เศรษฐกิจญี่ปุ่น Q2 โต 1% สูงกว่าคาด แม้เสี่ยงถูกภาษีสหรัฐกดดันครึ่งปีหลัง
เศรษฐกิจญี่ปุ่น ไตรมาส 2 ขยายตัว 1% สูงกว่าที่ตลาดคาดจากแรงหนุนการส่งออกและการลงทุนภาคเอกชน แม้เผชิญมาตรการภาษีนำเข้ารถยนต์และชิ้นส่วนจากสหรัฐ
วันที่ 15 สิงหาคม 2568 เวลา 10.33 น. สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่าเศรษฐกิจญี่ปุ่นเติบโตเร็วกว่าที่คาดในไตรมาส 2 เนื่องจากปริมาณการส่งออกยังคงแข็งแกร่งแม้เผชิญภาษีนำเข้าใหม่จากสหรัฐ ส่งผลให้ธนาคารกลางญี่ปุ่นมีเงื่อนไขบางประการที่เพียงพอสำหรับการพิจารณาขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีกครั้งภายในปีนี้
ข้อมูลจากรัฐบาลที่เผยแพร่เมื่อวันศุกร์ระบุว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ของญี่ปุ่นขยายตัว 1.0% ในอัตราเฉลี่ยรายปี (annualised) ซึ่งเป็นการเติบโตต่อเนื่องเป็นไตรมาสที่ 5 หลังจากตัวเลขของไตรมาสก่อนถูกปรับจากการหดตัวเป็นการเติบโต ขณะที่แบบสำรวจของรอยเตอร์คาดว่าจะเติบโตเพียง 0.4%
อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์เตือนว่าความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจโลกที่ได้รับแรงกดดันจากภาษีของสหรัฐ อาจกระทบเศรษฐกิจขนาดใหญ่อันดับ 4 ของโลกในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า โดยเฉพาะในภาคยานยนต์ที่ต้องดิ้นรนเพื่อรักษาราคาสำหรับลูกค้าในตลาดสหรัฐให้สามารถแข่งขันได้
ทาคุมิ สึโนะดะ นักเศรษฐศาสตร์อาวุโสจาก Shinkin Central Bank Research Institute กล่าวว่า “ตัวเลขเดือนเมษายน-มิถุนายนกลบผลกระทบที่แท้จริงของภาษีทรัมป์ไว้ การส่งออกแข็งแกร่งจากการส่งมอบรถยนต์จำนวนมาก และความต้องการเร่งซื้อจากผู้ผลิตเทคโนโลยีในเอเชียก่อนภาษีในบางภาคส่วนจะมีผล แต่สิ่งเหล่านี้ไม่สามารถยืนยาวได้”
การขยายตัวของ GDP ได้แรงหนุนจากการส่งออกและการลงทุนภาคเอกชนที่ดีกว่าคาด โดยการลงทุนภาคทุนเพิ่มขึ้น 1.3% ในไตรมาส 2 เทียบกับการคาดการณ์ในโพลรอยเตอร์ที่ 0.5% และการบริโภคภาคเอกชนซึ่งมีสัดส่วนมากกว่าครึ่งของเศรษฐกิจขยายตัว 0.2% เท่ากับไตรมาสก่อน และดีกว่าที่ตลาดคาดไว้ที่ 0.1%
การเติบโตดังกล่าวคิดเป็นการขยายตัวรายไตรมาสที่ 0.3% ดีกว่าค่ากลางของตลาดที่คาดไว้เพียง 0.1% ทั้งยังตัดกับเศรษฐกิจจีนที่การผลิตภาคอุตสาหกรรมชะลอตัวลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบ 8 เดือน และยอดค้าปลีกชะลอตัวลงอย่างมากในเดือนกรกฎาคม
อุปสงค์จากต่างประเทศสุทธิมีส่วนช่วยเพิ่มการเติบโต 0.3% เทียบกับการหักลบออก 0.8% ในไตรมาส 1 ขณะที่ในด้านการค้า สหรัฐเริ่มเก็บภาษีนำเข้ารถยนต์และชิ้นส่วนจากญี่ปุ่น 25% ในเดือนเมษายน และขู่จะเก็บภาษี 25% กับสินค้านำเข้าจากญี่ปุ่นส่วนใหญ่ ก่อนจะบรรลุข้อตกลงทางการค้าในเดือนกรกฎาคม ลดภาษีลงเหลือ 15% แลกกับแพ็กเกจการลงทุนจากญี่ปุ่นในสหรัฐ มูลค่า 550,000 ล้านดอลลาร์
เรียวเซ อากาซาวะ รัฐมนตรีเศรษฐกิจญี่ปุ่น กล่าวว่า ผล GDP ล่าสุดยืนยันว่าเศรษฐกิจกำลังฟื้นตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไป พร้อมคาดว่าการจ้างงานและรายได้ที่ดีขึ้น รวมถึงมาตรการสนับสนุนของรัฐ จะช่วยหนุนการฟื้นตัวต่อไป แต่เตือนว่าต้องระวังความเสี่ยงจากนโยบายการค้าของสหรัฐ โดยคาดว่าภาษีของสหรัฐฯ จะกด GDP ญี่ปุ่นให้ลดลงราว 0.3–0.4%
สัปดาห์ที่แล้ว รัฐบาลญี่ปุ่นได้ปรับลดคาดการณ์การเติบโตที่แท้จริงปีงบประมาณนี้เหลือ 0.7% จากเดิม 1.2% โดยให้เหตุผลว่าภาษีของสหรัฐจะทำให้การลงทุนภาคเอกชนชะลอตัว และเงินเฟ้อที่สูงต่อเนื่องจะกดดันการบริโภค
จนถึงตอนนี้ การส่งออกของญี่ปุ่นยังไม่ถูกกระทบหนักจากภาษีของสหรัฐ เนื่องจากผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่ได้ดูดซับต้นทุนภาษีเพิ่มเติมโดยการลดราคาเพื่อรักษากำลังการผลิตในประเทศ แต่ความยืดหยุ่นทางเศรษฐกิจนี้ รวมกับข้อตกลงการค้าที่ทำกับสหรัฐเมื่อเดือนก่อน สนับสนุนมุมมองว่าธนาคารกลางญี่ปุ่นอาจขึ้นดอกเบี้ยภายในปีนี้
อย่างไรก็ดีนักเศรษฐศาสตร์คาดว่าการส่งออกอาจเริ่มได้รับผลกระทบในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า เมื่อผู้ผลิตเริ่มส่งผ่านต้นทุนไปยังลูกค้าในสหรัฐฯ ชินอิจิโร โคบายาชิ หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์จาก Mitsubishi UFJ Research and Consulting เตือนว่า เศรษฐกิจอาจเข้าสู่ภาวะถดถอยในไตรมาส 3 หากการส่งออกชะลอลง โดยกุญแจสำคัญของการฟื้นตัวอยู่ที่การบริโภคภาคเอกชน ซึ่งอาจปรับดีขึ้นช่วงปลายปีหากเงินเฟ้อลดลงและความเชื่อมั่นผู้บริโภคฟื้นตัว
อ้างอิง: reuters.com