CKPower กำไรสุทธิครึ่งปี 2568 เติบโตต่อเนื่อง คาดไตรมาส 3 รับอานิสงส์ฤดูกาล
CKPower เผย 6 เดือนกำไรสุทธิ 416.3 ล้านบาท จากส่วนแบ่งกำไรจากบริษัทร่วม หนุนภาพรวมแข็งแกร่ง คาดไตรมาส 3 รับอานิสงส์ฤดูกาล
นายธนวัฒน์ ตรีวิศวเวทย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซีเค พาวเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ CKPower ผู้ผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาค และมีคาร์บอนฟุตพรินต์ที่ต่ำที่สุดรายหนึ่ง เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานไตรมาส 2/2568 มีกำไรสุทธิจากการดำเนินงาน (Core Net Profit) ในไตรมาส 2 จำนวน 353.0 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 204.3 ล้านบาท หรือ 137.4% และงวด 6 เดือนปี 2568 มีกำไรสุทธิ 416.3 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 509.2 ล้านบาท หรือ 548.1% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน
โดยปัจจัยสำคัญที่ส่งผลดีต่อผลการดำเนินงาน คือปริมาณน้ำไหลผ่านโรงไฟฟ้าพลังน้ำ ไซยะบุรี เฉลี่ยมากกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อนและต้นทุนทางการเงินของ บริษัท ไซยะบุรี พาวเวอร์ จำกัด (XPCL) ลดลงตามแนวโน้มดอกเบี้ยโลก บริษัทจึงรับรู้ส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนในบริษัทร่วมสูงกว่าปีก่อนค่อนข้างมาก ขณะที่รายได้จากการขายไฟฟ้าของ บริษัท ไฟฟ้าน้ำงึม 2 จำกัด (NN2) ลดลงเล็กน้อย แม้ปริมาณการขายไฟฟ้าจะเพิ่มขึ้นจากปริมาณน้ำในอ่างเก็บน้ำช่วงต้นปี และปริมาณน้ำไหลเข้าอ่างเก็บน้ำที่มากกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อน แต่เนื่องจากการแข็งค่าของสกุลเงินบาทส่งผลให้อัตราค่าไฟฟ้าของ NN2 ที่บางส่วนเป็นเงินสกุลดอลล่าร์สหรัฐลดลง
ในช่วงครึ่งปีแรกมีน้ำไหลเข้าอ่างเก็บน้ำของ NN2 สะสม 1,315 ล้านลูกบาศก์เมตร สูงกว่าปีก่อน 45.2% ส่งผลให้ NN2 สามารถประกาศความพร้อมจ่ายไฟฟ้าในเดือนม.ค.-ส.ค. มากกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อนประมาณ 14.7% ขณะเดียวกัน ปริมาณน้ำไหลผ่าน XPCL ก็สูงขึ้นเช่นกัน โดย XPCL ได้เดินเครื่องเต็มกำลังการผลิตแล้วตั้งแต่ช่วงปลายเดือนมิ.ย.ที่ผ่านมา ซึ่งในไตรมาส 3 ปริมาณน้ำไหลเข้าโรงไฟฟ้าพลังน้ำทั้งสองแห่งจะเพิ่มมากขึ้นตามฤดูกาล ประกอบกับการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายของสหรัฐอเมริกาในช่วงปลายปี 2567 และการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายของประเทศไทยในช่วงครึ่งปีแรกของปีนี้ จะช่วยลดต้นทุนดอกเบี้ยและหนุนผลการดำเนินงานในภาพรวมให้เติบโตอย่างต่อเนื่องในช่วงครึ่งหลังของปี 2568 ขณะที่โครงการไฟฟ้าพลังน้ำ หลวงพระบาง (LPCL) มีความคืบหน้าการก่อสร้าง ณ สิ้นเดือนมิ.ย.2568 อยู่ที่ 53% ซึ่งเป็นไปตามแผน
