กูรูเมืองนอก เตือน 5 อาหาร-เครื่องดื่ม ทำลายสุขภาพอย่างเงียบๆ แต่คนไทยกินทุกวัน
5 อาหารและเครื่องดื่มที่เรากินเป็นประจำ แต่กำลังค่อย ๆ ทำลายสุขภาพในระยะยาวโดยไม่รู้ตัว ตามความเห็นของผู้เชี่ยวชาญด้านโภชนาการ
แม้คนจำนวนมากจะหันมาใส่ใจสุขภาพและเลือกทางเลือกที่ดีต่อร่างกายมากขึ้นในแต่ละวัน แต่อาหารและเครื่องดื่มบางอย่างที่เราบริโภคเป็นประจำกลับอาจเป็นอุปสรรคต่อเป้าหมายด้านสุขภาพโดยไม่รู้ตัว
Fox News Digital ได้สัมภาษณ์ผู้เชี่ยวชาญด้านโภชนาการ 3 ท่านเกี่ยวกับอาหารและเครื่องดื่มในชีวิตประจำวันที่ส่งผลเสียต่อร่างกายมากกว่าที่หลายคนคิด
อาหารเหล่านี้ครอบคลุมตั้งแต่เครื่องดื่มที่เราดื่มเป็นนิสัยไปจนถึงของว่างทั่วไป ผู้เชี่ยวชาญจึงเตือนให้ผู้บริโภคหันมาพิจารณาสิ่งที่ตัวเองรับประทานให้รอบคอบมากขึ้น
ไปดูกันว่าอาหารชนิดใดบ้างที่ติดโผ และเหตุผลที่ทำให้พวกมันถูกจัดอยู่ในรายชื่ออาหารตัวร้ายเหล่านี้
นี่คือ 5 รายการที่ควรใส่ใจเป็นพิเศษ
1. อาหารแช่แข็ง
แม้อาหารไมโครเวฟจะสะดวกและรวดเร็ว แต่อาจแฝงด้วยความเสี่ยงต่อสุขภาพโดยไม่รู้ตัว อัลมา ซิมมอนส์ นักโภชนาการจากมหาวิทยาลัยโอไฮโอ สเตต ระบุว่า
“อาหารแช่แข็งมักมีโซเดียม (เกลือ) สูงเกินครึ่งของปริมาณที่ควรได้รับต่อวัน ซึ่งอาจทำให้ความดันโลหิตสูง เกิดภาวะบวมน้ำ และส่งผลต่อไต” เธอกล่าวกับ Fox News Digital
นอกจากนี้ อาหารแช่แข็งส่วนใหญ่ยังมีไขมันไม่ดีต่อสุขภาพ (ไขมันอิ่มตัวและไขมันทรานส์) สารกันบูด และวัตถุเจือปนอาหาร ซึ่งล้วนเชื่อมโยงกับโรคหัวใจ การอักเสบในร่างกาย และไนโตรซามีนที่อาจก่อมะเร็งได้
เธอยังเสริมว่า การอุ่นอาหารในพลาสติกบางชนิด แบบที่ระบุว่า “ใช้กับไมโครเวฟได้” อาจทำให้สารเคมีที่รบกวนระบบฮอร์โมนหลุดออกมาปะปนกับอาหารได้
ด้านจูเลีย ซุมพาโน นักโภชนาการจากคลินิกคลีฟแลนด์ ศูนย์โภชนาการเพื่อมนุษย์ ในรัฐโอไฮโอ ระบุว่า อาหารแช่แข็งมักมีสารอาหารต่ำ
“หากไม่รับประทานอาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการร่วมด้วย อาจทำให้ร่างกายขาดสารอาหารที่จำเป็นได้” เธอกล่าวกับ Fox News Digital
2. น้ำอัดลมสูตรไม่มีน้ำตาล
ซิมมอนส์แนะนำให้ระวังการดื่มน้ำอัดลมสูตรไดเอตเป็นประจำ เพราะอาจส่งผลเสียต่อจุลินทรีย์ในลำไส้ได้
“สารให้ความหวานเทียมอย่างแอสปาร์แตมที่ใช้ในน้ำอัดลมสูตรไม่มีน้ำตาล อาจรบกวนสมดุลของจุลชีพในลำไส้ และส่งผลต่อความไวของร่างกายต่ออินซูลิน แม้กลไกเหล่านี้ยังอยู่ระหว่างการถกเถียงกันอยู่” เธอกล่าว
ซิมมอนส์ยังกล่าวว่า การดื่มน้ำอัดลมสูตรไม่มีน้ำตาลก็ส่งผลเสียต่อฟันไม่ต่างจากน้ำอัดลมที่มีน้ำตาล
