สุขภาพแย่ เพราะ 'ฉี่บ่อย' ระวังภัยเงียบ สัญญาณเตือน 'โรคซ้อนเร้น'
ปัสสาวะบ่อย (Frequent Urination) ยิ่งในตอนกลางคืน เป็นอะไรที่หลายคนรำคาญใจ และรู้สึกไม่อยากตื่นขึ้นไปปัสสาวะ แต่นั่นอาจไม่ใช่ปัญหาเดียว เพราะการปัสสาวะบ่อยๆ อาจเป็นหนึ่งในสัญญาณเตือนถึงโรคอันตรายต่าง ๆ ที่ซุกซ่อนอยู่
โดยเฉพาะอาการปัสสาวะบ่อยร่วมกับอาการผิดปกติอื่น ๆ ที่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพกายและสุขภาพใจได้ไม่น้อย แต่ก่อนอื่นจะต้องทราบก่อนว่าปัสสาวะแบบไหนเรียกว่าบ่อย และแบบไหนที่ต้องรีบพบแพทย์ เพื่อรับการรักษาที่ถูกต้องเหมาะสมต่อไป
ปกติปัสสาวะของผู้ที่ไม่มีปัญหาสุขภาพจะมีปริมาณอยู่ที่ 250-500 ซีซีต่อครั้ง และภายใน 24 ชั่วโมงอาจปัสสาวะประมาณ 5-6 ครั้งต่อวัน หรือมากสุดน้อยกว่า 8 ครั้งต่อวันโดยไม่มีอาการปวดปัสสาวะหลังนอนหลับไปแล้ว แต่หากมีการปัสสาวะจำนวนครั้งมากกว่าที่กล่าวถึง อาจแสดงถึงภาวะปัสสาวะบ่อย (Frequent Urination) ได้
ทั้งนี้ หากการปัสสาวะบ่อยนั้นเกิดขึ้นในช่วงเวลากลางคืน ต้องลุกขึ้นมาปัสสาวะทั้ง ๆ ที่นอนหลับไปแล้วมากกว่า 2 ครั้งเป็นต้นไปจนรบกวนการนอนหลับ จะนับว่าเป็นอาการฉี่กลางคืน (Nocturia) ซึ่งอาจนับว่าเป็นความผิดปกติที่ควรเข้ารับการตรวจวินิจฉัยเช่นกัน
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
เช็ก! 'สีปัสสาวะ' บ่งบอกโรค- สุขภาพได้
ยังไม่ปวด อย่าฉี่ไปก่อน เสี่ยงกระเพาะปัสสาวะพังไม่รู้ตัว!
ปัสสาวะบ่อยเกิดจากอะไรได้บ้าง
ปัสสาวะบ่อยเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุปัจจัย ซึ่งอาจเป็นเพียงปัจจัยเดียวหรือหลายปัจจัยร่วมกันก็ได้ ดังนี้
- การดื่มน้ำหรือของเหลวในปริมาณมากกว่าปกติ
- การได้รับสารที่มีฤทธิ์กระตุ้นการปัสสาวะ เช่น การดื่มเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีนหรือแอลกอฮอล์ การรับประทานยาขับปัสสาวะ
- รับประทานผัก ผลไม้ที่มีส่วนผสมของน้ำเยอะ เช่น แตงโม แคนตาลูป สาลี่ ชมพู่ แตงกวา และมะเขือเทศ เป็นต้น
- สภาพแวดล้อม เช่น การอยู่ในที่อากาศเย็นเกินไป
- ความเครียดและสภาพจิตใจที่ผิดปกติ ส่งผลกระทบต่อระบบประสาท ที่อาจไปกระตุ้นให้ปัสสาวะบ่อย
- โรคที่เกี่ยวข้องกับระบบทางเดินปัสสาวะ ที่อาจกระตุ้นให้กระเพาะปัสสาวะบีบตัวเกิน
- โรคที่ส่งผลกระทบต่อความจุของกระเพาะปัสสาวะ ทำให้กระเพาะปัสสาวะจุน้ำปัสสาวะน้อยลง และปวดปัสสาวะบ่อยขึ้น
