‘ส่งออก’ ไร้ทางออกเงื่อนไขสหรัฐ 7 กลุ่มอุตฯ RVC ต่ำ-ดิ้นหนีภาษี 40%
แม้ว่าการเจรจาต่อรองอัตราภาษีของทีมไทยแลนด์ ภายใต้การนำทีมโดย นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กับตัวแทนการค้าของสหรัฐอเมริกา (ยูเอสทีอาร์) จะจบลงด้วยความพึงพอใจ ท่ามกลางความโล่งอกของผู้ส่งออกไทย
โดยประเทศไทยได้รับอัตราภาษีศุลกากรตอบโต้ (Reciprocal Tariffs) ที่ 19% ถือว่าอยู่ในระดับที่แข่งขันได้ เมื่อเทียบกับประเทศเพื่อนบ้านในอาเซียน ขณะเดียวกัน เป็นอัตราที่ถือว่าดีกว่าคู่แข่งสำคัญอย่างเวียดนาม ที่ได้รับอัตราสูงกว่า ที่ 20%
RVC เงื่อนตายส่งออกไทย
แต่ถึงกระนั้น การต่อรองอัตราภาษีเป็นเพียงเกมที่ชนะเพียง“ด่านแรก” เท่านั้น เพราะยังมีรายละเอียด เงื่อนไขอีกนับ 10 ข้อที่ประเทศไทยต้องแลกเปลี่ยนเพื่อให้ได้มา บวกกับการยอมเปิดให้สหรัฐนำเข้าในอัตราภาษี 0% สำหรับสินค้าอีกกว่า 11,000 รายการ การลดอุปสรรคด้านสุขอนามัย ศุลกากร และขั้นตอนการรับรองสินค้าสหรัฐ อย่างเช่น การอนุญาตให้สินค้าผ่านด่านก่อนแล้วตรวจ การเปิดทางให้สหรัฐเข้าลงทุนพลังงานสะอาด เซมิคอนดักเตอร์ โลจิสติกส์ ในเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ด้วยบริการ Fast-track พร้อมสิทธิประโยชน์จากสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) หรือแม้กระทั่งการซื้อก๊าซธรรมชาติ LNG เครื่องบินโบอิ้งรุ่นใหม่
ที่สำคัญและน่าวิตกกังวลที่สุด คือ หนึ่งในเงื่อนไขที่ทำได้ยากยิ่ง นั่นคือ เงื่อนไขเรื่องของกฎว่าด้วยถิ่นกำเนิดสินค้า หรือ RVC (Rules of Origin) ที่ไทยต้องยินยอมใช้ระบบตรวจสอบถิ่นกำเนิดสินค้าที่ยืดหยุ่นน้อยลง เพื่อป้องกันกรณี “สินค้าจีนส่งออกผ่านทางไทย” และสร้างความเชื่อมั่นว่า สินค้าไทยไม่ถูกใช้เป็นทางผ่านเพื่อหลบเลี่ยงภาษี
ห่วง 7 กลุ่ม Local Content ต่ำ
ในการประชุมคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) สัปดาห์ที่ผ่านมา ที่ประชุมได้หยิบเอาประเด็น RVC ขึ้นมาหารือ อย่างมีนัยสำคัญ เนื่องจากไทยเองก็ยังคงขาดข้อมูลสำคัญด้านโครงสร้างการผลิตรายอุตสาหกรรม เช่น การใช้วัตถุดิบขั้นต้นและขั้นกลางในประเทศ รวมถึงข้อมูลสัดส่วน RVC เอง ขณะนี้จึงได้เริ่มสำรวจและเก็บข้อมูลพื้นฐาน เพื่อให้สามารถปฏิบัติได้ตามเงื่อนไขการส่งออกสินค้าไปยังสหรัฐ เป้าหมายเพื่อจะเป็นส่วนหนึ่งในการตัดสินใจและเจรจาภายใต้การค้าโลกรูปแบบใหม่ (New Trade Paradigm) บทบาทของไทยในอาเซียน สร้างโอกาสให้กับผู้ประกอบการไทยในเวทีการค้าโลก ด้วยการยกระดับกระบวนการผลิตตลอดห่วงโซ่อุปทานและอุตสาหกรรมต้นน้ำ เพื่อเพิ่ม Local Content
