ศาลฮ่องกง สั่งชำระบัญชี China South City ดีเวลลอปเปอร์จีนรายใหญ่ หลังเจรจาหนี้ล้มเหลว
ผู้พิพากษาศาลสูงฮ่องกงมีคำสั่งให้ China South City Holdings เข้าสู่กระบวนการชำระบัญชี กลายเป็นดีเวลลอปเปอร์จีนรายใหญ่สุดที่ปิดกิจการนับแต่เอเวอร์แกรนด์ หลังเจรจาหนี้ล้มเหลว
วันที่ 11 สิงหาคม 2568 เวลา 09.35 น. สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า ศาลสูงฮ่องกงมีคำสั่งให้ China South City Holdings Ltd. ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่ของจีนเข้าสู่กระบวนการชำระบัญชี (liquidation) ทำให้บริษัทกลายเป็นผู้พัฒนาอสังหาฯ จีนที่มีสินทรัพย์มากที่สุดซึ่งถูกสั่งปิดกิจการนับตั้งแต่กรณีของ China Evergrande Group
คำตัดสินโดยผู้พิพากษาลินดา ชาน มีขึ้นหลังจาก China South City ไม่สามารถได้รับการสนับสนุนเพียงพอจากเจ้าหนี้ต่อข้อเสนอปรับโครงสร้างหนี้ แม้จะมีการเจรจาต่อรองกันมาหลายเดือน
คำสั่งชำระบัญชีครั้งนี้สะท้อนว่าปัญหาวิกฤตอสังหาริมทรัพย์ของจีนที่ยืดเยื้อมาหลายปียังคงสั่นคลอนอดีตยักษ์ใหญ่ในอุตสาหกรรม แม้รัฐบาลจีนจะพยายามอัดมาตรการพยุงภาคอสังหาฯ แต่ยอดขายบ้านยังคงซบเซา ทำให้การฟื้นตัวในระยะสั้นแทบเป็นไปไม่ได้
โดยแม้แต่ UBS Group AG ซึ่งเคยคาดการณ์ว่าจะเกิดการฟื้นตัว ก็ปรับมุมมองว่าการฟื้นตัวอาจล่าช้าออกไปหากปักกิ่งไม่ออกมาตรการกระตุ้นเพิ่มเติม
นับตั้งแต่เกิดวิกฤตในปี 2564 ศาลฮ่องกงได้ออกคำสั่งชำระบัญชีผู้พัฒนาอสังหาฯ จีนแล้วอย่างน้อย 6 ราย รวมถึงกรณีของ Evergrande ซึ่งเป็นหนึ่งในคดีที่ซับซ้อนที่สุดจากขนาดสินทรัพย์และจำนวนผู้มีส่วนได้ส่วนเสียมหาศาล
China South City มีความขัดแย้งกับเจ้าหนี้ในหลายประเด็น โดยในการพิจารณาคดีเมื่อเดือนพฤษภาคม เจ้าหนี้ต้องการให้ Shenzhen SEZ Construction and Development Group Co. ผู้ถือหุ้นรายใหญ่สุดของ China South City มีบทบาทมากขึ้นในการเจรหนี้ โดยเฉพาะการเข้าถึง หลี่ เหวินเซียง ประธานของ Shenzhen SEZ Construction ซึ่งดำรงตำแหน่งประธานร่วมของ China South City
โครงสร้างผู้ถือหุ้นของ China South City มีความคล้ายคลึงกับ China Vanke Co. ผู้พัฒนาอสังหาฯ รายใหญ่ของจีนที่ได้รับการสนับสนุนจากรัฐเมื่อต้นปีนี้ โดยมีหน่วยงานท้องถิ่นในเมืองเซินเจิ้นเป็นผู้นำ
ตามรายงานประจำปี ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2024 China South City มีหนี้สินรวมราว 6.09 หมื่นล้านดอลลาร์ฮ่องกง คำร้องขอชำระบัญชีกับ China South City ยื่นโดย Citicorp International Ltd. ซึ่งเป็นทรัสตีของพันธบัตรสกุลดอลลาร์ที่บริษัทออก
อ้างอิง : www.bloomberg.com