซี้ซื้อเวลารออะไรอยู่ แต่ที่แน่ๆ “วิสุทธิ์ ไชยณรุณ” สส.บัญชีรายชื่อและประธาน สส.พรรคเพื่อไทยในการประชุม สส.พรรคก่อนประชุมสภาผู้แทนราษฎรในการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2569 บอกว่าได้ยินกับหูยืนยันว่านายหญิงน้อยจะไม่ไขก๊อกแน่ ชาวบ้านได้ฟังต่างสะดุ้งโหยง ไม่รู้ว่าเป็นข่าวดีหรือข่าวร้ายกันแน่ เพราะชาวบ้านจำกันได้ว่า ตอนที่ศาลรัฐธรรมนูญสั่งให้ “แพทองธาร” หยุดปฏิบัติหน้าที่นั้นหุ้นดีดขึ้นติดต่อกันถึง 2-3 วันติดเลยทีเดียวเชียว …๐
พูดถึงงบประมาณจะไม่เอ่ยถึงการประชุมวันแรกในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ชุดที่ 26 ปีที่ 3 ครั้งที่ 11 (สมัยสามัญประจำปีครั้งที่หนึ่ง) เป็นพิเศษ ในการถกงบรายจ่ายปี 2569 เรียงมาตรา วงเงิน 3,780,600,000,000 บาท ก็กระไรอยู่ แม้จะเป็นพิธีกรรมแบบขอไปที แต่อย่าทำเป็นเล่นไป ในสภาวะที่เสียงรัฐบาลปริ่มน้ำแบบนี้อะไรพิสดารก็อาจเกิดขึ้นได้ และที่สำคัญหากกฎหมายงบประมาณไม่ผ่านขึ้นมารัฐบาลก็ต้องแสดงความรับผิดชอบแบบเต็มๆ ด้วย ทั้งนี้การอภิปรายก็น่าติดตามด้วย เพราะแทบไม่เคยได้ยินหรือเคยเห็นที่ สส.พรรคร่วมรัฐบาลอย่าง “จุติ ไกรฤกษ์” สส.บัญชีรายชื่อ พรรครวมไทยสร้างชาติ ถึงกับอภิปรายเตือนการใช้เงินแบบเศรษฐี โดยไม่ประเมินผลเลยว่าจะเป็นสิ่งที่อันตราย ในขณะที่ “วีระ ธีระภัทรานนท์” กมธ.ในสัดส่วนของพรรคประชาชนก็เตือนเรื่องความเสี่ยงวิกฤตการคลังเช่นกัน พร้อมทั้งเสนอให้เร่งแก้ไขงบผูกพัน อย่าให้พอกหางตัวเลขจนเกิดกับดัก …๐
พูดถึงเรื่องงบประมาณจะไม่พูดถึงเรื่องดอกเบี้ยก็กระไรอยู่ เพราะใน การประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ครั้งสุดท้ายในยุคของ “เศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ” ได้มีมติเป็นเอกฉันท์ให้ลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 0.25% ต่อปี จาก 1.75% เป็น 1.50% ต่อปี โดยให้มีผลทันที เรียกว่าเป็นการนำร่องก่อนการประชุม กนง.ครั้งต่อไปที่จะมีขึ้นในวันที่ 8 ต.ค.2568 ซึ่งเมื่อถึงวันนั้นก็จะถึงคิว “วิทัย รัตนากร” ที่จะเข้ามาทำหน้าที่ผู้ว่าฯ แบงก์ชาติคนใหม่แล้ว ซึ่งจะมีการลดหรือเพิ่มคงต้องติดตามกันต่อไป…๐.
ท.ศักดิ์