ปะทะชายแดน ‘ไทย – กัมพูชา’ รัฐเยียวยา 404 ล้าน – สูงสุด 10 ล้าน/ราย
เมื่อวันที่ 6 สิงหาคม 2568 เวลา 16.00 น. นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เป็นประธานการประชุมเพื่อติดตามมาตรการช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ความไม่สงบบริเวณชายแดนไทย – กัมพูชา ณ ห้องประชุมชั้น 20 กระทรวงการคลัง
เช็คมาตรการแจกเงินเยียวยา 404 ล้านบาท จากเหตุ ‘สู้รบ’ บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา จ่ายสูงสุด 10 ล้านบาท ใครได้บ้าง?
หลังจากที่ประชุม ครม.วันที่ 5 สิงหาคม 2568 มีมติเห็นชอบมาตรการเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากกรณีเหตุการณ์สถานการณ์บริเวณชายแดนไทย – กัมพูชา ตามที่สภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) เสนอ โดยกำหนดหลักเกณฑ์การจ่ายเงินเยียวยาให้กับผู้ได้รับผลกระทบจากเหตุการปะทะระหว่างทหารไทย และทหารกัมพูชา บริเวณชายแดนไทย – กัมพูชา นับตั้งแต่วันที่ 16 กรกฎาคม 2568 จนกว่าสถานการณ์จะเข้าสู่ภาวะปกติ และถ้าหากมีผู้ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ดังกล่าวเพิ่มเติม ที่ประชุม ครม.ให้หน่วยงานขอรับการจัดสรรงบฯ ตามขั้นตอนต่อไป นอกจากนี้ที่ประชุม ครม.ยังมีมติเห็นชอบกรอบอัตราการจ่ายเงินเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบฯ (ต่อราย) ดังนี้
- ประชาชน เสียชีวิตและทุพพลภาพจะได้รับเงินเยียวยา 8 ล้านบาท/ราย , บาดเจ็บสาหัส 8 แสนบาท และบาดเจ็บมาก 4 แสนบาท/ราย
- เจ้าหน้าที่รัฐ (เช่น ทหาร ทหารพราน ตำรวจ ตชด.) เสียชีวิตและทุพพลภาพจะได้เงินเยียวยารวมค่าเสียงภัย 10 ล้านบาท บาดเจ็บสาหัส 1 ล้านบาท บาดเจ็บมาก 5 แสนบาท
นอกจากนี้ที่ประชุม ครม.ยังมีมติเห็นชอบกรอบวงเงินงบประมาณที่ใช้ในการเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากกรณีเหตุการณ์บริเวณชายแดนไทย – กัมพูชา (วันที่ 16 กรกฎาคม – 2 สิงหาคม 2568) วงเงินรวม 404.60 ล้านบาท โดยใช้เงินจาก 2 แหล่ง คือ
- เบิกจ่ายจากงบกลางฯ เพื่อแก้ไขหรือเยียวยาความเดือดร้อนเสียหายในบางกรณี และ
- กองทุนช่วยเหลือผู้ประสบสาธารณภัย ตามระเบียบ นร. ว่าด้วยการรับบริจาคและการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบสาธารณภัย พ.ศ. 2542 และที่แก้ไขเพิ่มเติม
ทั้งนี้ให้ส่วนราชการที่เกี่ยวข้องให้จัดเตรียมข้อมูลต่อไป ในการเยียวยาทรัพย์สินที่มีความเสียหาย
จากนั้นเมื่อวันที่ 6 สิงหาคม 2568 เวลา 16.00 น. นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เป็นประธานการประชุมเพื่อติดตามมาตรการช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ความไม่สงบบริเวณชายแดนไทย – กัมพูชา ของกระทรวงการคลัง ผ่านระบบออนไลน์ ซึ่งมีหน่วยงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องเข้าร่วม โดยเฉพาะ 4 จังหวัดที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ความไม่สงบบริเวณชายแดนไทย – กัมพูชา ได้แก่ จังหวัดสุรินทร์ จังหวัดบุรีรัมย์ จังหวัดศรีสะเกษ และจังหวัดอุบลราชธานี ที่ประชุม ได้มีโอกาสรับฟังความเห็นจาก 4 จังหวัดที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ความไม่สงบบริเวณชายแดนไทย – กัมพูชา เพื่อติดตามผลของมาตรการเยียวยาผู้ที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ดังกล่าว โดยมีรายละเอียดดังนี้
- มาตรการช่วยเหลือด้านประกันชีวิต และประกันวินาศภัยของ คปภ. ในส่วนของการประกันภัย และการประกันวินาศภัย ทั้งในส่วนของการขยายการผ่อนผันรับชำระเบี้ยประกันภัย การให้สิทธิ์พิเศษแก่ผู้ทำประกัน เช่น การงดตรวจสุขภาพ หรือ ยกเว้นดอกเบี้ยตามแต่กรณี
มาตรการช่วยเหลือลูกค้าประกันชีวิต-ประกันภัย
- การสรุปทำความเข้าใจในมาตรการช่วยเหลือ และบรรเทาผู้ที่ได้รับผลกระทบฯของกรมสรรพากร ทั้งมาตรการภาษีเพื่อช่วยเหลือประชาชน และผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบที่ให้สิทธิ์ประชาชน สามารถหักลดหย่อนค่าซ่อมแซมที่อยู่อาศัยจากเหตุการณ์ความเสียหายได้ตามจริงไม่เกิน 100,000 บาท และสำหรับยานพาหนะไม่เกิน 30,000 บาท พร้อมเลื่อนเวลาการยื่นแบบและการชำระภาษี
มาตรการภาษีของกรมสรรพากร
- มาตรการช่วยเหลือ และบรรเทาผู้ที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ข้อพิพาทชายแดนของสถาบันการเงินเฉพาะกิจที่มีการออกมาตรการพักชำระหนี้ มาตรการสินเชื่อพิเศษเพื่อฟื้นฟูภายหลังได้รับผลกระทบ สินเชื่ออัตราดอกเบี้ยต่ำ และสินเชื่อเพื่อการฟื้นฟที่อยู่อาศัย มีรายละเอียดดังนี้
รวมมาตรการทางการเงินของสถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐ
มาตรการช่วยเหลือลูกค้าของธนาคารออมสิน
มาตรการช่วยเหลือลูกค้าของธนาคารกรุงไทย
มาตรการช่วยเหลือลูกค้าของ ธ.ก.ส.
มาตรการช่วยเหลือลูกค้าของธนาคารอาคารสงเคราะห์
มาตรการช่วยเหลือลูกค้าของ SME D Bank
มาตรการช่วยเหลือลูกค้าของ บสย.
มาตรการช่วยเหลือลูกค้าของ EXIM Bank
มาตรการช่วยเหลือลูกค้าของธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย