‘ศุภชัย’ สอน ‘เดชอิศม์’ เป็นคนไม่พอต้องเป็นมนุษย์ที่มีคุณธรรมด้วย
เมื่อวันที่ 1 ก.ย. 68 นายศุภชัย ใจสมุทร ประธานคณะทำงานฝ่ายกฎหมาย พรรคภูมิใจไทย (ภท.) โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว กรณีที่ นายเดชอิศม์ ขาวทอง ออกมาพาดพิงพรรคภูมิใจไทย เรื่องการจับมือร่วมรัฐบาล ว่า อดีต รมช.มหาดไทย เดชอิศม์ ขาวทอง เพิ่งพ้นตำแหน่งไปพร้อมกับนายกรัฐมนตรีที่ถูกศาลวินิจฉัยว่าผิดจริยธรรมอย่างร้ายแรง ได้กล่าวว่า “ถ้าจับมือกับ ภูมิใจไทยก็ไม่เหลือความเป็นคน” ซึ่งเป็นถ้อยคำที่น่าสนใจและน่าคิดวิเคราะห์ตามว่าความเป็นคนนั้นคืออะไร และความเข้าใจของท่านอดีตรัฐมนตรีเกี่ยวกับเรื่องนี้เป็นเช่นไร เหมือนหรือแตกต่างกับวิญูญูชนอย่างไร
นายศุภชัย ระบุว่า มีผู้รู้บางท่านเคยกล่าวว่า “เราต้องทำคนให้เป็นมนุษย์” นั่นหมายความเป็นคนยังไม่พอต้องเป็นมนุษย์ด้วย คำว่ามนุษย์มาจากคำ “มนะ” แปลว่า “จิตใจ” สมาสกับ “อุษย์” แปลว่า “สูง” พจนานุกรม ฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2542 จึงบัญญัติว่า “มนุษย์ คือ สัตว์ที่รู้จักใช้เหตุผล, สัตว์ที่มีจิตใจสูง”
นายศุภชัย กล่าวว่า ในเรื่องนี้ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ อดีตประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ ปูชนียบุคคลของชาวสงขลาของท่านอดีตรัฐมนตรีและชาวไทย ได้กล่าวปาฐกถาในโอกาสครบรอบ 12 ปีของสำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน เมื่อวันที่ 3 เม.ย. 2555 ว่า "คุณธรรม คือ ความดีที่มีอยู่ในใจที่ทำให้เกิดผลดีต่อผู้อื่น โดยคนดีมีคุณธรรมต้อง ซื่อสัตย์สุจริต คิดดี พูดดี ทำดี คิดตรง พูดตรง ทำตรง ทั้งต่อหน้าและลับหลัง ไม่พลิกพลิ้ว ในคำพูดและการกระทำ รวมถึงต้องมีเมตตาช่วยเหลือผู้ตกทุกข์ได้ยาก ที่สำคัญต้องไม่เบียดเบียนคนอื่น ไม่คดโกง ไม่รังแกคนที่อ่อนแอกว่าหรือผู้หญิง ไม่ฉ้อราษฎร์บังหลวง และไม่ทำทุจริต" นั่นหมายความว่าเป็นคนอย่างเดียวไม่พอแต่ต้องเป็นมนุษย์และมีคุณธรรมด้วย
นายศุภชัย ระบุว่า ผมนับถือศาสนาอิสลาม แต่เคยรู้มาว่าหลักพื้นฐานของ “ความเป็นมนุษย์” ตามหลักของพระพุทธศาสนา คือ ไม่เอาเปรียบ ไม่ละเมิดสิทธิของผู้อื่น ไม่ก้าวร้าว และประกอบสัมมาอาชีพเพื่อประโยชน์ของสังคม
สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปรินณายก เคยมีพระดำรัสว่า
“คุณค่าของความเป็นคนหรือเป็นมนุษย์ คือ ความไม่เป็นสัตว์”
“การรักษาคุณค่าของความเป็นมนุษย์ไว้ให้สมบูรณ์ ไม่ใช่การรักษาชีวิตให้ยืนยาวเท่านั้นแต่ต้องรักษาความเป็นคนไว้ไม่ให้สูญเสียไปด้วย กล่าวคือความแตกต่างของคนกับสัตว์อยู่ตรงที่สัตว์ไม่รู้จักการใช้เหตุผล เพราะไม่มีปัญญาเท่าเทียมกับมนุษย์ สัตว์จะดำรงชีวิตส่วนใหญ่ด้วยสัญชาตญาณ ไม่รู้ผิด ชอบ ชั่วดี แต่มนุษย์ถูกขัดเกลาและปลูกฝังให้มีคุณธรรม มีสติปัญญาเรียนรู้ว่า เมตตากรุณาเป็นสิ่งที่ดี คนที่ขาดเมตตากรุณามักจะได้รับการประณามว่ามีจิตใจเยี่ยงสัตว์เดรัจฉาน” นายศุภชัย ระบุ
