"สี จิ้นผิง" ออกโรงเวที SCO ชวนผู้นำโลกต้านแนวคิด "สงครามเย็น" หนุนการค้าพหุภาคี ท้าทายสหรัฐฯ
"สี จิ้นผิง" ออกโรงเวที SCO ชวนผู้นำโลกต้านแนวคิดสงครามเย็น หนุนการค้าพหุภาคี ท้าทายสหรัฐฯ
ประธานาธิบดีสี จิ้นผิงของจีน กล่าวเปิดการประชุมองค์การความร่วมมือเซี่ยงไฮ้ (SCO) เมื่อวันจันทร์ (1 กันยายน 2568) ท่ามกลางผู้นำโลกกว่า 20 คนที่มารวมตัวกัน ณ นครเทียนจิน รวมถึงวลาดิเมียร์ ปูติน ประธานาธิบดีรัสเซีย และนเรนทรา โมดี นายกรัฐมนตรีอินเดีย การประชุมครั้งนี้จัดขึ้นในช่วงเวลาที่จีนพยายามแสดงบทบาทตัวเองในฐานะผู้สร้างสันติภาพระดับโลก ท่ามกลางสงครามและความตึงเครียดทางการค้าที่เพิ่มสูงขึ้น
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า ประธานาธิบดีสีกล่าวว่า เราควรทุ่มเทเพื่อโลกพหุภาคีนิยมที่เท่าเทียมและเป็นระเบียบ, โลกาภิวัตน์ทางเศรษฐกิจที่ครอบคลุม และส่งเสริมการสร้างระบบธรรมาภิบาลโลกที่เป็นธรรมและเท่าเทียมมากกว่านี้ นอกจากนี้ทางการจีนจะมอบความช่วยเหลือแบบให้เปล่า 2 พันล้านหยวน (9,160 ล้านบาท)ให้กับสมาชิก SCO และสินเชื่อเพิ่มเติมอีก 1 หมื่นล้านหยวนให้กับธนาคารของ SCO ด้วย
สี จิ้นผิง ได้กล่าวย้ำว่า เราต้องใช้ประโยชน์จากตลาดขนาดใหญ่ เพื่อยกระดับการอำนวยความสะดวกด้านการค้าและการลงทุน และเพิ่มความร่วมมือในหลายสาขา อาทิ พลังงาน โครงสร้างพื้นฐาน วิทยาศาสตรและเทคโนโลยี และปัญญาประดิษฐ์ (AI)
นอกจากนี้ผู้นำของจียังเรียกร้องให้พันธมิตรของ SCO “ต่อต้านวิธีคิดแบบสงครามเย็นและการเผชิญหน้าของกลุ่ม” และสนับสนุนระบบการค้าพหุภาคี เห็นได้ชัดว่าเป็นการเหน็บไปยังสหรัฐฯ ที่กำลังดำเนินมาตรการสงครามภาษีของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ และได้สร้างความเสียหายให้กับเขตเศรษฐกิจกำลังพัฒนาหนักมาก เช่น อินเดีย ที่ถูกขึ้นภาษี 50% เมื่อสัปดาห์ก่อน
ทั้งนี้ SCO เป็นกลุ่มความร่วมมือเน้นด้านความมั่นคง เริ่มต้นจากกลุ่มประเทศยูเรเซียหกประเทศ จากนั้นขยายตัวเป็นสมาชิกถาวร 10 ประเทศ คู่เจรจาและประเทศผู้สังเกตการณ์อีก 16 ประเทศ
ด้านปูตินกล่าวว่า SCO ได้ฟื้นฟู “พหุภาคีนิยมของแท้” เห็นได้จากมีการใช้สกุลเงินแห่งชาติทำธุรกรรมระหว่างกันมากขึ้น และในทางกลับกัน นี่คือการวางรากฐานทางการเมืองและเศรษฐสังคมเพื่อการก่อตั้งระบบความมั่นคงและเสถียรภาพใหม่ในยูเรเซีย โดยระบบความมั่นคงนี้ แตกต่างจากโมเดลที่เน้นยุโรปและยูโร-แอตแลนติกเป็นศูนย์กลางตรงที่จะคำนึงถึงผลประโยชน์ของประเทศต่างๆ อย่างกว้างขวางแท้จริง มีความสมดุลของจริง และจะไม่อนุญาตให้ประเทศใดประเทศหนึ่งต้องรับประกันความปลอดภัยของตนเองโดยไม่คำนึงถึงประเทศอื่นๆ
ขณะที่นักวิเคราะห์มองว่า จีนใช้การประชุม SCO ที่ยิ่งใหญ่เป็นประวัติการณ์ แสดงวิสัยทัศน์ระเบียบโลกทางเลือก นอกเหนือจากระเบียบโลกเดิมที่มีสหรัฐฯ เป็นแกนนำ ในช่วงเวลาที่รัฐบาลของทรัมป์กำลังล่าถอยจากองค์สถาบันระหว่างประเทศและความผันผวนทางภูมิรัฐศาสตร์
ที่สำคัญ คือ การประชุมครั้งนี้ยังเป็นโอกาสฟื้นความสัมพันธ์ระหว่างจีนกับอินเดีย เมื่อมีการเชิญนายกฯ โมดีมาเยือนจีนเป็นครั้งแรกในรอบ 7 ปี ซึ่งโมดีและสี ได้หารือแบบทวิภาคีและมีความเห็นชอบออกมาเมื่อวันอาทิตย์ว่า อินเดียและจีนเป็นพันธมิตรแห่งการพัฒนาไม่ใช่คู่แข่ง สองประเทศได้หารือเพื่อยกระดับความสัมพันธ์ทางการค้าท่ามกลางความไม่แน่นอนของโลกจากภาษีสหรัฐ
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
- พันธมิตรสะเทือนโลก "อินเดีย-จีน-รัสเซีย" จับมือหวานชื่น ประกาศยืนหยัดเคียงข้าง ท่ามกลางศึก "ภาษีทรัมป์"
- ทำไมจีนและอินเดียหันหน้าผนึกกำลังกัน?
- อินเดีย - จีน - รัสเซีย จับมือกระชับสัมพันธ์ ตอกหน้าสหรัฐฯ หลังถูกบีบหนักจากภาษี "ทรัมป์"
- ไม่สนคำตัดสิน “สหรัฐฯ” ยันเดินหน้าดีล "ภาษีทรัมป์" กับคู่ค้าต่างประเทศต่อไป แม้ศาลอุทธรณ์ชี้ว่าไม่ชอบด้วยกฎหมาย
- โมดี-สี จิ้นผิง เจอกันครั้งแรกในรอบ 7 ปี มุ่งเดินหน้าฟื้นสัมพันธ์