7 เดือนแรกปี 68 โรงงานปิดตัวสูง-การจ้างงานน่าห่วง
ภาคอุตสาหกรรมไทยกำลังส่งสัญญาณความเปราะบางอย่างชัดเจน ข้อมูลจากกรมโรงงานอุตสาหกรรมในช่วง 7 เดือนแรกของปี 2568 (มกราคม - กรกฎาคม) สะท้อนภาพการชะลอตัวทางเศรษฐกิจที่น่ากังวล โดยแม้ว่าภาพรวมจะยังมีการเปิดโรงงานใหม่มากกว่าปิดกิจการ แต่แนวโน้มรายเดือนกลับน่าเป็นห่วงอย่างยิ่ง โดยเฉพาะในเดือนมิถุนายน ที่จำนวนโรงงานปิดกิจการสูงถึง 73 แห่ง เท่ากับจำนวนโรงงานที่เปิดใหม่พอดี ซึ่งเป็นจุดที่น่าจับตาที่สุด และเป็นการตอกย้ำว่าภาคอุตสาหกรรมกำลังเผชิญแรงกดดันอย่างหนัก ท่ามกลางความท้าทายจากเศรษฐกิจโลกและนโยบายภาษีของสหรัฐฯ ที่จะกระทบต่อภาคการส่งออกในอนาคต
ภาพรวม 7 เดือนแรก (ม.ค. - ก.ค. 2568): ตัวเลขสุทธิที่ซ่อนความน่ากังวล
เมื่อพิจารณาข้อมูลสะสมตลอด 7 เดือน จะเห็นภาพรวมดังนี้:
- จำนวนโรงงาน: เปิดกิจการใหม่ 769 แห่ง / เลิกกิจการ 425 แห่งสรุป: มีโรงงานเปิดใหม่สุทธิ +344 แห่ง
- การจ้างงาน: จ้างงานใหม่ 24,350 คน / เลิกจ้าง 12,769 คนสรุป: มีการจ้างงานสุทธิ +11,581 คน
- เงินลงทุน: ลงทุนในกิจการใหม่ 92,521.62 ล้านบาท / เงินลงทุนที่หายไป 12,705.97 ล้านบาทสรุป: มีเม็ดเงินลงทุนสุทธิ +79,815.65 ล้านบาท
แม้ตัวเลขสุทธิจะยังเป็นบวก แต่แนวโน้มรายเดือนแสดงให้เห็นถึง "ภาวะเลือดไหล" โดยเฉพาะการจ้างงานที่ในเดือนพฤษภาคมและมิถุนายน มีจำนวนคนงานที่ถูกเลิกจ้างสูงกว่าจำนวนคนงานที่ได้รับการจ้างในโรงงานเปิดใหม่ ซึ่งส่งผลกระทบโดยตรงต่อกำลังซื้อของภาคครัวเรือน
เจาะลึกรายอุตสาหกรรม: เห็นชัด "ดาวรุ่ง" และ "ดาวร่วง"
ข้อมูลยังชี้ให้เห็นถึงการปรับตัวของโครงสร้างอุตสาหกรรมไทย โดยมีกลุ่มที่ยังสามารถดึงดูดการลงทุนและกลุ่มที่กำลังเผชิญภาวะถดถอยอย่างชัดเจน
กลุ่มอุตสาหกรรมที่ยังเติบโต (ดึงดูดเม็ดเงินลงทุนใหม่และขยายกิจการ):
- อิเล็กทรอนิกส์และเครื่องใช้ไฟฟ้า: ยังคงเป็นดาวเด่น ด้วยเงินลงทุนในกิจการใหม่สูงสุดถึง 16,719 ล้านบาท
- ยานพาหนะและชิ้นส่วน: มีการขยายกิจการครั้งใหญ่ด้วยเม็ดเงินลงทุนกว่า 9,381 ล้านบาท
- อุตสาหกรรมอาหาร: ยังคงแข็งแกร่ง มีการลงทุนทั้งในกิจการใหม่และขยายกิจการรวมกันกว่า 15,345 ล้านบาท
กลุ่มอุตสาหกรรมที่น่ากังวล (มีการเลิกกิจการสูงสุด):
- เครื่องจักรและเครื่องกล: สูญเสียเงินลงทุนจากการปิดกิจการถึง 1,727 ล้านบาท
- เคมีภัณฑ์: มีการเลิกกิจการคิดเป็นมูลค่า 1,371 ล้านบาท
- ผลิตภัณฑ์โลหะ: ได้รับผลกระทบหนัก มีการเลิกกิจการมูลค่า 1,365 ล้านบาท
- ยานพาหนะและอุปกรณ์: แม้จะมีการขยายตัวในภาพใหญ่ แต่ก็มีการปิดกิจการของผู้ผลิตชิ้นส่วนและอู่ซ่อมรถยนต์เป็นมูลค่ากว่า 1,272 ล้านบาท ซึ่งอาจสะท้อนการเปลี่ยนแปลงในห่วงโซ่อุปทาน
- แปรรูปไม้: เผชิญความท้าทายอย่างหนัก มีการเลิกกิจการมูลค่า 922 ล้านบาท
ข้อมูลชุดนี้เป็นสัญญาณเตือนที่ชัดเจนว่า ภาคอุตสาหกรรมไทยกำลังอยู่ในภาวะเปราะบาง การฟื้นตัวไม่ทั่วถึง และกำลังเผชิญการเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้าง ผู้ประกอบการในกลุ่มเสี่ยงจำเป็นต้องปรับตัวอย่างเร่งด่วน ขณะที่ภาครัฐต้องมีมาตรการที่ตรงจุดเพื่อช่วยเหลือกลุ่มที่กำลังประสบปัญหา ควบคู่ไปกับการส่งเสริมอุตสาหกรรมเป้าหมายที่มีศักยภาพ เพื่อพยุงการจ้างงานและขับเคลื่อนเศรษฐกิจในระยะต่อไป