นายศุภชัย ระบุต่อว่า ที่กล่าวข้างต้นเพียงจะบอกว่าความเป็นคนในความเข้าใจของท่านอดีตรัฐมนตรีกับคนทั่วไปจะเหมือนหรือแตกต่างอย่างไรก็อยู่ที่เราถามตัวเองว่าแท้จริงแล้วเราเป็นแค่คนหรือเป็นมนุษย์และมีคุณธรรมหรือไม่ ซึ่งเราจะเป็นเช่นไรก็รู้แก่ใจของตัวเอง
นายศุภชัย ระบุว่า ผมจำเป็นที่จะต้องออกมาแสดงความเห็นเรื่องนี้ เพราะผมเป็นผู้หนึ่งที่ได้ร่วมก่อตั้งพรรคภูมิใจไทย จากพรรคเล็กๆ จนผ่านมา 17 ปี พรรคของผมก็เติบโตแข็งแรงยิ่งๆ ขึ้น จนวันนี้หัวหน้าพรรคกำลังจะถูกเสนอชื่อให้เป็นนายกรัฐมนตรี และขอบอกอดีตรัฐมนตรีที่เป็นเลขาธิการพรรคการเมืองที่เคยยิ่งใหญ่ยาวนานแต่นับวันกลับกลายเป็นพรรคที่เล็กลงๆ ว่าจริงๆ ท่านไม่ควรใช้วาจาเช่นนั้นเพราะมนุษย์ผู้มีคุณธรรมเขาไม่พูดกัน แต่ท่านคงไม่เข้าใจ เพราะท่านคงใช้มาตรฐานของท่านและท่านประเมินตัวเองสูงไป หรือหลงตัวเอง จนเข้าใจว่าพรรคภูมิใจไทยกระสันจะไปจับมือกับท่าน
นายศุภชัย ระบุว่า สิ่งสำคัญที่สุดที่ผมเข้าใจเอาเองว่าท่านน่าจะรู้คือหลักสากล และข้อสันนิษฐานตามรัฐธรรมนูญที่สันนิษฐานไว้ก่อนว่าเป็นผู้บริสุทธิ์ (Presumption of innocence) วันนี้เท่าที่ปรากฏเรื่องคดี ฮั้ว สว. อยู่ในกระบวนการสืบสวนสอบสวนซึ่งถ้าคิดว่ามีอยู่ 10 ขั้นตอน วันนี้อยู่ในขั้นตอนที่ 2 จะถูกผิดอย่างไรยังมีอีกหลายขั้นตอน ซึ่งท่านอดีตรัฐมนตรีก็รู้ดีว่ามีคำสั่งจากฝ่ายการเมืองให้ดีเอสไอดำเนินการที่ไม่ชอบ
นายศุภชัย ระบุ แต่ถึงเวลานี้ท่านด่วนตัดสินไปแล้วว่าผู้ถูกกล่าวหาได้กระทำความผิด ซึ่งเป็นวิธีคิดที่ผิดหลักข้อสันนิษฐานดังกล่าวข้างต้น ซึ่งคนเช่นท่านที่เคยดำรงตำแหน่งเป็นถึงรัฐมนตรีเสนาบดีไม่น่าจะคิดเช่นนี้ เพราะถ้าเปรียบเทียบกับคดีเครือญาติของท่านที่บุกรุกโบราณสถาน ที่จังหวัดสงขลาคดีนั้นศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำคุกหลายปี แต่ท่านก็อ้างข้อสันนิษฐานว่ายังเป็นผู้บริสุทธิ์อยู่เพราะคดียังไม่ถึงที่สุด ซึ่งท่านก็พออ้อมแอ้มกล่าวอ้างได้ ทั้งที่ศาลได้พิพากษาแล้ว ซึ่งต่างกับคดีฮั้ว สว.ราวกับฟ้ากับเหว
“เรื่อง จับมือหรือไม่จับกับท่านอดีตรัฐมนตรีหรือไม่ ที่ท่านพูด ผมมั่นใจว่าพรรคภูมิใจไทยไม่ได้ให้ค่าให้ราคา เพราะไม่คิดว่าท่านอดีตรัฐมนตรีจะพูดในนามพรรคประชาธิปัตย์ เพราะเท่าที่เห็นในวันนี้ที่ท่านอดีตรัฐมนตรีได้เดินทางร่วมไปพรรคประชาชน กับพรรคเพื่อไทย ท่านก็บอกว่าไปในนามส่วนตัว แต่ก็ต้องบอกกันตรงๆ ว่าสถานะความเป็นเลขาธิการพรรคการเมืองนั้นสำคัญยิ่ง ที่ท่านอดีตรัฐมนตรีดำรงตำแหน่งอยู่นั้นท่านต้องเรียนรู้อีกมากว่าการจะทำหน้าที่ให้สมบูรณ์เทียบเท่าเลขาธิการพรรคในอดีต ให้สมกับฐานานุรูปของตำแหน่งที่ท่านเป็นนั้นซึ่งดูแล้ว ยากเย็นยิ่งนัก” นายศุภชัย ระบุ
นายศุภชัย ระบุทิ้งท้ายว่า โพสต์นี้ยาวหน่อยนะครับ แต่เรื่อง “คน” ต้องค่อยๆ ซึมซับ.