ไทยลุย! มทร.ธัญบุรี ผนึกยุโรป จัดการน้ำเสียจากโรงพยาบาล
มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี (มทร.ธัญบุรี) นำโดย รศ.ดร.สมหมาย ผิวสอาด อธิการบดี มทร.ธัญบุรี หัวหน้าโครงการ รศ.ดร.สุมนมาลย์ เนียมหลาง หัวหน้าโครงการย้อย “การศึกษาปัญหาในประเทศไทย” รศ.ดร.ธรรมศักดิ์ โรจน์วิรุฬห์ นักวิจัยด้านการบำบัดน้ำเสียจากโรงพยาบาล และดร.ธีรกัญญา ศรีโพธิ์ หัวหน้าโครงการ “การประเมินความยั่งยืนแบบองค์รวมและศักยภาพในการขยายผลของเทคโนโลยี” ร่วมเป็นภาคีในโครงการ “NEUTRAL4GS: Innovating with Nature for Sustainable Water Management in the Global South” โครงการวิจัยระดับโลกด้านการจัดการน้ำอย่างยั่งยืนที่ได้รับทุนสนับสนุนจากสหภาพยุโรป
โดยมีเป้าหมายหลักในการพัฒนาแนวทางบริหารจัดการน้ำเสีย โดยเฉพาะจากโรงพยาบาลในประเทศกำลังพัฒนา ด้วยแนวคิดนวัตกรรมที่กลมกลืนกับธรรมชาติ พร้อมสร้างผลลัพธ์ที่ตอบโจทย์ทั้งด้านเทคโนโลยี สิ่งแวดล้อม และนโยบายสาธารณะ
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
ผ้าไหม-ไม้ไผ่ บุรีรัมย์ปัง! คนรุ่นใหม่ปั้นนวัตกรรมผสานภูมิปัญญา
งานวิจัยเพื่อแก้ปัญหา AI กระหายน้ำ
รพ.มีน้ำเสียปนเปื้อนจากยา สารก่อเชื้อ
ทั้งนี้ นักวิจัยทั่วโลกตระหนักถึงผลกระทบในระยะยาวต่อมนุษย์และระบบนิเวศ แม้ว่าน้ำเสียจากโรงพยาบาลจะถูกบำบัดตามมาตรฐานทั่วไปด้านความสกปรกหรือปริมาณออกซิเจน (BOD, COD) แต่ปัญหาสำคัญที่ยังไม่ครอบคลุมในเกณฑ์มาตรฐานของประเทศไทยและหลายประเทศ คือ การปนเปื้อนของยา สารก่อเชื้อบางชนิด และผลิตภัณฑ์ทางยา รวมถึงฮอร์โมนที่ถูกขับออกมาจากร่างกาย ยกตัวอย่างเช่น กรณีศึกษาจากต่างประเทศที่พบปลาในแม่น้ำมีขนาดใหญ่ผิดปกติเนื่องจากการปนเปื้อนของฮอร์โมนจากยาคุมกำเนิด แม้ว่าน้ำจะผ่านมาตรฐานทั่วไปก็ตาม ซึ่งปัจจุบันเกณฑ์การวัดในไทยยังไม่มีการวัดยาปฏิชีวนะหรือยาฆ่าเชื้อ
โครงการวิจัยนี้เป็นการรวมตัวของผู้เชี่ยวชาญและนักวิจัยจาก สาธารณรัฐเช็ก, เดนมาร์ก,โปรตุเกส,อิตาลี, โปรตุเกส และประเทศกลุ่มใต้โลก อินโดนีเซีย,โคลอมเบีย ในไทยมี มทร.ธัญบุรีเป็นแกนนำ, โดยแต่ละประเทศจะมีการศึกษาเฉพาะกรณี (case study) ที่แตกต่างกัน เช่น อินโดนีเซียศึกษาเรื่องสารปนเปื้อนในแม่น้ำ และโคลอมเบียศึกษาเรื่องการขาดแคลนน้ำและการแย่งชิงน้ำระหว่างภาคเกษตรและผู้บริโภคส่วนไทยนั้นมุ่งเน้นที่น้ำเสียจากโรงพยาบาลโดยเฉพาะ
"มทร.ธัญบุรี" จัดการน้ำเสียจากโรงพยาบาล
โดยมีระยะเวลา 4 ปี เริ่มมกราคม 2567 กรอบการทำงานประกอบด้วย 3 ส่วน ได้แก่ การแลกเปลี่ยนนักวิจัย การบริการวิชาการ และการทำวิจัยเพื่อเสริมสร้างความร่วมมือทางวิชาการ ใน 6 เดือนแรก ทีมวิจัยได้เริ่มศึกษาและเปรียบเทียบนโยบายด้านน้ำของแต่ละประเทศ และกำลังดำเนินการวิเคราะห์หาสารปนเปื้อนจากยาปฏิชีวนะ (antibiotics) ในน้ำเสียโรงพยาบาล ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างรอผลการทดลอง
ทั้งนี้ RMUTT ได้เก็บข้อมูลจากโรงพยาบาลนำร่อง 3 แห่ง ได้แก่ โรงพยาบาลสมเด็จพระนั่งเกล้า โรงพยาบาลชลลดา และโรงพยาบาลเทียนฟ้ามูลนิธิ ซึ่งเป็นโรงพยาบาลขนาดใหญ่ กลาง และเล็ก ตามลำดับ ต่อมาได้ขยายเครือข่ายไปยังโรงพยาบาลอื่นๆ เช่น โรงพยาบาลธัญบุรี โรงพยาบาลธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ และศูนย์การแพทย์สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี และรพ.มงกุฏวัฒนะ ผลการตรวจสอบเบื้องต้นตามมาตรฐานทั่วไปพบว่าน้ำเสียผ่านเกณฑ์ แต่ผลการวิเคราะห์สารกลุ่มฟาร์มาซูติคัลเวสต์ (pharmaceutical waste) กำลังรอผลจากห้องปฏิบัติการ
การประเมินความยั่งยืนของเทคโนโลยีบำบัดน้ำเสีย ที่จะนำมาใช้ โดยพิจารณาจาก 3 มิติหลัก ได้แก่ สิ่งแวดล้อม เศรษฐศาสตร์ และสังคม ซึ่งรวมถึงการวิเคราะห์วงจรชีวิตของผลิตภัณฑ์ (Life Cycle Assessment) เพื่อประเมินความคุ้มค่าของการลงทุน ผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและสังคม รวมถึงความเหมาะสมของการเลือกใช้เทคโนโลยีที่อาจมาจากต่างประเทศ
โครงการวิจัยนี้คาดหวังว่าจะเป็น “เสียงสะท้อน” ไปยังภาครัฐให้ตระหนักถึงความจำเป็นในการยกระดับกฎหมายและมาตรฐานการจัดการน้ำเสียของประเทศไทย ให้สอดคล้องกับความเปลี่ยนแปลงของโลกและเทคโนโลยีที่ก้าวหน้า เพื่อความยั่งยืนของสิ่งแวดล้อมและสุขภาพของประชาชนในระยะยาว