ด้านฐานะการเงินของ CKPower ณ วันที่ 30 มิ.ย.2568 บริษัทมีสินทรัพย์เพิ่มขึ้น 4.7% จากสิ้นปี 2567 มีสาเหตุหลักมาจากการทยอยลงทุนเพิ่มเติมใน LPCL ผนวกกับผลการดำเนินงานงวด 6 เดือนปี 2568 ของ XPCL และเงินสดรับจากการออกหุ้นกู้เพื่ออนุรักษ์สิ่งแวดล้อมครั้งที่ 1/2568 ของบริษัท มูลค่า 5,000 ล้านบาทในเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา ทั้งนี้ บริษัทมีความสามารถในการชำระหนี้ที่แข็งแกร่ง สะท้อนผ่านอัตราส่วนหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยจ่ายสุทธิต่อส่วนของผู้ถือหุ้นรวมอยู่ในระดับต่ำที่ 0.56 เท่า และอัตราส่วนความสามารถในการชำระดอกเบี้ยที่ 6.11 เท่า บ่งชี้ถึงฐานะการเงินที่มั่นคงและความสามารถในการบริหารสภาพคล่องได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งบริษัทจะยังคงติดตามการปรับตัวของอัตราดอกเบี้ยและบริหารจัดการหนี้สินระยะยาวให้มีสัดส่วนที่เหมาะสมอย่างต่อเนื่อง
ตลอดหลายปีที่ผ่านมา CKPower เผชิญกับความท้าทายหลากหลายปัจจัย ทั้ง ปัจจัยทางธรรมชาติ ความผันผวนของเศรษฐกิจทั้งภายในประเทศและของโลกที่ส่งผลต่ออัตราดอกเบี้ยและราคาก๊าซธรรมชาติ แต่ด้วยการบริหารจัดการที่มีประสิทธิภาพ ผนวกกับการนำเทคโนโลยีที่ทันสมัยมาปรับใช้และมีบุคลากรที่มีความเชี่ยวชาญ ทำให้ CKPower ปรับตัวได้อย่างยืดหยุ่นท่ามกลางสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่อง ซึ่งก้าวต่อจากนี้ บริษัทมีแผนเพิ่มสัดส่วนกำลังการผลิตพลังงานหมุนเวียน ทั้งพลังงานน้ำและพลังงานแสงอาทิตย์ ควบคู่ไปกับการพัฒนานวัตกรรมลดการใช้พลังงาน เพิ่มประสิทธิภาพในการผลิตไฟฟ้า และสร้างความตระหนักรู้ในการอนุรักษ์พลังงานตลอดห่วงโซ่คุณค่าขององค์กร มุ่งสู่เป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ที่ภายในปี 2593
เกี่ยวกับ “บริษัท ซีเค พาวเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ CKPower”
บริษัทประกอบธุรกิจผลิตและจำหน่ายไฟฟ้าจากพลังงานประเภทต่าง ๆ 3 ประเภท จำนวน 18 แห่ง รวมขนาดกำลังการผลิตติดตั้ง 3,640 เมกะวัตต์ ประกอบด้วย (1) โรงไฟฟ้าพลังน้ำ 3 แห่ง คือ โรงไฟฟ้าพลังน้ำ น้ำงึม 2 ภายใต้ บริษัท ไฟฟ้าน้ำงึม 2 จำกัด ซึ่งบริษัทถือหุ้น 46% (ถือผ่าน บริษัท เซาท์อีสท์ เอเชีย เอนเนอร์จี จำกัด) ขนาดกำลังการผลิตติดตั้ง 615 เมกะวัตต์ โรงไฟฟ้าพลังน้ำ ไซยะบุรี ภายใต้ บริษัท ไซยะบุรี พาวเวอร์ จำกัด ซึ่งบริษัทถือหุ้น 42.5% ขนาดกำลังการผลิตติดตั้ง 1,285 เมกะวัตต์
โครงการไฟฟ้าพลังน้ำ หลวงพระบาง ภายใต้ บริษัท หลวงพระบาง พาวเวอร์ จำกัด ซึ่งบริษัทถือหุ้น 50% ขนาดกำลังการผลิตติดตั้ง 1,460 เมกะวัตต์ (2) โรงไฟฟ้าระบบโคเจนเนอเรชั่น 2 แห่ง ภายใต้ บริษัท บางปะอิน โคเจนเนอเรชั่น จำกัด ซึ่งบริษัทถือหุ้น 65% ขนาดกำลังการผลิตติดตั้ง 238 เมกะวัตต์ และ (3) โรงไฟฟ้าพลังแสงอาทิตย์ 13 แห่ง ภายใต้ บริษัท บางเขนชัย จำกัด ซึ่งบริษัทถือหุ้น 100% จำนวน 11 แห่ง ขนาดกำลังการผลิตติดตั้ง 28 เมกะวัตต์ ภายใต้บริษัท นครราชสีมา โซล่าร์ จำกัด ซึ่งบริษัทถือหุ้น 30% จำนวน 1 แห่ง ขนาดกำลังการผลิตติดตั้ง 6 เมกะวัตต์ และภายใต้บริษัท เชียงราย โซล่าร์ จำกัด ซึ่งบริษัทถือหุ้น 30% จำนวน 1 แห่ง ขนาดกำลังการผลิตติดตั้ง 8 เมกะวัตต์
อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่ : CKPower กำไรสุทธิครึ่งปี 2568 เติบโตต่อเนื่อง คาดไตรมาส 3 รับอานิสงส์ฤดูกาล
ติดตามข่าวล่าสุดได้ทุกวัน ที่นี่
- Website : https://www.khaosod.co.th