“ด้วยความเป็นกรดของเครื่องดื่ม แม้ไม่มีน้ำตาล ก็ยังทำให้ฟันสึกกร่อนและเกิดฟันผุได้” เธออธิบาย
ด้านซุมพาโนเห็นด้วยกับคำแนะนำนี้ โดยเสริมว่า น้ำอัดลมไดเอตอาจทำให้ระดับไตรกลีเซอไรด์ น้ำตาลในเลือด และน้ำหนักตัวเพิ่มขึ้น
“เครื่องดื่มประเภทนี้อาจรบกวนสมดุลของจุลินทรีย์ในลำไส้ และกระตุ้นความอยากของหวานหรือแป้ง ซึ่งส่งผลต่อการควบคุมน้ำหนักและความอยากอาหาร” นักโภชนาการกล่าว
3. มันฝรั่งแผ่น
ลอเรน มาเนเกอร์ นักโภชนาการจากรัฐเซาท์แคโรไลนา ระบุว่า ปริมาณเกลือ ไขมันไม่ดี และแคลอรีในมันฝรั่งแผ่น ทำให้ของว่างชนิดนี้ไม่เหมาะจะกินเป็นประจำ
“การกินมันฝรั่งแผ่นทุกวันอาจทำให้ความดันโลหิตสูงขึ้น และทำให้รู้สึกอิ่มได้ยาก จนเผลอกินมากเกินไป” เธอกล่าว
“โซเดียมมากเกินไปยังอาจเพิ่มภาระให้กับหัวใจและไต ขณะที่มันฝรั่งแผ่นก็แทบไม่มีสารอาหาร จึงไม่ช่วยให้อิ่มนานหรือมีพลังงานที่ยั่งยืน” มาเนเกอร์ให้สัมภาษณ์กับ Fox News Digital
มาเนเกอร์แนะนำว่า มันฝรั่งแผ่นควรเก็บไว้กินเป็นของว่างเฉพาะครั้งคราว หรือเปลี่ยนไปเลือกของว่างรสเค็มชนิดอื่นที่ดีต่อสุขภาพมากกว่า
“ลองเปลี่ยนเป็นป๊อปคอร์นแบบไม่ใส่น้ำมันหรือถั่วลูกไก่คั่ว ซึ่งให้สารอาหารมากกว่า” เธอแนะนำ
4. กาแฟปรุงรสหวาน
กาแฟแก้วโปรดก่อนเริ่มงานอาจทำให้รู้สึกสดชื่นและมีความสุข แต่อาจซ่อนภัยสุขภาพไว้เช่นกัน
มาเนเกอร์เตือนว่า น้ำตาลที่มากเกินไปในกาแฟสามารถทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดพุ่งสูง และอาจทำให้รู้สึกเหนื่อยในภายหลัง
“กาแฟที่มีรสหวาน เช่น ลาเต้ปรุงรสหรือแฟรบปูชิโน มักมีน้ำตาลเติมในปริมาณสูงจนน่าตกใจ บางครั้งมากกว่าของหวานหนึ่งจานเสียอีก” เธอกล่าว
“การดื่มกาแฟหวานเป็นประจำอาจทำให้พลังงานตกฮวบระหว่างวัน และเพิ่มความเสี่ยงต่อภาวะน้ำหนักเกินหรือดื้อต่ออินซูลินเมื่อเวลาผ่านไป”
เธอแนะนำให้ค่อย ๆ ปรับลิ้น ด้วยการหันไปดื่มกาแฟไม่ใส่น้ำตาล และเก็บกาแฟหวานไว้เป็นของพิเศษในบางโอกาสจะดีกว่า
5. แอลกอฮอล์
มาเนเกอร์ระบุว่า การดื่มแอลกอฮอล์เป็นประจำทุกวัน “อาจเพิ่มภาระให้ตับ รบกวนการนอนหลับ และเพิ่มความเสี่ยงต่อปัญหาสุขภาพระยะยาว เช่น ความดันโลหิตสูงและมะเร็งบางชนิด”
“แม้เพียงปริมาณเล็กน้อยก็สามารถสะสมเป็นผลเสียในระยะยาวได้” เธอกล่าว
ด้วยผลกระทบต่ออารมณ์และแคลอรีว่างที่ไม่ให้คุณค่า แอลกอฮอล์จึงไม่เหมาะจะดื่มเป็นประจำทุกวัน มาเนเกอร์จึงแนะนำให้จำกัดการดื่มไว้แค่ไม่กี่วันต่อสัปดาห์
“ควรดื่มน้ำเปล่าควบคู่ไปด้วยเพื่อป้องกันการขาดน้ำ” เธอกล่าวเสริม “หรือจะลองเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ก็เป็นทางเลือกที่ดี”