"สภาสูง"เดือด! "พิสิษฐ์" ไล่"นันทนา"ไปหาหมอ ย้ำคิดย้ำทำ เบรกเลือกองค์กรอิสระ ก่อนที่ประชุมเคาะ"อิทธิพร แก้วทิพย์"นั่งอสส.
วันที่ 15 ก.ค.68 ในการประชุมวุฒิสภา มีนายมงคล สุระสัจจะ ประธานวุฒิสภา ทำหน้าที่เป็นประธานการประชุม ให้ความเห็นชอบบุคคลผู้ได้รับการเสนอชื่อให้ดำรงตำแหน่งอัยการสูงสุด (อสส.) ตามที่คณะกรรมการสามัญเพื่อทำหน้าที่ตรวจสอบประวัติความประพฤติและพฤติกรรมทางจริยธรรมของบุคคลผู้ได้รับการเสนอชื่อให้ดำรงตำแหน่งอัยการสูงสุด คือ นายอิทธิพร แก้วทิพย์ ซึ่งมีนายธวัช สุระบาล สว.เป็นประธาน ที่กมธ.ได้พิจารณาเสร็จแล้ว
ทั้งนี้ หลังจากนายธวัช ได้รายงานในส่วนที่สามารถเปิดเผยได้ และกำลังจะเข้าสู่การประชุมลับ น.ส.นันทนา นันทวโรภาส สว. ได้ลุกขึ้นอภิปรายว่าเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ที่ประชุมวุฒิสภาก็มีการลงมติให้ความเห็นชอบองค์กรอิสระ คือ ตุลาการศาลปกครองสูงสุด ซึ่งตนก็อภิปรายเช่นเดียวกับวันนี้ วันนั้นมี สว.ท่านหนึ่งกล่าวหาตนว่าพูดเรื่องเดิม ซ้ำซาก พร้อมกับไล่ตนออกจากห้องประชุม ผลแห่งการกระทำของ สว.ท่านนั้น มีประชาชนจำนวนมากไม่พอใจ ต่างพาแสดงความคิดเห็นในโลกโซเชียลมากมาย และทัวร์ทั้งหลายก็ไปลงที่ สว.ท่านนั้น และยังพาดพิงไปถึงพลพรรคสีเดียวกับท่าน
ดังนั้น ตนจึงอยากเตือนสติ สว.ที่เคยกระทำการดังกล่าว และ สว.อื่นที่คิดจะทำเช่นนั้นว่าการอภิปรายในสภาเป็นเอกสิทธิ์ของ สส.และ สว. ตราบใดที่ไม่ได้ทำผิดข้อบังคับการประชุมก็สามารถอภิปรายได้ในเนื้อหาที่เป็นประโยชน์ต่อส่วนรวม
น.ส.นันทนา กล่าวว่า การที่ตนอภิปรายเรื่องการลงมติเห็นชอบผู้ดำรงตำแหน่งในองค์กรอิสระ จึงเป็นการทำหน้าที่ของ สว.ที่ดี ที่ปกป้องผลประโยชน์ของประชาชน เพราะฉะนั้น กรุณาตั้งใจฟังตนดีๆ อย่าลุกขึ้นมาประท้วง เพราะนั่นเท่ากับท่านขัดขวางการทำหน้าที่ของ สว.ที่กำลังรักษาผลประโยชน์ของประเทศชาติอยู่ และตนจำเป็นที่จะต้องลุกขึ้นอภิปรายในเรื่องการให้ สว. ชะลอการลงมติใดๆ ที่เกี่ยวข้องกับองค์กรอิสระ ตราบใดที่ท่านยืนยันลงมติ ตนจะลุกขึ้นอภิปรายเช่นนี้ทุกครั้ง จะส่งเสียงสื่อสาร ไปฟ้องประชาชน จนกว่าคดีฮั้ว สว.ที่ท่านถูกกล่าวหาจะสิ้นสุด
“เมื่อพวกท่านไม่หยุดลงมติ ดิฉันก็ไม่หยุดอภิปราย ดิฉันมีหน้าที่ดูแลผลประโยชน์ของประชาชนให้คุ้มค่ากับเงินเดือน เพราะสิ่งที่ท่านทำไม่ใช่เรื่องปกติ และสังคมก็ไม่ได้มองว่าปกติ ท่านมีสิทธิ์คิดได้ว่าการลงมติผู้ดำรงตำแหน่งในองค์กรอิสระเป็นการทำหน้าที่ สว.อยู่ ท่านคิดได้ แต่อยากจะบอกว่าท่านคิดผิดอย่างใหญ่หลวง เพราะการที่ท่านลงมติในขณะที่ท่านเป็นผู้ถูกกล่าวหา เท่ากับท่านกำลังก่อปัญหาให้กับบ้านเมืองอย่างมากมาย”
