ลุ้นทรัมป์ลดภาษีให้ไทย-กัมพูชาหรือไม่ หลังข้อตกลงหยุดยิง
บลูมเบิร์ก รายงานว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ กล่าวว่า สหรัฐ จะกลับมาเจรจาการค้ากับไทย และกัมพูชาอีกครั้ง หลังจากที่ทั้งสองประเทศตกลงที่จะยุติการปะทะตามแนวชายแดนที่เป็นข้อพิพาท โดยอ้างเอาเครดิตจากการผลักดันให้เกิดสันติภาพ หลังจากขู่ที่จะขึ้นภาษีนำเข้ากับทั้งสองประเทศ
ทั้งสองประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ได้หยุดยิงกันเมื่อเที่ยงคืนวันจันทร์ ที่ผ่านมา จากผลการเจรจาที่นายกฯ มาเลเซียเป็นเจ้าภาพ หลังจากการสู้รบเป็นเวลา 5 วัน ซึ่งรวมถึงการโจมตีทางอากาศ และการยิงปืนใหญ่ ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 30 ราย และผู้พลัดถิ่นมากกว่า 150,000 คน ทั้งสองฝั่งของพรมแดนที่มีความยาวประมาณ 800 กิโลเมตร (500 ไมล์)
“ผมได้สั่งการให้คณะเจรจาการค้าของผมเริ่มต้นการเจรจาเรื่องการค้าใหม่อีกครั้ง” ทรัมป์กล่าวในโพสต์โซเชียลมีเดียในวันจันทร์ “ผมภูมิใจที่ได้เป็นประธานาธิบดีแห่งสันติภาพ!”
ทั้งสองประเทศเผชิญกับกำแพงภาษีนำเข้าจากสหรัฐ 36% ขณะที่เวียดนามซึ่งเป็นประเทศเพื่อนบ้านถูกเก็บภาษีนำเข้า 20% ขณะที่อินโดนีเซีย และฟิลิปปินส์ถูกเก็บภาษีนำเข้า 19% ก่อนถึงเส้นตายของทรัมป์ในวันที่ 1 สิงหาคม 2568
นายภูมิธรรม เวชยชัย รักษาการนายกรัฐมนตรีของไทย กล่าวเมื่อคืนวันจันทร์ ว่า ทรัมป์ได้กล่าวกับเขาทางโทรศัพท์หลังการเจรจาสันติภาพว่า “เราจะได้ประโยชน์อย่างมากจากการเจรจานี้ เขาจะพยายามอย่างเต็มที่เพื่อช่วยเหลือเราให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้”
เงินบาทอ่อนค่าลงเล็กน้อยที่ 32.49 ต่อดอลลาร์สหรัฐ ในการซื้อขายช่วงเช้าของวันอังคาร ท่ามกลางการแข็งค่าของเงินดอลลาร์สหรัฐ ตลาดหุ้นไทยมีกำหนดเปิดทำการอีกครั้งเวลา 10.00 น. ตามเวลาท้องถิ่น หลังจากปิดทำการในวันจันทร์เนื่องในวันหยุด ด้านกรุงเทพธุรกิจ รายงานว่า กองทัพไทยประณามฝ่ายกัมพูชาที่ละเมิดข้อตกลงหยุดยิงในช่วงเช้ามืดของวันนี้
- ทรัมป์อ้างได้แทรกแซงให้หยุดยิงในหลายประเทศ
คำกล่าวของทรัมป์เป็นตัวอย่างล่าสุดของวิธีที่ผู้นำสหรัฐ ใช้อำนาจต่อรองทางการค้าเป็นเครื่องมือในการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ ทรัมป์กดดันให้คู่ค้ายุติความขัดแย้ง หากต้องการรักษาการเข้าถึงตลาดสหรัฐ ต่อไป
สหรัฐได้เจรจาข้อตกลงระหว่างสาธารณรัฐประชาธิปไตยคองโก และรวันดาในเดือนมิถุนายน โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อยุติความขัดแย้งที่ยืดเยื้อมานานหลายปี และทรัมป์ก็ได้อ้างบทบาทของตนในการหยุดยั้งการปะทะกันระหว่างอินเดีย และปากีสถาน มหาอำนาจด้านนิวเคลียร์เมื่อต้นปีนี้เช่นกัน
นายกรัฐมนตรีภูมิธรรม และฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชา บรรลุข้อตกลงที่ประเทศมาเลเซีย เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา ในการเจรจาที่นายกรัฐมนตรีอันวาร์ อิบราฮิม เป็นเจ้าภาพ ในฐานะประธานอาเซียน
ทูตจากจีน และสหรัฐ ก็เข้าร่วมการเจรจาด้วยเช่นกัน และแถลงการณ์ร่วมจากสามประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้หลังการเจรจาระบุว่า การประชุมครั้งนี้ “ร่วมจัดขึ้นโดยสหรัฐอเมริกา และการมีส่วนร่วมอย่างแข็งขันของตัวแทนจากสาธารณรัฐประชาชนจีน”
ในคำกล่าวหลังการประชุม ทั้งภูมิธรรม และฮุน มาเนต ได้กล่าวขอบคุณอันวาร์ ทรัมป์ และจีน ที่ช่วยให้บรรลุข้อตกลงหยุดยิง
“การที่ทั้งสหรัฐ และจีน ต่างก็เห็นพ้องต้องกันถือเป็นเรื่องดี” ธิตินันท์ พงษ์สุทธิรักษ์ ศาสตราจารย์ด้านรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าว “ประเทศไทยต้องการให้สหรัฐ ลดภาษีนำเข้า และทรัมป์จะมองว่านี่เป็นชัยชนะ”
หลังจากความขัดแย้งกับอินเดียยุติลงเมื่อต้นปีนี้ ปากีสถานได้ออกมาชื่นชมการแทรกแซงของทรัมป์ ขณะที่นิวเดลีโต้แย้งข้อกล่าวอ้างของทรัมป์ที่ว่าการบรรลุข้อตกลงทางการค้าช่วยให้บรรลุข้อตกลงหยุดยิงได้ ทั้งสองประเทศยังคงเจรจาการค้ากันอยู่
ในสาธารณรัฐประชาธิปไตยคองโก ทรัมป์กล่าวว่า สหรัฐจะได้รับสิทธิในการทำเหมืองแร่ในประเทศดังกล่าวหลังจากเจรจาข้อตกลงกันแล้ว คองโกเป็นผู้ผลิตทองแดงรายใหญ่อันดับสอง และเป็นแหล่งผลิตโคบอลต์รายใหญ่ที่สุด ซึ่งทำให้คองโกมีบทบาทสำคัญในความพยายามของวอชิงตันในการลดการพึ่งพาห่วงโซ่อุปทานแร่หายากของจีน สำหรับเทคโนโลยีล้ำสมัย
พิสูจน์อักษร….สุรีย์ ศิลาวงษ์