นายเกรียงไกร เธียรนุกุล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวว่า มาตรการเยียวยาจากภาครัฐในการลดผลกระทบจากการเก็บภาษีตอบโต้การค้าของสหรัฐอเมริกาที่ออกมา ไม่ว่าจะเป็นซอฟต์โลน หรือมาตรการจาก พ.ร.บ.เพิ่มขีดความสามารถฯ ของบีโอไอทั้งหมด ล้วนมีกลไกการดำเนินการที่สามารถทำได้จริง ไม่ยุ่งยาก เป็นเงื่อนไขที่เอกชนสามารถทำได้ และเชื่อว่าจะเป็นส่วนสำคัญในการเยียวยา เป็นทางออกให้กับภาคอุตสาหกรรม ส่วนแต่ละกลุ่มอุตสาหกรรมที่ต้องปรับเพิ่ม RVC นั้น ยอมรับว่าสหรัฐใช้เงื่อนไขนี้มาบีบและเร่งให้เจรจาโดยเร็วที่สุด เพื่อที่ไทยจะได้ไม่ต้องโดนภาษีสูงถึง 40% ในกรณีถูกพิจารณาว่า เป็น Transshipment
ซึ่งขณะนี้ยังคุยไม่ครบทุกกลุ่มอุตสาหกรรม แต่เท่าที่คุยมาแล้ว พบว่ามี 17 กลุ่มอุตสาหกรรมที่ใช้ Local Content หรือกลุ่มที่ใช้ RVC (Thai Content) มากกว่า 40% เช่น กลุ่มไม้อัด หลังคาและอุปกรณ์ แก้วและกระจก มีสัดส่วนใช้ Local Content สูงมากกว่า 80%, เครื่องมือแพทย์ ปิโตรเคมี 70%, ยาง ยานยนต์ สมุนไพร เยื่อและกระดาษ ชิ้นส่วนและอะไหล่ยานยนต์ อัญมณี และเครื่องประดับ 58%, ผลิตภัณฑ์อาหารเสริม เฟอร์นิเจอร์ หนังและผลิตภัณฑ์เครื่องหนัง, เคมี ต่อเรือ สิ่งทอ 45% และเครื่องนุ่งห่ม 40%
อย่างไรก็ตาม ยังคงมีกลุ่มที่น่าห่วงเพราะมีสัดส่วนใช้ Local Content ต่ำกว่า 40% คือ ยาอยู่ที่ 35% อาหารและเครื่องดื่ม 38% เครื่องสำอาง 15% ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ 22.5% เหล็ก 20% โรงกลั่นน้ำมันปิโตรเลียม 7.5%
อัญมณีวอนรัฐช่วยต่อรอง
นายวิบูลย์ หงษ์ศรีจินดา ที่ปรึกษากลุ่มอุตสาหกรรมอัญมณีและเครื่องประดับ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวว่า ปัจจุบันสินค้าอัญมณีและเครื่องประดับต้องนำเข้าจากต่างประเทศเกือบทั้งหมด เพราะประเทศไทยไม่ได้มีแร่ธรรมชาติที่มากพอในการนำมาทำสินค้า โดยส่วนใหญ่นำเข้าวัตถุดิบมาจากจีน ออสเตรเลีย เกาหลี ดังนั้น หากสหรัฐใช้เงื่อนไข RVC มากำหนดให้ต้องเพิ่มสัดส่วน RVC หรือ Local Content ที่สูงถึง 60% ยอมรับว่าทำไม่ได้และยากมาก ต่อให้ใช้เวลาอีกหลายสิบปีก็ไม่สามารถทำได้ ดังนั้น สิ่งที่ทำได้ดีที่สุด คือ รัฐต้องเจรจาแต่ละกลุ่มชี้แจงให้ชัดเจนว่า กลุ่มอุตสาหกรรมไหนทำได้ ทำไม่ได้ เพราะอะไร ซึ่งเหตุผลมันชัดเจนว่าวัตถุดิบมันมีข้อจำกัด
ชี้ RVC ยาก-ไม่มีเวลาปรับตัว
