ราคาน้ำมันดิบปรับตัวสูงขึ้นเล็กน้อย ท่ามกลางข่าวสงครามการค้า
สำนักข่าวบลูมเบิร์ก รายงานวันนี้ (17 ก.ค.) ว่า ราคาน้ำมันดิบ ปรับตัวสูงขึ้นเล็กน้อยหลังจากร่วงลงติดต่อกันสามวัน เนื่องจากนักลงทุนติดตามสถานการณ์สต็อกน้ำมันดิบสหรัฐฯ ที่ลดลง และสถานการณ์ล่าสุดของสงครามการค้าที่นำโดยวอชิงตัน
ราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสอินเตอร์มีเดียต (ราคาน้ำมันWTI) ซื้อขายใกล้ระดับ 67 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล หลังจากลดลงประมาณ 3% ในช่วงสามวันก่อนหน้า
ขณะที่ ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ ซึ่งเป็นดัชนีอ้างอิงทั่วโลกปิดตลาดต่ำกว่าระดับ 69 ดอลลาร์ ข้อมูลรัฐบาลสหรัฐฯ ที่เผยแพร่เมื่อวันพุธค่อนข้างหลากหลาย โดยปริมาณน้ำมันกลั่นคงคลังเพิ่มขึ้น แต่ปริมาณสำรองน้ำมันดิบทั่วประเทศลดลง
ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ กล่าวว่าเขาจะส่งจดหมายไปยังกว่า 150 ประเทศเพื่อแจ้งอัตราภาษีศุลกากร และภาษีที่เรียกเก็บอาจสูงขึ้น 10 % หรือ 15% นักลงทุนยังติดตามจุดยืนของเขาต่อนายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ หลังจากที่ผู้นำสหรัฐฯ ปฏิเสธข่าวที่ว่าเขามีแผนไล่พาวเวลออกจากตำแหน่ง
ราคาน้ำมันดิบ ปรับตัวสูงขึ้นเล็กน้อยในเดือนนี้ ซึ่งต่อเนื่องมาจากแนวโน้มขาขึ้นตั้งแต่เดือนพฤษภาคม แม้จะมีความกังวลว่ามาตรการภาษีศุลกากรของทรัมป์จะส่งผลกระทบต่ออุปสงค์หรือความต้องการใช้น้ำมัน ตลาดยังคงกังวลกับแนวโน้มภาวะน้ำมันล้นตลาดในช่วงปลายปีนี้ เนื่องจากความต้องการสูงสุดในช่วงฤดูร้อนลดลง และกลุ่มโอเปกพลัสกลับมาเพิ่มการผลิต
ในตะวันออกกลาง แหล่งน้ำมันหลายแห่งในเขตปกครองตนเองเคอร์ดิสถานทางตอนเหนือของอิรัก ถูกโดรนโจมตีเมื่อวันพุธ ส่งผลให้โรงไฟฟ้าในพื้นที่ได้รับผลกระทบอย่างหนัก อย่างไรก็ตาม ภูมิภาคนี้ยังไม่ได้ส่งออกน้ำมันดิบไปยังตลาดโลกนับตั้งแต่ท่อส่งน้ำมันถูกปิดไปเมื่อสองปีก่อน
อัปเดตราคาน้ำมันเช้า17 ก.ค.นี้
ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนสิงหาคม เพิ่มขึ้น 0.4% มาอยู่ที่ 66.65 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล ณ เวลา 7:32 น. ตามเวลาสิงคโปร์
ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ ส่งมอบเดือนกันยายน ลดลง 0.3% มาอยู่ที่ 68.52 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล ในวันพุธ