กระทรวงอุตฯบุกค้นบ่อฝังกลบบ. เวสต์ 2 พบทำผิดเงื่อนไขเพียบ
นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า ได้ดำเนินการสั่งการให้ทีมตรวจการณ์กระทรวงฯ ร่วมกับกรมโรงงานอุตสาหกรรม (กรอ.) เจ้าหน้าที่กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (บก.ปทส.) ภายใต้การอำนวยการสั่งการของ พล.ต.ต.วัชรินทร์ พูสิทธิ์ ผบก.ปทส. นำหมายค้นศาลจังหวัดกบินทร์บุรี เข้าตรวจสอบ บริษัท เวสต์ 2 เอ็นเนอร์ยี่ จำกัด ตั้งอยู่หมู่ที่ 7 ตำบลลาดตะเคียน อำเภอกบินทร์บุรี จังหวัดปราจีนบุรี หลังได้รับการร้องเรียนจากประชาชนว่าได้รับความเดือดร้อนจากการประกอบกิจการของบริษัทฯ
บริษัท เวสต์ 2 เอ็นเนอร์ยี่ จำกัด ซึ่งได้รับอนุญาตให้ประกอบกิจการโรงงาน 3 ประเภท คือ ประเภทที่ 1 การประกอบกิจการนำน้ำมันหล่อลื่นที่ใช้แล้วหรือสารทำละลายมาผ่านกรรมวิธีทางอุตสาหกรรมเพื่อผลิตเป็นเชื้อเพลิงทดแทนและทำเชื้อเพลิงผสม
โดยขณะเข้าตรวจสอบไม่พบการปฏิบัติงาน ไม่พบวัตถุดิบภายในอาคาร แต่พบกากของเสียส่งมาโรงงานดังกล่าวจำนวนมาก และไม่พบรายการเครื่องจักรตามที่ได้รับอนุญาต และพบการตั้งและประกอบกิจการโรงงานบำบัดน้ำเสียโดยไม่ได้รับอนุญาต
ประเภทที่ 2 ใบอนุญาตประกอบกิจการคัดแยกและฝังกลบสิ่งปฏิกูลหรือวัสดุที่ไม่ใช้แล้วที่ไม่เป็นของเสียอันตราย ตรวจสอบพบหลุมฝังกลบคลุมด้วย HDPE บริเวณรอบหลุมมีบ่อน้ำล้อมรอบ
และพบว่ามีน้ำชะกากที่ล้นจากหลุมฝังกลบไหลลงสู่บ่อน้ำภายในบริเวณโรงงาน และมีความเสี่ยงที่จะล้นออกนอกบ่อ และโรงงานยังไม่ปฏิบัติตามเงื่อนไขการประกอบกิจการโรงงานคือ ระยะ Buffer Zone โดยรอบเขตฝังกลบมีระยะห่างจากแนวเขตที่ดินน้อยกว่าเงื่อนไขการประกอบกิจการโรงงานและไม่ปฏบัติตามหลักเกณฑ์การฝังกลบสิ่งปฏิกูล
ประเภทที่ 3 ประกอบกิจการคัดแยกและฝังกลบสิ่งปฏิกูลหรือวัสดุที่ไม่ใช้แล้วที่ไม่เป็นของเสียอันตราย ซึ่งพบว่าบริษัทไม่ปฏิบัติตามเงื่อนไขการประกอบกิจการโรงงาน เจ้าหน้าที่จึงออกคำสั่งให้ บริษัทฯ หยุดการกระทำที่ฝ่าฝืน รวมถึงสั่งให้บริษัทฯ รังวัดแนวเขตที่ดินของโรงงาน เพื่อชี้แจงระยะห่างระหว่างหลุมฝังกลบกับแนวเขตที่ดินที่ได้รับอนุญาตโดยให้เจ้าหน้าที่อุตสาหกรรมจังหวัดปราจีนบุรีร่วมสังเกตการณ์
และต้องมีและใช้ระบบบำบัดน้ำเสียที่มีขนาดและประสิทธิภาพเพียงพอที่ปรับคุณภาพน้ำทิ้งทั้งหมดของโรงงานให้มีลักษณะเป็นไปตามประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม โดยน้ำเสียที่ผ่านการบำบัดให้กักเก็บและหมุนเวียนใช้ในโรงงาน โดยไม่ให้ระบายน้ำทิ้งออกนอกบริเวณโรงงาน
บริษัทฯ ต้องปฏิบัติตามเงื่อนไขที่ได้รับอนุญาตให้ถูกต้องทั้งหมด หากไม่ดำเนินการแก้ไขตามคำสั่งของเจ้าพนักงาน จะถูกยกระดับคำสั่งจนถึงขั้นเพิกถอนใบอนุญาต
นอกจากนี้ ศูนย์วิจัยและเตือนภัยมลพิษโรงงานภาคตะวันออกเก็บตัวอย่างน้ำ สิ่งปฏิกูล และวัสดุที่ไม่ใช้แล้วต้องสงสัยภายในพื้นที่ไปวิเคราะห์ หากผลวิเคราะห์พบค่าความผิดปกติ จะดำเนินคดีตามฐานความผิด พรบ.วัตถุอันตรายต่อไป
"การดำเนินการทั้งหมดนี้ เป็นไปตามนโยบายของกระทรวงฯ ที่สั่งสแกนพื้นที่ และจัดระเบียบโรงงานรีไซเคิลทั้งหมด เพื่อให้ทุกโรงงานต้องปฏิบัติตามกฎหมาย ไม่สร้างความเสียหายให้เกิดขึ้นกับสิ่งแวดล้อม และทำลายสุขภาพของประชาชนไทย"