นายวิบูลย์ รักสาสน์เจริญผล เลขาธิการกลุ่มอุตสาหกรรมไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวว่า การจะปรับสัดส่วน RVC เป็นเรื่องที่ยาก ไม่ง่ายเลย แต่เราก็ไม่มีเวลา หากสหรัฐกำหนดมาว่าต้องทำเราก็ต้องทำ อีกทั้งต้องทำให้เร็วที่สุด เราไม่มีเวลาถึง 5 ปีว่าต้องปรับตัว มันต้องทำตอนนี้ แต่อย่างที่บอกคือ มันไม่ง่าย ต้องมาคุยกันว่าวัตถุดิบจะนำเข้าจากที่ไหน ใช้ในประเทศจากไหน ยังไง อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ยังอยู่ระหว่างช่วยกันหาทางออก ตอนนี้ตัวเลข 60% เป็นการประเมินและยังไม่มีการกำหนดอย่างเป็นทางการ คาดว่าอัตราจะเป็นทางการภายในเดือนสิงหาคม 2568 นี้ ที่จะชัดเจนว่าสหรัฐต้องการกี่เปอร์เซ็นต์ที่ให้ไทยต้องทำตาม
นายประวิทย์ หอรุ่งเรือง ที่ปรึกษาสมาคมผู้ผลิตเหล็กทรงยาวด้วยเตาอาร์กไฟฟ้า กล่าวว่า การใช้ Local Content ในกลุ่มเหล็กจะแบ่งออกเป็น 2 ส่วน คือ ส่วนที่เป็นโรงรีดและส่วนที่เป็นโรงหลอม ถ้าในส่วนของโรงหลอม มีสัดส่วนการใช้ Local Content เกิน 60% อยู่แล้ว จึงไม่ใช่เรื่องที่น่าเป็นห่วง แต่โรงรีดนั้นมีการใช้ Local Content ค่อนข้างน้อย หากต้องปรับตัวก็ต้องเพิ่มสัดส่วนในการหาบิลเลตในประเทศมากขึ้น แต่ทั้งนี้ ความยากคือ บิลเลตในประเทศมีไม่เพียงพอ สุดท้ายก็ต้องนำเข้าจากต่างประเทศ ทางออกยังคงหารือกันอยู่ว่าจะต้องใช้วิธีการใด
นายธีรพันธุ์ พิมพ์ทอง ประธานกิตติมศักดิ์ กลุ่มอุตสาหกรรมอะลูมิเนียม กล่าวว่า ปัจจุบันการใช้ Local Content แล้วแต่ประเภทสินค้าต้นน้ำ (เน้นเศษอะลูมิเนียม) หรือกลางน้ำ ถ้าไม่เฉพาะเจาะจง คาดว่าค่าเฉลี่ยจะอยู่ในช่วง 30-40% ขณะที่การเพิ่มเป็น 60% มีผลกระทบมาก เนื่องจาก 1.ไทยเราไม่มีต้นน้ำ เช่น การทำแร่บอกไซด์ การผลิตอะลูมิน่า และกระบวนการ Smelter ภายในประเทศ ซึ่งยังต้องพึ่งพาการนำเข้าอะลูมิเนียมบริสุทธิ์ (Virgin Aluminium)
2.ภาษีนำเข้าสหรัฐ เพิ่มเป็น 50% ทำให้สูญเสียความสามารถในการแข่งขัน ให้ประเทศที่อยู่ใกล้สหรัฐที่มีระยะการขนส่งสั้นกว่า และมีกำลังการผลิตที่สูงกว่าเรา ซึ่งทำให้ต้นทุนการผลิตต่ำกว่า ทำให้เราไม่สามารถเพิ่มราคาขายได้ถึงแม้ภาษีจะสูงเท่ากันก็ตาม
สำหรับแนวทางการเพิ่มสัดส่วนถึง 60% นั่นคือ การเพิ่มอัตราส่วนวัตถุดิบให้ใช้เป็นเศษอะลูมิเนียมให้มากขึ้นเท่าที่จะทำได้ ซึ่งต้องมีเทคโนโลยีที่ดีและทันสมัย ในขณะเดียวกันภาครัฐควรดูแลป้องกันเรื่องเศษอะลูมิเนียมรั่วไหลออกนอกประเทศด้วย ซึ่งประเทศเพื่อนบ้านเรา เช่น เวียดนาม มีการกำหนดภาษีส่งออกถึง 22% และมาเลเซีย 10% ตามลำดับ
อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่ : ‘ส่งออก’ ไร้ทางออกเงื่อนไขสหรัฐ 7 กลุ่มอุตฯ RVC ต่ำ-ดิ้นหนีภาษี 40%
ติดตามข่าวล่าสุดได้ทุกวัน ที่นี่
– Website : https://www.prachachat.net