ครม.นัดพิเศษตั้ง ‘ภูมิธรรม’ ทำหน้าที่นายกฯ “หมอมิ้ง” นั่งเลขาฯต่อ – สั่งชะลอนโยบายที่มีผลผูกพันรัฐบาลใหม่
เมื่อวันที่ 30 สิงหาคม 2568 เวลา 10.00 น. นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เป็นประธานการประชุมคณะรัฐมนตรี (นัดพิเศษ) ณ ห้องประชุม 501 ตึกบัญชาการ 1 ทำเนียบรัฐบาล
ครม.นัดพิเศษตั้ง ‘ภูมิธรรม’ ปฏิบัติหน้าที่แทนนายกฯ “หมอมิ้ง” นั่งเลขาฯต่อ – กำหนดกรอบการทำงาน-สั่งชะลองานนโยบายที่มีผลผูกพันรัฐบาลชุดใหม่
ภายหลังการประชุม ครม.นัดพิเศษ นายชูศักดิ์ ศิรินิล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า สืบเนื่องมาจากการที่ศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยให้นายกรัฐมนตรีพ้นจากตำแหน่งเมื่อวานนี้ เป็นเหตุให้คณะรัฐมนตรี หรือ ครม.ทั้งคณะพ้นจากตำแหน่ง รวมทั้งข้าราชการการเมือง และโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีก็พ้นจากตำแหน่งไปด้วยเช่นกัน ตนจึงได้รับมอบหมายให้มาแถลงผลการประชุม ครม.นัดพิเศษได้มีการพิจารณาและเห็นชอบในเรื่องสำคัญ ดังนี้
1) เรื่อง การมอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรี เป็นผู้ปฏิบัติหน้าที่แทนนายกรัฐมนตรี โดยที่ประชุมคณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบมอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรี (นายภูมิธรรม เวชยชัย ) เป็นผู้ปฏิบัติหน้าที่แทนนายกรัฐมนตรีตามที่สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี (สลค.) เสนอ
ทั้งนี้ เป็นผลสืบเนื่องมาจากกรณีศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย ให้ความเป็นรัฐมนตรีของนายกรัฐมนตรีสิ้นสุดลงเฉพาะตัว ตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย มาตรา 170 (4) และเมื่อความเป็นรัฐมนตรีของนายกรัฐมนตรี สิ้นสุดลง จึงเป็นเหตุให้รัฐมนตรี ทั้งคณะพ้นจากตำแหน่ง ตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย มาตรา 167 (1) แต่ด้วยความที่ความเป็นรัฐมนตรีของนายกรัฐมนตรีสิ้นสุดลงเฉพาะตัว ตามมาตรา 170 (4) ทำให้นายกรัฐมนตรี จะปฏิบัติหน้าที่ต่อไปไม่ได้ และคณะรัฐมนตรีที่เหลืออยู่จึงอยู่ในตำแหน่ง เพื่อปฏิบัติหน้าที่ต่อไปจนกว่าคณะรัฐมนตรีที่ตั้งขึ้นใหม่จะเข้ารับหน้าที่ ตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย มาตรา 168 (1)
ขณะที่พระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ. 2534 มาตรา 10 วรรคสี่ บัญญัติว่า “ในระหว่างที่คณะรัฐมนตรี ต้องอยู่ในตำแหน่งเพื่อปฏิบัติหน้าที่ต่อไปจนกว่าคณะรัฐมนตรีที่ตั้งขึ้นใหม่จะเข้ารับหน้าที่ เพราะนายกรัฐมนตรีตาย ขาดคุณสมบัติ ต้องคำพิพากษาให้จำคุก สภาผู้แทนราษฎร มีมติไม่ไว้วางใจ ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่า ความเป็นรัฐมนตรีของนายกรัฐมนตรีสิ้นสุดลง หรือ วุฒิสภามีมติให้ถอดถอนจากตำแหน่ง ให้คณะรัฐมนตรีมอบหมายให้รัฐมนตรีคนใดคนหนึ่ง เป็นผู้ปฏิบัติหน้าที่แทนนายกรัฐมนตรี”
2) ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการแต่งตั้ง นายพรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช ให้ดำรงตำแหน่งข้าราชการการเมือง ตำแหน่งเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 30 สิงหาคม 2568 เป็นต้นไป
3) เรื่อง แนวทางการปฏิบัติหน้าที่ของคณะรัฐมนตรี กรณีศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยให้ความเป็นรัฐมนตรีของนายกรัฐมนตรีสิ้นสุดลงเฉพาะตัว ตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย มาตรา 170 (4) ที่ประชุม ครม. มีมติเห็นชอบแนวทางการปฏิบัติหน้าที่ของ ครม. ตามที่สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี (สลค.) เสนอ สรุปดังนี้
- แม้ ครม. สิ้นสุดลง แต่ต้องอยู่ในตำแหน่ง เพื่อปฏิบัติหน้าที่ต่อไป โดยยังคงมีหน้าที่บริหารราชการแผ่นดินให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อประเทศ
- เรื่องที่เป็นนโยบายซึ่งมีผลผูกพัน ครม. ชุดใหม่ ไม่ควรพิจารณา
- เรื่องที่จำเป็น เร่งด่วน หรือ เรื่องที่ต่อเนื่อง ให้พิจารณาเป็นเรื่อง ๆ ไป เช่น การอนุมัติรายการก่อหนี้ผูกพันฯ รายการใหม่ การจัดตั้งหน่วยงานใหม่
- ร่าง พ.ร.บ. (1) กรณีคณะรัฐมนตรีอนุมัติหลักการก่อนวันที่ 29 สิงหาคม 2568 และอยู่ระหว่างการตรวจพิจารณาของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา (สคก.) หาก สคก. ตรวจพิจารณาเสร็จแล้วและต้องเสนอ ครม. พิจารณาอีกครั้งหนึ่ง ให้รอเสนอ ครม. ชุดใหม่ (2) ร่าง พ.ร.บ. ที่ ครม. มีมติอนุมัติหลักการก่อนวันที่ 29 สิงหาคม 2568 และ สคก. ตรวจพิจารณาเสร็จแล้ว ให้เสนอสภาผู้แทนราษฎรต่อไป (3) ร่าง พ.ร.บ. ที่กำลังจะเสนอ ครม. หากมีความจำเป็นเพื่อรักษาประโยชน์ของรัฐ ให้ดำเนินการได้ตามความเหมาะสม
นายชูศักดิ์ ศิรินิล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี
รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ตอบคำถามสื่อมวลชน ว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (นัดพิเศษ) ยังได้มีการพูดคุยถึงเรื่องกฎหมายที่ผ่าน ครม. ไปแล้ว และอยู่ในชั้นกฤษฎีกาในหลักปฏิบัติ ต้องให้ ครม. ชุดใหม่ พิจารณาอนุมัติ (approve) ด้วย แต่ในเชิงนโยบายที่อาจจะผูกพันรัฐบาลชุดใหม่ จึงมีมติให้ชะลอไว้ก่อน ซึ่งเป็นหลักทั่วไปที่ปฏิบัติกันมา
4) ข้าราชการการเมืองที่ นรม. แต่งตั้ง เช่น กรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรี ผู้แทนการค้าไทย และ คณะกรรมการที่นายกรัฐมนตรีแต่งตั้ง ต้องพ้นจากตำแหน่งไปด้วย ซึ่งหากจะให้ปฏิบัติหน้าที่ต่อไป ให้ดำเนินการแต่งตั้งตามกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัดด้วย
ขณะที่ประเด็นสถานการณ์ไทย-กัมพูชา แม้คำสั่งแต่งตั้งต่าง ๆ ของนายกรัฐมนตรีจะสิ้นผลลง แต่จะมีการเสนอ ศบ.ทก. ปฏิบัติหน้าที่ต่อไป