- โรคเรื้อรังที่มีผลต่อปริมาณน้ำปัสสาวะที่เพิ่มขึ้นผิดปกติ
- ใช้ยารักษาโรคประจำตัว ได้แก่ ยาขับปัสสาวะ กับ ยาโรคเบาหวาน
- ตั้งครรภ์ มดลูกของผู้หญิงมีครรภ์จะขยายใหญ่จนไปกดทับกระเพาะปัสสาวะ
- การดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์รวมทั้งคาเฟอีน
อาการปัสสาวะบ่อยแบบไหนที่ต้องพบแพทย์
- ปัสสาวะบ่อยร่วมกับการมีไข้สูง
- ปัสสาวะบ่อยแต่ปริมาณน้ำปัสสาวะแต่ละครั้งน้อย กะปริบกะปรอย หรือมีอาการปัสสาวะไม่สุด
- ปวดปัสสาวะบ่อยกลางคืน ต้องลุกมาเข้าห้องน้ำมากกว่า 2 ครั้งต่อคืน
- ปัสสาวะบ่อยพร้อมกับอาการแสบขัด
- ปัสสาวะมีเลือดปน หรือน้ำปัสสาวะมีสีผิดปกติ
- ปัสสาวะเป็นฟอง
- ปัสสาวะบ่อยร่วมกับการกลั้นปัสสาวะไม่อยู่
สัญญาณเตือน ปัสสาวะบ่อยเสี่ยงโรค
ปัสสาวะบ่อยไม่ได้เกิดจากการดื่มน้ำเยอะเพียงอย่างเดียว หากใครที่กำลังเผชิญกับปัญหาปัสสาวะบ่อย ทั้ง ๆ ที่ไม่ได้ดื่มน้ำมาก อาจต้องระมัดระวังสัญญาณเตือนจากโรคดังต่อไปนี้
- โรคกระเพาะปัสสาวะอักเสบ เกิดจากการติดเชื้อทางเดินปัสสาวะ
- เนื้องอกในกระเพาะปัสสาวะ นิ่วในกระเพาะปัสสาวะ ล้วนทำให้กระเพาะปัสสาวะมีพื้นที่จุลดลง จนทำให้ปัสสาวะบ่อยขึ้น
- โรคไต เกิดจากไตเสื่อมสภาพและไม่สามารถทำหน้าที่ในการดูดน้ำกลับสู่ร่างกายได้ตามปกติ
- โรคเบาหวาน ทำให้มีปริมาณน้ำตาลกลูโคสในเลือดสูง จนร่างกายจำเป็นต้องขับออกทางปัสสาวะ
- โรคเบาจืด ทำให้ร่างกายไม่สามารถควบคุมสมดุลของน้ำในร่างกายได้ ส่งผลให้ปัสสาวะบ่อยและมากกว่าปกติ
- โรคระบบสืบพันธุ์ เช่น เนื้องอกมดลูก มดลูกหย่อน เยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่ ต่อมลูกหมากโต เป็นต้น
- โรคทางระบบประสาท และโรคที่เกี่ยวข้องกับการควบคุมปัสสาวะ เช่น ภาวะกระเพาะปัสสาวะบีบตัวเกิน ท่อปัสสาวะตีบ หูรูดท่อปัสสาวะหลวม
ป้องกันดูแลสุขภาพเมื่อปัสสาวะบ่อย
การปัสสาวะบ่อย ๆ ย่อมส่งผลกระทบต่อสุขภาพกายและสุขภาพจิตใจด้วย เพื่อป้องกันไม่ให้ปัสสาวะบ่อย ๆ และดูแลสุขภาพให้กลับมาปัสสาวะเป็นปกติโดยเร็ว สามารถปฏิบัติตามคำแนะนำดังต่อไปนี้
- หลีกเลี่ยงการดื่มเครื่องดื่มที่มีฤทธิ์กระตุ้นการปัสสาวะ เช่น ชา กาแฟที่มีคาเฟอีน เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ฯลฯ
- ปรับพฤติกรรมการดื่มน้ำ เช่น ลดการดื่มน้ำก่อนนอน ดื่มน้ำในปริมาณที่เพียงพอ ไม่น้อยไป ไม่มากไป
- ปรับพฤติกรรมการปัสสาวะ เช่น ปัสสาวะเป็นเวลา ไม่กลั้นปัสสาวะนานๆ ฯลฯ
