โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ทั่วไป

ภูมิธรรมสั่งตำรวจภูธรภาค 3 รับเรื่องร้องทุกข์ประชาชน-ราชการ ก่อนส่งอัยการสูงสุดฟ้องกัมพูชา-ผู้นำ กรณีคุกคามอธิปไตยไทย

THE STANDARD

อัพเดต 1 ชั่วโมงที่ผ่านมา • เผยแพร่ 1 ชั่วโมงที่ผ่านมา • thestandard.co
ภูมิธรรมสั่งตำรวจภูธรภาค 3 รับเรื่องร้องทุกข์ประชาชน-ราชการ ก่อนส่งอัยการสูงสุดฟ้องกัมพูชา-ผู้นำ กรณีคุกคามอธิปไตยไทย

วันนี้ (18 สิงหาคม) ภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เปิดเผยภายหลังการประชุมสภาความมั่นคงแห่งชาติ ว่า ขณะนี้สถานการณ์บริเวณชายแดนไทยกัมพูชายังต้องเฝ้าระวัง จึงต้องติดตามอย่างใกล้ชิด

ส่วนเรื่องการเจรจาเขตแดนทั้งหลายยังไม่จบง่ายๆ และยังรอการประชุมตามกรอบต่างๆ ซึ่งการประชุมคณะกรรมการชายแดนส่วนภูมิภาค (RBC) จะเกิดขึ้นในช่วงวันที่ 25-27 สิงหาคมนี้ ขณะที่วันที่ 8-10 กันยายน จะเป็นการประชุมคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา (JBC) ที่เมืองเสียมราฐ ประเทศกัมพูชา

ภูมิธรรมระบุว่า ได้สั่งการให้หน่วยราชการติดตามข่าวสารและประสานงานกันอย่างมีเอกภาพโดยเฉพาะในเรื่องข่าวสารที่สร้างความสับสนและความเข้าใจผิดให้กับพี่น้องประชาชน ยอมรับว่าขณะนี้มีกระบวนการปฏิบัติการข้อมูลข่าวสาร (IO) ที่ต้องขอช่วยกันไม่ให้ตกเป็นเหยื่อของเรื่องนี้

ขณะเดียวกัน ที่ประชุมยังมีการพิจารณาเรื่องการดำเนินคดีตามกฎหมายฟ้องร้องกัมพูชาและผู้นำ กรณีใช้กำลังทหารและอาวุธยุทโธปกรณ์ในการคุกคามอธิปไตยของไทย โดยฝ่ายกฎหมายได้พิจารณามอบหมายให้กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 3 เป็นศูนย์รวมในการรับเรื่องราวร้องทุกข์กรณีที่กระทบต่อทรัพย์สินจากพี่น้องประชาชน และหน่วยราชการต่างๆ เพื่อทำการร้องเรียนส่งอัยการสูงสุด พร้อมย้ำว่าเรื่องนี้เป็นสิ่งที่รัฐบาลคำนึงถึง และต้องทำเพราะหากไม่ทำก็จะโดนข้อกล่าวหา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 ฐานละเว้นปฏิบัติหน้าที่

ภูมิธรรมระบุด้วยว่า หลังจากนี้ จะต้องเฝ้าระวังให้มากขึ้น พร้อมดำเนินแผนเดิมต่อจนกว่าจะเห็นทิศทางการเจรจาตามกรอบ และจะมีการพิจารณาปรับเปลี่ยนแผนจนกว่าทุกอย่างจะกลับเข้าสู่สภาวะปกติ

