หลักทรัพย์บัวหลวงชี้ หุ้นไทยฟื้นไตรมาส4 หากการเมืองไม่รุนแรง
ตลาดหุ้นไทยในช่วง 7 เดือนแรกของปี 2568 เผชิญแรงกดดันต่อเนื่อง จนผลตอบแทนติดลบ 10.06% ปัจจัยรุมเร้า ตั้งแต่มาตรการภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ ความไม่แน่นอนทางการเมืองในประเทศ หนี้ครัวเรือนที่ยังสูง รวมถึงเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัว
ขณะที่มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจไทยยังไม่สามารถขับเคลื่อนเต็มที่ ส่งผลให้นักวิเคราะห์ทยอยปรับลดประมาณการเศรษฐกิจและกำไรบริษัทจดทะเบียนลง
นายชัยพร น้อมพิทักษ์เจริญ กรรมการผู้จัดการกิจการค้าหลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ บัวหลวง (BLS) เปิดเผยว่า ฝ่ายวิจัยปรับประมาณการกำไรต่อหุ้น (EPS) ปี 2568 ลงจาก 92 บาท เหลือ 82 บาทต่อหุ้น โดยมองว่า ไตรมาส 3 จะเป็นช่วงเศรษฐกิจไทยแตะระดับต่ำสุด
ดัชนี SET อาจปรับฐานสู่แนวรับ 1,150 จุด ก่อนเริ่มเห็นสัญญาณฟื้นในไตรมาส 4 หากความเสี่ยงการเมืองไม่รุนแรง ทั้งนี้เป้าหมายสิ้นปีประเมินไว้ที่ 1,280 จุด อ้างอิง EPS 82 บาท/หุ้น และค่า P/E เฉลี่ย 15.7 เท่า
แม้มาตรการภาษีสหรัฐฯ ถูกมองว่า ไม่กระทบรุนแรงกว่าคาด แต่สถานการณ์ทางการเมืองยังเป็นตัวแปรสำคัญ โดยเฉพาะวันที่ 29 สิงหาคม ที่ศาลรัฐธรรมนูญนัดวินิจฉัยคดีคลิปเสียง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กับสมเด็จฮุน เซน หากมีการเปลี่ยนตัวนายกรัฐมนตรีเชื่อว่า จะไม่กระทบตลาดมากนัก แต่หากยุบสภาอาจกดดันระยะสั้น
อย่างไรก็ตาม BLS มอง Downside ของหุ้นไทยมีจำกัด ระดับ 1,050–1,080 จุดเกิดขึ้นได้ยาก เนื่องจากใกล้เคียงวิกฤติใหญ่ในอดีตทั้ง “เลห์แมนบราเธอร์ส” และ “ต้มยำกุ้ง”
ด้านกลยุทธ์การลงทุน BLS แนะ “ทยอยสะสม” หุ้นกลุ่ม Global Play เช่น ปิโตรเคมี อิเล็กทรอนิกส์ และอาหารสัตว์ มูลค่าหุ้นต่ำกว่าค่าเฉลี่ยและเชื่อมโยงเศรษฐกิจโลก โดยเฉพาะผู้ผลิตอาหารสัตว์ BTG, TFG, GFPT และ CPF ซึ่งได้รับผลบวกจากต้นทุนข้าวโพดและถั่วเหลืองนำเข้าลดลง หนุนกำไรเพิ่มเฉลี่ย 13.7% ขณะที่กลุ่ม Domestic Play เช่น อสังหาริมทรัพย์ การก่อสร้าง ไฟแนนซ์เช่าซื้อ และสื่อ ยังถูกกดดันจากอุปสงค์ในประเทศที่ฟื้นช้า
ขณะเดียวกัน ปัจจัยต่างประเทศยังต้องติดตามแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่มีโอกาสชะลอตัว หากเงินเฟ้อเร่งขึ้นจากมาตรการภาษี อาจนำไปสู่การลดดอกเบี้ยของเฟด 1–2 ครั้ง รวม 0.50% ในครึ่งปีหลัง ขณะที่ธนาคารแห่งประเทศไทยมีแนวโน้มลดดอกเบี้ย 1 ครั้งในปีนี้ และอีกครั้งในปี 2569 ตามแนวโน้มเงินเฟ้อที่อยู่ระดับต่ำราว 1% ซึ่งจะเป็นแรงหนุนต่อตลาดการเงิน
นายพิริยพล คงวาณิช ผู้จัดการนักกลยุทธ์ปัจจัยพื้นฐาน บล.บัวหลวง เสริมว่า ช่วงครึ่งปีหลังเป็น “Reality Check” ของตลาดหุ้นไทย เศรษฐกิจและการเมืองยังมีความเสี่ยง แต่ก็ถือเป็นโอกาสสะสมหุ้นแบบ Selective
โดยคาดว่าไตรมาส 4 จะเริ่มเห็นการฟื้นตัวต่อเนื่องถึงปี 2569 ตั้งเป้าหมาย SET ที่ 1,400–1,450 จุด กลยุทธ์การลงทุนเปลี่ยนจาก Buy and Hold มาเป็นการเล่นรอบ และเพิ่มน้ำหนักหุ้นปันผลสูงเพื่อสร้างรายได้ประจำควบคู่กับพอร์ตการเติบโต
ธีมการลงทุนที่แนะนำ ได้แก่ Earning Play หุ้นที่งบไตรมาส 2 ไม่ต่ำกว่าคาดมาก และมีแนวโน้มกำไรไตรมาส 3 เติบโต เช่น GULF, ADVANC รวมถึงหุ้นที่เกี่ยวข้องดิจิทัล ดาต้าเซ็นเตอร์ และ AI เช่น DELTA, ITC และ COM7
ขณะที่ Global Play แนะนำปิโตรเคมีอย่าง PTTGC, SCC ที่ราคาต่ำกว่ามูลค่าและคาดฟื้นในไตรมาส 4 ตามเศรษฐกิจโลก ส่วนกลุ่มอสังหาฯ และการเงินยังเผชิญแรงกดดันจากหนี้ครัวเรือนสูงและ NPL
BLS ยังปรับน้ำหนักลงทุน “ตราสารหนี้” สูงกว่าปกติที่ 56% เพื่อรับประโยชน์จากดอกเบี้ยขาลง และควบคุมความผันผวนพอร์ต ขณะที่หุ้นให้สัดส่วน 48% และทองคำ 6% โดยการลงทุนในหุ้นแนะกระจายสู่ต่างประเทศ ทั้งสหรัฐฯ ญี่ปุ่น จีน เวียดนาม อินเดีย และไทย เพื่อกระจายความเสี่ยงและหาโอกาสในเศรษฐกิจที่ยังเติบโต
หน้า 13 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจฉบับที่ 4,124 วันที่ 21 - 23 สิงหาคม พ.ศ. 2568