ไมโครซอฟท์เผย 10 อาชีพเสี่ยงหายเพราะ "AI" รีบเช็กเลย! งานของคุณอาจอยู่ในลิสต์นี้
ตามรายงานล่าสุดของไมโครซอฟท์ มี 10 อาชีพที่กำลังถูก AI คุกคามอย่างหนัก
ไม่ใช่เรื่องลับอีกต่อไปแล้ว ปัญญาประดิษฐ์ (AI) ได้เข้ามาเปลี่ยนวิธีที่มนุษย์ค้นหาข้อมูล พูดคุยกับผู้อื่น และแม้แต่การวางแผนสิ่งที่ต้องทำในแต่ละสัปดาห์ เทคโนโลยีนี้ยังมีศักยภาพในการเปลี่ยนแปลง หรือแม้แต่แทนที่งานของคุณบางส่วนหรือทั้งหมดได้เลยทีเดียว
ในรายงานฉบับใหม่ของไมโครซอฟท์ชื่อ “การทำงานร่วมกับ AI: การวัดผลกระทบของ AI เชิงสร้างสรรค์ต่อสายงานต่าง ๆ” บริษัทได้วิเคราะห์ระดับการใช้งาน AI ของกลุ่มแรงงานแต่ละกลุ่ม รวมถึงผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นกับหน้าที่การงานของพวกเขา
ผลการศึกษาชี้ให้เห็นว่า หลายอาชีพสายงานสำนักงานกำลังเผชิญความเสี่ยงอย่างมาก เนื่องจาก AI สามารถทำงานส่วนใหญ่แทนได้ ทีมวิจัยของไมโครซอฟท์ได้ศึกษาบทสนทนาแบบไม่เปิดเผยตัวตนกว่า 200,000 รายการระหว่างผู้ใช้งานในสหรัฐฯ กับแชตบอต Bing Copilot ซึ่งเก็บข้อมูลตั้งแต่เดือนมกราคมถึงกันยายน 2024
“เราพบว่า กิจกรรมในการทำงานที่ผู้คนขอความช่วยเหลือจาก AI มากที่สุด คือการค้นหาข้อมูลและการเขียน ขณะที่สิ่งที่ AI ทำมากที่สุด คือการให้ข้อมูลและคำแนะนำ ช่วยเขียน ถ่ายทอดความรู้ และให้คำปรึกษา” รายงานระบุ
10 อาชีพที่มีความเสี่ยงสูงที่สุดที่จะถูก AI เข้ามาแทนที่
จากผลการศึกษา พบว่า 10 อาชีพต่อไปนี้มีความเสี่ยงสูงที่สุดที่จะถูก AI เข้ามาแทนที่ หรือพูดอีกแบบก็คือ เป็นอาชีพที่ AI “เข้าถึง” และสามารถทำแทนได้มากที่สุด ได้แก่
- ล่ามและนักแปลภาษา
- นักประวัติศาสตร์
- พนักงานบริการผู้โดยสาร
- พนักงานขายบริการ
- นักเขียนและผู้แต่ง
- เจ้าหน้าที่ดูแลลูกค้า
- โปรแกรมเมอร์ควบคุมเครื่องจักร CNC
- พนักงานรับสายโทรศัพท์
- พนักงานขายตั๋วและที่ปรึกษาด้านการท่องเที่ยว
- ผู้ประกาศวิทยุและดีเจ
รายงานระบุว่า “ล่ามและนักแปลภาษาถูกจัดเป็นอาชีพที่เสี่ยงที่สุด เนื่องจาก 98% ของภาระงานมีความทับซ้อนกับสิ่งที่ Copilot มักจะทำได้ดี โดยมีทั้งอัตราความสำเร็จและขอบเขตการทำงานที่สูง” อาชีพอื่น ๆ ที่มีระดับความเสี่ยงใกล้เคียงกัน ได้แก่ งานเขียน งานแก้ไขข้อความ การขาย งานบริการลูกค้า การเขียนโปรแกรม และงานเอกสารสำนักงาน
ในทางกลับกัน รายงานยังระบุด้วยว่า มีบางอาชีพที่แทบไม่ถูก AI รุกล้ำ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นสายงานด้านสาธารณสุขและแรงงานที่ใช้ทักษะทางกายภาพหรือการปฏิบัติจริง เช่น เจ้าหน้าที่เจาะเลือด พยาบาล วิศวกรเรือ หรือช่างปะยางรถยนต์ เป็นต้น
จะรักษาคุณค่าในยุค AI ได้อย่างไร?