ส่วนเหตุผลที่ใช้วิธีการฟ้องร้องภายในประเทศนั้น ภูมิธรรมระบุว่า เป็นสิ่งที่สามารถทำได้เลย อย่างน้อยก็เป็นคดีที่มีชนักติดหลัง หากเข้ามาประเทศเมื่อไหร่ก็ดำเนินการจับกุม ส่วนจะฟ้องสมเด็จ ฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา หรือ ฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชาหรือไม่นั้น หลังจากกองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 3 ทำการสอบสวนแล้ว อัยการสูงสุดจะเป็นผู้พิจารณา สำหรับการดำเนินการระหว่างประเทศนั้น ยังไม่ถึงขั้นตอนขอบเขตอำนาจศาลโลก

ส่วนการสืบเส้นทางการเงินและเครือข่ายนักการเมืองของ สมเด็จ ฮุน เซน ในไทย ภูมิธรรมระบุว่า ต้องพิจารณาตามความเหมาะสม หากจะทำจริงเป็นเรื่องที่ไม่ควรนำเอามาพูด เพราะเป็นเรื่องราชการและกระบวนการยุติธรรม พร้อมยืนยันว่า ยังไม่เคยพูดสักครั้งว่าจะยุบศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา (ศบ.ทก.)

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...

ล่าสุดจาก THE STANDARD

มิซูโน เดินหน้าลุยตลาดไทย เปิดแฟล็กชิปสโตร์โฉมใหม่กลางเมือง

13 นาทีที่แล้ว

‘หวยเกษียณ’ พลิกชีวิตคนไทยให้ ‘แก่’ แต่ไม่จน

22 นาทีที่แล้ว

รู้จักกลไก Negative Income Tax ระบบสวัสดิการใหม่ ที่ทุกคนต้องยื่นภาษี? วิเคราะห์กลุ่มเป้าหมาย ใครควรได้รับเงินโอนบ้าง?

53 นาทีที่แล้ว

ส่องภารกิจผู้สังเกตการณ์ 8 ชาติอาเซียน พิสูจน์เหตุปะทะ ณ ชายแดนไทย-กัมพูชา

1 ชั่วโมงที่ผ่านมา

วิดีโอแนะนำ

ข่าวและบทความทั่วไปอื่น ๆ

มิซูโน เดินหน้าลุยตลาดไทย เปิดแฟล็กชิปสโตร์โฉมใหม่กลางเมือง

THE STANDARD

“ทนายรณณรงค์” แจงปม “สาวบิว” รับบริจาคมีความผิด

สำนักข่าวไทย Online

กองทัพภาคที่ 2 เตือนข่าวปลอม ‘โปรดเกล้าฯ แต่งตั้งนายพล’

The Bangkok Insight
วิดีโอ

ตำรวจทางหลวงสกัดจับขบวนการรับจำนำรถออนไลน์ ก่อนถูกส่งข้ามไปประเทศเพื่อนบ้าน

สวพ.FM91

‘หวยเกษียณ’ พลิกชีวิตคนไทยให้ ‘แก่’ แต่ไม่จน

THE STANDARD
วิดีโอ

"นพ.สุภัทร" ชี้แจง จัดซื้อ ATK ตามระเบียบ

Thai PBS

สตง.แจงคว้าที่ 1 องค์กรอิสระโปร่งใส ชี้การประเมิน 3 ส่วน

สยามรัฐ

'กัมพูชา' ขอไทยหยุดรุกล้ำพื้นที่ชายแดน เตือน 'ทุ่นระเบิด' ไม่มีตา ไม่เลือกชาติ

Khaosod

ข่าวและบทความยอดนิยม

รมช.กลาโหมยืนยันไม่มีรื้อรั้วลวดหนาม ชายแดนไทย-กัมพูชา

THE STANDARD

ณัฐพงษ์ลงพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา ติดตามการเยียวยาประชาชน ชี้ขั้นตอนเยอะทำล่าช้า แนะรัฐจ่ายถ้วนหน้า

THE STANDARD

กองทัพบกแจงปมปักรั้วลวดหนามชายแดน ยืนยัน บ้านหนองจาน จ.สระแก้ว เป็นดินแดนไทย

THE STANDARD
ดูเพิ่ม
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...