- ดูแลและควบคุมโรคประจำตัวให้อาการคงที่ เช่น หากเป็นโรคเบาหวาน ให้ควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด
- เข้ารับการรักษาโรคที่เกี่ยวข้อง เช่น การผ่าตัดเนื้องอกมดลูก เพื่อไม่ให้เนื้องอกมดลูกกดทับกระเพาะปัสสาวะ การเข้ารับการรักษาโรคต่อมลูกหมากโต
- คอยสังเกตปริมาณและจำนวนครั้งที่ปัสสาวะ รวมถึงอาการอื่น ๆ ที่เกิดขึ้นเมื่อปัสสาวะ หากมีความผิดปกติควรรีบปรึกษาแพทย์
- ปัสสาวะบ่อย อาจเป็นสัญญาณเตือนโรคอันตราย รีบตรวจสุขภาพ เพื่อรักษาสุขภาพที่ดีในระยะยาว
อาการปัสสาวะบ่อยเป็นบางครั้งบางคราวอาจเกิดขึ้นได้จากพฤติกรรมการดื่มน้ำ สภาพอากาศ และสภาพจิตใจในขณะนั้น ซึ่งเป็นภาวะปกติที่ไม่ต้องรักษา แต่หากปัสสาวะบ่อยเป็นประจำ หรือมีอาการผิดปกติอื่น ๆ ร่วมกับปัสสาวะบ่อย อาจต้องเข้ารับการตรวจวินิจฉัยเพื่อหาสาเหตุและรับการรักษาที่ถูกต้องต่อไป
แนวทางวินิจฉัยปัสสาวะบ่อยเกินไป
ในขั้นแรกแพทย์จะซักประวัติ ถามถึงปริมาณน้ำที่ดื่มต่อวัน ใช้ยาอะไรอยู่ ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์หรือคาเฟอีนหรือไม่ หลังจากนั้นทำการตรวจเพิ่มเติม ไม่ว่าจะเป็น
- ตรวจเก็บปัสสาวะ ดูแบคทีเรียและเซลล์เม็ดเลือดขาวว่าพบการติดเชื้อหรือไม่
- อัลตราซาวด์ เพื่อตรวจดูเนื้องอก
- ส่องกล้องกระเพาะปัสสาวะ ใช้ในผู้ป่วยที่มีการอักเสบ ถ่ายเบาบ่อยเรื้อรังโดยเฉพาะสตรีวัยกลางคนที่ผ่านการคลอดบุตรมานานหลายปี
รักษาปัสสาวะบ่อยทำอย่างไรบ้าง
หากพบความผิดปกติแพทย์จะรักษาตามอาการของโรค หากเป็นการตั้งครรภ์เมื่อคลอดบุตรแล้วจะหายได้เอง สำหรับผู้ที่ไม่ได้เป็นโรคหรือภาวะผิดปกติแต่อย่างไร เพียงแค่ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ชีวิตประจำวัน ได้แก่
- ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และคาเฟอีนในปริมาณที่เหมาะสม
- หลีกเลี่ยงการดื่มน้ำปริมาณมากก่อนเข้านอน
- ออกกำลังกายเสริมสร้างความแข็งแรงในกล้ามเนื้ออุ้งเชิงกราน
- หากมีการเล็ดราดของปัสสาวะ ควรสวมใส่ชุดชั้นในหรือแผ่นซึมซับ
อย่าปล่อยให้การปัสสาวะบ่อย ๆ กลายเป็นปัญหาเรื้อรังที่คอยบั่นทอนสุขภาพกายและสุขภาพใจ แนะนำให้เข้ารับการตรวจสุขภาพประจำปี เพื่อติดตามข้อมูลสุขภาพของตนเองอย่างใกล้ชิด พร้อมรับคำแนะนำในการดูแลสุขภาพโดยแพทย์ เพื่อรักษาสุขภาพที่แข็งแรงเอาไว้ได้อีกยาวนาน
อ้างอิง: โรงพยาบาลเพชรเวช , โรงพยาบาลพระรามเก้า