น.ส.นันทนา กล่าวต่อว่า ปัญหาแรกที่เกิดขึ้นคือผลประโยชน์ทับซ้อน เพราะการที่ สว.เกือบครึ่งสภาถูกแจ้งข้อกล่าวหาเรื่องที่มาที่ไม่ชอบ แล้วไปเลือกองค์กรอิสระ ผู้มาชี้เป็นชี้ตายให้กับประเทศและคดีของท่าน ย่อมเป็นการขัดกันแห่งผลประโยชน์อย่างชัดเจน ปัญหาที่สองคือผลที่เกิดขึ้นกับผู้ที่ท่านเห็นชอบ หากสุดท้ายแล้วพบว่า สว. ที่ลงมติไปขาดคุณสมบัติ แล้วผู้ที่ท่านไม่เห็นชอบก็ไม่อาจกลับไปดำรงตำแหน่งได้อีก จะเยียวยาเขาอย่างไร ส่วนผู้ที่ท่านเห็นชอบไปแล้วจะถือเป็นมรดกบาปที่ท่านได้ทิ้งไว้หรือไม่ ปัญหาที่สามคือกระบวนยุติธรรมที่บิดเบี้ยว ดังนั้น ดิฉันจึงขอเรียกร้องให้ สว.ทุกคนชะลอการลงมติเลือกองค์กรอิสระ และชะลอการตั้ง กมธ.ตรวจสอบคุณสมบัติทั้งหลายออกไปจนกว่าคดีจะสิ้นสุด
“เมื่อท่านบริสุทธิ์ ถึงตอนนั้นค่อยมาลงมติแล้วประชาชนจะแซ่ซ้องสรรเสริญท่าน หากท่านยังดึงดันเลือด อสส.ในวันนี้ โปรดรู้ว่าท่านกำลังย่ำยีจิตใจของประชาชน ที่ไม่ต้องการเห็นกระบวนการยุติธรรมที่บิดเบี้ยว ท่านจะเป็นที่ยอมรับของประชาชน หากใช้จิตสำนึกและจริยธรรมให้มาก” น.ส.นันทนา กล่าว
จากนั้น นายมงคลได้วินิจฉัยว่าเรื่องนี้ เราได้มีการพิจารณาไปแล้ว แต่กลับถูกนายพิสิษฐ์ อภิวัฒนาพงศ์ สว. ขอใช้สิทธิ์พาดพิง ทำให้นายมงคลต้องอนุญาตให้พูดแต่ขอให้พูดให้สุภาพด้วย
นายพิสิษฐ์ กล่าวว่า การที่ น.ส.นันทนากล่าวหาตนว่าไม่ควรประท้วงเพราะเป็นเรื่องที่ไม่ได้พูดซ้ำ แต่ตนฟังมา 3 รอบแล้ว และตนรู้สึกเป็นห่วงสุขภาพของ สว.บางท่าน อยากให้ไปพบแพทย์ คิดว่าท่านน่าจะป่วยเป็นโรค OCD ย้ำคิดย้ำทำ
ทำให้นายมงคล เบรกไม่ให้พูด พร้อมกล่าวว่าประเด็นนี้ที่ประชุมได้มีการอภิปรายและมีมติแล้วในสมัยประชุมวิสามัญครั้งที่แล้ว ดังนั้น ขอให้หยุดพาดพิงเรื่องนี้ ไม่อย่างนั้น เราจะเดินหน้าต่อลำบาก เราจะใช้เวลาให้เป็นประโยชน์ที่สุด
นายพิสิษฐ์ จึงลุกขึ้นขอว่าครั้งนี้เป็นครั้งสุดท้ายที่ น.ส.นันทนาจะพูดเรื่องนี้ ถ้าท่านประธานสัญญากับตน ตนจะไม่ขึ้นพูดอีกแล้ว นายมงคลจึงขอให้ยุติการอภิปรายในเรื่องนี้ แต่ น.ส.นันทนา พยายามขออภิปราย นายมงคลจึงได้ปิดไมค์ แต่ น.ส.นันทนา ตะโกนว่า การที่นายพิสิษฐ์อภิปรายเป็นการด้อยค่า สว.ในสภา ตนต้องฟ้องประชาชน ถ้าประธานปล่อยให้คนเหล่านี้พูด ขอให้เขาถอนคำพูดด้วย
“ตอนถอน! ครั้งที่แล้วก็ด้อยค่าดิฉัน ประชาชนลงโทษไปแล้วไม่สำนึก วันนี้ดิฉันต้องให้ถอนค่ะ” น.ส.นันทนา กล่าว
นายมงคลจึงขอให้นายพิสิษฐ์ถอนคำพูด ซึ่งนายพิสิษฐ์ก็ยินดีถอน แต่ขอให้ น.ส.นันทนาหยุดอภิปรายเรื่องนี้ซ้ำไปซ้ำมา ทำให้นายมงคลพยายามเบรกให้ทั้งสองคนหยุดพูด อย่างไรก็ตาม ในที่ประชุม สว. ได้ลุกขึ้นมาทั้ง นพ.เปรมศักดิ์ เพียยุระ และนายปริญญา วงศ์เชิดขวัญ ขอให้ดำเนินการประชุมต่อ เพื่อให้มีผลต่อการดำเนินการ
ต่อมาเป็นการประชุมลับ ใช้เวลาประมาณครึ่งชั่วโมง ก่อนที่จะลงมติเห็นด้วย 172 เสียง ไม่เห็นด้วย ไม่มี งดออกเสียง 14 เสียง ไม่ลงคะแนน 1 เสียง จึงถือว่านายอิทธิพรได้รับความเห็นชอบจากวุฒิสภาด้วยคะแนนเสียงข้างมากให้เป็น อสส.