รายงานของไมโครซอฟท์ไม่ได้หมายความว่า "หุ่นยนต์" จะมาแย่งงานคุณในวันพรุ่งนี้ แต่หากต้องการรักษาความได้เปรียบในตลาดแรงงานที่เปลี่ยนแปลงรวดเร็ว คุณควรเรียนรู้วิธีใช้เครื่องมือ AI และนำมาเป็นผู้ช่วยในการทำงาน ตามคำแนะนำของ เจนเซน หวง ผู้ร่วมก่อตั้งและซีอีโอของบริษัท Nvidia
“ทุกงานจะได้รับผลกระทบ และมันเกิดขึ้นทันที ไม่ต้องถกเถียงเลย” เจนเซน หวง วัย 62 ปี กล่าวในงานประชุมระดับโลก Milken Institute 2025 เมื่อวันที่ 6 พฤษภาคม บริษัทของเขา ซึ่งมีมูลค่ากว่า 4.2 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ คือผู้ออกแบบชิปคอมพิวเตอร์เบื้องหลังเครื่องมือ AI ชั้นนำมากมาย
“คุณไม่ได้ถูก AI แย่งงาน แต่คุณจะแพ้ให้กับคนที่รู้จักใช้ AI ต่างหาก” เขากล่าว
ปัจจุบัน บริษัทต่าง ๆ เริ่มส่งเสริม หรือแม้กระทั่งบังคับให้พนักงานบางส่วนหรือทั้งหมดใช้ AI ในการทำงาน โดยซีอีโอของ Duolingo หลุยส์ ฟอน อาห์น และซีอีโอของ Shopify โทเบียส ลึทเค เคยยืนยันชัดเจนว่า พวกเขาจะจ้างคนเพิ่ม ก็ต่อเมื่อเป็นงานที่ไม่สามารถทำให้เป็นระบบอัตโนมัติได้เท่านั้น
อย่างไรก็ตาม ในโลกที่แชตบอตสามารถทำงานแทนมนุษย์ได้มากมาย ยังมีทักษะสำคัญบางอย่างที่ "มีเพียงมนุษย์เท่านั้น" ที่สามารถทำได้ เช่น ความเห็นอกเห็นใจ ความอยากรู้อยากเห็น สติปัญญาทางอารมณ์และสังคม ภาวะผู้นำ และความสามารถในการสร้างความสัมพันธ์
โรเบิร์ต อี. ซีเกล อาจารย์ด้านธุรกิจแห่งมหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด ระบุว่า หากคุณต้องการเติบโตในยุคของ AI ทักษะเหล่านี้คือสิ่งจำเป็นที่ควรเร่งพัฒนา
“การปฏิวัติด้วย AI กำลังเกิดขึ้นจริง แทนที่จะหวาดกลัว เราควรมองว่านี่คือโอกาสในการปรับตัวและเติบโต” ซีเกล เขียนไว้ในบทความบน CNBC Make It เมื่อเดือนมิถุนายน
เขายังเน้นย้ำอีกว่า “หากคุณพัฒนาทักษะที่เป็นมนุษย์ เข้าใจระบบนิเวศของสายอาชีพ ยอมรับการเปลี่ยนแปลง และให้ความสำคัญกับการสร้างความสัมพันธ์ทั้งในและนอกองค์กร คุณจะสามารถสร้างอาชีพที่ไม่เพียงแค่รอด แต่ยังรุ่งเรืองได้ในยุคของ AI”